แรงเหวี่ยงจากชิงช้าริมทะเลในคืนที่เหลือแค่เธอและเขา หมุนไปจนเท้าระทรายป่น โลกกลมๆ แสนอ่อนไหวของเธอจดจำไม่รู้จักจบสิ้นเหมือนมันไม่รู้ขอบเขตของคำว่าไม่รัก
เธอเวียนหัว รู้สึกว่ามันต้องทิ่มลงพื้น เซไม่หยุด เขาบอกว่าเขาจะพยุงเธอไว้เอง
ตลกดีที่เขาทำแบบนั้นจริง
เธออยากมองแววตาของเขาและเก็บมันไว้ในหางคิ้วแต่เธอมึนแรงหมุนเกินไป นี่เป็นเวทมนตร์ประเภทไหนของเขากัน ทำให้ประสาทรับรู้เธอไม่หวนคืนและทำให้เธอมองชิงช้าแล้วเจ็บปวด ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ในนิยายมีคำว่า จิตไม่นิ่งพอที่จะรอให้น้ำค้างหยอดผ่านรูเข็มได้
เธอนื่งไป
ไม่แน่ใจว่ามันเป็นความรู้สึกเดียวกับเวลาที่มองแผ่นหลังของเขาหรือเปล่า
และเธอเสียเวลาไปกับการมองหาเขาในดวงตาของเธอเอง
เขาช่างเหมือนขิงอบแห้ง มันไม่อร่อยเลย ไม่เลย รสชาติปรัมปราเหมือนสมุนไพรในป่าบอลลูน แต่เธอจะตั้งมันไว้ข้างกล่องทิชชู และเปิดแกร็กออกมาเมื่อไม่รู้จะทำอะไร
ดวงตาเธอคงหวานเหมือนตาลเชื่อม สนิมเลอะเลือน แว่นเลอะเกลื่อนสายตาเขาจนเมามายไปหมด
ชั่วโมงนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากคุยกันเรื่องหน้าม้าของเธอ แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องหน้าม้าอะไรนั่นเลย
เขาเห็นเธอในพายุฝนของต้นฤดูใบไม้ผลิ บกพร่อง ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่ใบไม้สีส้มเหล่านั้นพอโดนโปรยน้ำโหมแล้วก็สวยงามชัดเจนจนไม่อยากสืบสายตาไปมองที่อื่น
แฟชันของรัสเซียในยุค 60 ทำให้เธอเหมือนดอกซากุระในอวกาศ สูดเผินๆ กลิ่นแชมพูของเธอคล้ายอาซาเลียพันปี แต่เธอก็ยังมีดวงตาที่เย็นชื่นยิ่งกว่าฝนใต้ร่มของคู่รัก
เขาเองก็เป็นมนุษย์เสียขนาดนี้ ชอบใส่แค่สูทผิดไซส์หยาบๆ แว่นทรงโต๊ะญี่ปุ่น และมีกลิ่นของความน่าอายวนเวียนอยู่ไปทั่ว
เขาเห็นรอยยิ้มแบบเด็กๆ แบบนั้นอีกครั้งตอนที่เธอเมา ไฟโคมส่องหน้าพาดไปครึ่งตา ปากเผยอน้อยๆ งานเลี้ยงรุ่นไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย
ยังชอบพิงศีรษะเข้าหาผนัง ผุดผุยถ้อยคำไร้สาระใส่อากาศหวังว่าคงไม่มีใครติดใจจะฟัง หลบตาเขาเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายจึงเลือกที่จะฟุบไปกางกองเบียร์เพื่อตัดปัญหา
ปัญหามันแก้ไม่ได้ตั้งนานแล้ว เธอไม่รู้หรือไง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in