เขาแต่งงานไปได้สองปีแล้ว มีครอบครัวและลูกที่น่ารักอยู่ในเกาะทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น ของชำร่วยคือตุ๊กตาอบดินรูปกระต่าย เค้กคือคุกกี้วานิลลาสอดไส้วิปครีม
หกปีที่แล้ว เขากับเธอสร้างบ้านสำหรับสอนอบเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆ น้อยๆ จาน ชาม ช้อน ที่รองแก้ว ด้ามแปรงสีฟัน ที่เขี่ยบุหรี่ หญิงสาวหน้าตาน่ารักต่างเวียนเข้ามาเรียนอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ทั้งคู่เริ่มเลี้ยงตัวได้
วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังปั้นถ้วยครึ่งวงกลม เขาบอกว่าเขาจะแต่งงาน
ไม่มีอะไรแตกหัก เธอตกใจแต่ก็ยังปั้นถ้วยต่อไป ตอนมันอบแห้งหูถ้วยดูแกนๆ รวมทั้งชีวิตเธอด้วย เวลานั้นอะไรๆ ก็ดูแกนๆ ทุกอย่างเสร็จแล้ว แต่เหมือนปั้นอย่างผิดรูปผิดรอย
เสื้อกล้าม กางเกงย้อมคราม รองเท้าแตะ เธอยังแต่งตัวเหมือนเดิม ทำภาชนะที่ปั้นเสร็จแล้วแตกเป็นพักๆ บางเวลาก็ชอบมองแกนกลางเครื่องจักรหมุนอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นสิ่งเดียวที่เธอยังยึดเหนี่ยวไว้ได้อยู่
สองดรุณลอบหายใจ ความทรงจำนี้เข้ามาคั่นการปั้นหม้อปั้นไหของเธอไม่บ่อยนัก
บางทีเขาก็เรียกเธอว่าดรุณ บางทีก็ทูดรุณ บางทีก็ไอ้ดู้ด แต่เขาไม่เคยเรียกเธอว่าสอง สวนเล็กๆ หลังบ้านที่มีแคร่ตั้งเป็นที่ที่เขามักจะย่องห่ามๆ ไปผลักเธอล้มลงในดงต้นจั๋ง ย่อว่ามาจากจั๋งไร ชอบหัวเราะเสียงดังแล้วเหน็บว่าเธอรักต้นพริกมากกว่างานเซรามิกที่ทำอยู่ ถึงได้ชอบมาประจบมานอนด้วย ทิ้งเขาไว้กับกองดินกองทรายแมว
บทสนทนาวันก่อนเก่ายังไหลวนอยู่ในดินขุ่นๆ เหนียวๆ เซรามิกเคยเป็นถึงอุดมคติที่สร้างขึ้นมาจนเป็นกระท่อมเล็กๆ สดใสด้วยกลิ่นใบกะเพรา มะลิซ้อน แกลดิออลลัส แต่ตอนนี้มันข้นคลั่กไปด้วยวัชพืชทางอารมณ์ รกร้างและหนืดเหนียว
"น้าหนึ่ง เดี๋ยวเราไปซื้อบุหรี่นะ ถ้าป้านุ่มขายโรตีจะซื้อมาฝาก"
"เมี้ยว~" หนึ่งดรุณครางเสียงอ้อยอิ่ง ซบไซ้เข้ากับผ้าฝ้าย แล้วสยุมหน้าลงไปกับพื้นที่ลับตรงหน้าตักเธอ
"เป็นเลสเบี้ยนหรือไงชอบซุกอยู่ได้ตรงนั้น แก่ปานนี้" แมววัยทองครางหงื่อหงิง นอนนิ่งๆ เหมือนไม่อยากให้เธอจากไปไหน เหมือนไม่มีที่ใดที่นอนแล้วซ่านหัวใจได้เท่ากับหว่างขาที่มีผ้าทับถมไว้ ดวงตาปรือปรอยเหมือนโลกนี้เงียบมากเสียจนความไม่มีอะไรสะกดให้อยากนอนไปชั่วกัปชั่วกัลป์ สองดรุณหัวเราะประสาทก่อนจะลุกขึ้นเร็วๆ แมวแก่ลากหางสีเทาเหลือบเลื้อยไปวนรอบข้อเท้าของเธอแทน
มันหมอบนาบลงกับพื้น ครืนหายใจ แล้วระบายออกมาเป็นไอแห่งความเหงา สองสามปีที่แล้วแมววัยทองสีเทาชังเธอมากกว่าใคร เขม่นและข่วนขยี้ได้เมื่อสบโอกาส เหมือนเป็นแม่ผัวที่ซึมซาบความรักต่อลูกชายไว้มากจนไม่อยากแบ่งปันกับใคร หนึ่งดรุณรักเขามาก รักเขาเพียงหนึ่ง แมวแก่หง่อมพยายามครูดเล็บสากไปกับขากางเกงยีนส์ของเขาด้วยแรงร่าเริงแบบเหี่ยวเฉาของมันในวันสุดท้ายที่เขากำลังจะย้ายออกไป
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร
การเผาไหม้รั้งไว้ไม่ได้ด้วยน้ำกระป๋อง
เวลานั้นเหลือแค่ 2 ดรุณ คือ 1 แมวกับ 1 คน เกลียดกันขึ้นตา ปลอบประโลมกันไม่ได้ก็ต้องหากิจกรรมประทังชีวิตมากพอที่จะทำให้ลมหายใจไม่แห้งมาก ผักสวนครัวไม่หนีตายกันไป ไม่สามารถปล่อยให้ดวงตาทำงานหนักไปได้ด้วยการมองเหล่าเซรามิกที่ยังปั้นไม่เสร็จ หรือหนึ่งดรุณแมวชราก็น่าจะใช้วิธีคล้ายกันคือหลับตาแล้วนอนในหมอนอิงที่เขาไม่ได้เอาไปด้วย เหมือนจะเจ็บปวดน้อยกว่า
แค่นอนลง และหลับหางตา
อากาศแถวนั้นชาลงไปเยอะ กล้ามเนื้อในตาของทั้งคนทั้งแมวก็ยิ่งโดนเหน็บกิน
เวลานั้นนอกจากเธอต้องจัดการตัวเองกับความรักที่กะทันหันของเขา ต้องยิ้มไม่โหดร้ายต่อสาวน้อยน่ารักที่เข้ามาช่วยเก็บของในบ้าน ต้องมองความว่างเปล่าให้ถนัดตา สิ่งที่ถาโถมที่สุดคือต้องตบตีกับแมวชราที่บำเพ็ญทุกขรกิริยาทุกเช้า ปฏิเสธข้าวหลายมื้อ นวยสังขารร้างราไปที่หน้าประตูทุกวัน เผื่อว่าเขาจะกลับมาพร้อมน้ำเต้าหู้เหมือนเช่นเคย
แต่เขาก็ไม่กลับมาอีก และหนึ่งดรุณก็ละเลยความเป็นแมวและการเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยดวงตาที่อับแสง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝนตกจนต้นสนลู่ลีบ สองดรุณเดินไปที่หน้าบ้านโดยไม่ใช้ร่ม ยืนถอนหายใจใส่เสียงฟ้าร้อง นั่งยองมองแมวไม่เจียมสังขารที่กระพริบตามองหามนุษย์ล่องหนในสายฝนที่ข้นเข้ม ดวงตาสีส้มที่เคยเจือแสงแข็งอ่อนแรงและมีหยดน้ำขังระหว่างร่องจมูก
"น้าหนึ่ง เลิกรอได้แล้ว" เสียงนั้นแผ่วสู้การเคลื่อนที่ของเมฆไม่ได้
เธอหวังว่าน้ำความรู้สึกเหล่านั้นมันจะเกิดจากฝน ด้วยกำลังที่เยียวยาด้วยปูนปั้น เธอจึงอุ้มหนึ่งดรุณขึ้นแนบอก ยกมวลสีเทานั้นซบซับกับข้างแก้มและจมูกที่ไม่ได้สัมผัสสิ่งมีชีวิตมานานด้วยกันทั้งคู่ น้ำฝนที่หล่นลงมาคือปลายค้อนที่เอาไว้ทุบแก้ว ทั้งเธอทั้งแมวจึงแตกสลายไปด้วยหยาดเหงื่อของความละอายพรายน้ำตา
"พรุ่งนี้ฝนหยุดแล้ว น้าหนึ่ง"
เธอพูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากถ้าหนึ่งดรุณอยากเปียกฝน เปียกสองคนก็น่าจะดีกว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in