เชื่อว่ากว่าจะผ่านแต่ละปีที่อยู่ในรั้วโรงเรียน พวกเราคงจะได้ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่สิ เรียกว่าท่องศัพท์กันเป็นบ้าเป็นหลังเลยดีกว่า ยิ่งช่วงที่จะสอบอะไรสักอย่าง เช่น สอบเข้ามหาวิทยาลัย สอบโทเฟล สอบไอเอล หูยยยนั่งอ่านศัพท์กันเป็นแผ่นๆ
แล้วเราก็เชื่อ ว่าศัพท์ที่เราเรียนกันมานั้นมันคือศัพท์ส่วนใหญ่แล้ว คือเยอะแล้ว คือพอออกไปโลกกว้างเราสามารถอ่านทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ได้แล้ว
ซึ่งมันก็ไม่จริงเสมอไป
มีตลกร้ายแก๊กหนึ่งกล่าวว่า ศัพท์ที่ได้จากห้องเรียนนั้นมีจำนวนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับศัพท์ที่ได้จากแหล่งอื่น เช่น เกม ภาพยนตร์ เพลง
มีเพื่อนคนหนึ่งที่ติดเกมมากเคยบอกว่า "ศัพท์ส่วนใหญ่กูก็ได้มาจากเกมทั้งนั้นแหละ"
เชื่อมั้ยว่า ยิ่งผ่านโลกมามากเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นด้วยกับประโยคสองประโยคนี้มากขึ้น
เราก็เป็นเหมือนนักเรียนทั่วๆไป ที่เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย และก็มีเรียนพิเศษเสริมบ้างอะไรบ้าง ซึ่งในการเรียนมันก็ต้องท่องศัพท์ที่ จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ในขณะเดียวกัน เราก็เป็นนักเล่นเกมคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้เล่นเป็นล่ำเป็นสันแบบเพื่อนเจ้าของประโยคข้างบนก็ตาม แต่เราก็พบว่าตัวเองได้ศัพท์มาหลายคำจากการเล่นเกมเช่นเดียวกัน
จนกระทั่งครั้งหนึ่งที่เราไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ อาจารย์ให้เล่นทายคำศัพท์ชื่อสิ่งของอะไรแบบนี้ คำศัพท์ที่มีก็เช่น bandage - พลาสเตอร์หรือผ้าพันแผล
ที่ทำให้เรา เฮ้ย! ก็คือว่า สาเหตุที่เรารู้ว่าผ้าพันแผลคือ bandage นั้นน่ะ ไม่ได้มาจากการเรียนในโรงเรียน
แต่มาจากการเล่นเกม!
หรืออีกครั้งหนึ่งในชั่วโมงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เขาให้อภิปรายเกี่ยวกับการเล่นเกมนี่แหละ เราก็บอกว่ามันได้ศัพท์นะ แล้วยกตัวอย่างศัพท์คำหนึ่งคือ rickshaw ซึ่งแปลว่า รถลาก
นอกจากอาจารย์เจ้าของภาษาแล้วทุกคนทำหน้างงกันหมดเลย...
การเรียนรู้นอกห้องเรียนนี่สอนศัพท์หลายคำมากเลยนะ
จริงๆถามว่าการเรียนการสอนในห้องเรียนมีอะไรผิดพลาดรึเปล่า จะว่าไงดีล่ะ เอาเป็นว่าเขาก็พยายามสอนให้เรานำออกไปใช้สอบและดำรงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่า ศัพท์ที่เราเรียนรู้ในห้องเรียนน่ะ มันแค่ส่วนหนึ่งของคำศัพท์ทั้งหมดทั้งมวลที่มีอยู่เท่านั้น เพราะในชีวิตจริง คำๆหนึ่งที่เราเรียนในห้องเรียน มันมีทั้งคำเหมือนในระดับเดียวกัน ในระดับภาษาสวยกว่า ในระดับภาษาพูด ซึ่งเราต้องออกไปใช้ชีวิตเท่านั้นจึงจะได้เรียนรู้
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการอคติ เราจะไม่ฟันธงว่าการศึกษาทุกที่สอนศัพท์เหมือนกันหมด เอาเป็นว่าในชีวิตเรา เอาแค่ที่เราจำได้ มันเป็นแบบนี้ ศัพท์ที่จำได้มันมาจากนอกห้องเรีียนมากกว่า
ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่เราค้นพบด้วยตัวเอง
- เราถูกสอนว่าการเป็นสุภาพบุรุษต้องใช้คำว่า gentleman แต่อาจารย์ไม่ได้บอกเราว่านอกจาก gentleman แล้วน่ะ มันมีศัพท์โบราณๆสวยๆอีกคำหนึ่งคือ chivalry แปลว่าสุภาพบุรุษได้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในวงการทหารไม่ได้ใช่ทั่วๆไป
- betray แปลว่าหักหลัง betrayer คือคนทรยศ นั่นก็ใช่ แต่มันยังมีคำอื่นๆในความหมายคือๆกัน เช่น treacherous ที่แปลว่า ทรยศ และคนทรยศนั้นก็ใช้ได้อีกคำหนึ่งคือ traitor แล้วคำหลังเนี่ย ในหนังใช้บ่อยมากเลยนะ ไปดูสิ
- อาจารย์สอนว่าน้ำมันคือ oil แล้วทำไมอาจารย์ไม่บอกหนูว่า น้ำมันหมูคือ lard ด้วยล่ะคะ???
- ห้องเรียนสอนว่า ฉลาด แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า clever, intelligent, keen หรือ wise ส่วนคำอื่นๆที่ความหมายใกล้เคียงกันเช่น savvy, astute, witty น่ะ เป็นภาระที่เราต้องไปขวนขวายจำเอาเอง
- เรารู้ว่าอร่อยคือ taste good หรือ delicious แต่ห้องเรียนไม่ได้สอนว่าภาษาพูดของ delicious ที่ใช้กันคือ yummy
- หน้ายิ้มคือ smile หน้าบึ้งคือ frown แล้วหน้าเฉยๆล่ะ?
....stoic ไง ที่แปลว่าไม่ยินดียินร้าย ต้องไปหานอกตำราเอาล่ะนะ
ฯลฯ
ศัพท์ที่กล่าวถึงนี้บ้างได้จากเกม บ้างได้จากหนัง บ้างได้จากการใช้ชีวิตจริงๆในต่างแดน และบ้างก็ได้จากการอ่านบทความภาษาต่างประเทศ และยิ่งเราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนของภาษาต่างประเทศมากเท่าไหร่ เรายิ่งค้นพบว่ามีศัพท์ที่เราไม่รู้มากมายนัก
บางคำพอได้เจอถึงขั้นอุทานออกมาว่า "มันมีคำนี้ในโลกด้วยเหรอวะ??"
และไม่นานมานี้ มีเกมๆหนึ่งที่เปิดโลกแห่งศัพท์ให้เรามากทีเดียว นั่นคือเกมครอสเวิร์ดหรืออักษรไขว้ภาษาอังกฤษที่ชื่อ Cody Cross ที่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเจอศัพท์แปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆ จนแบบเฮ้ยนี่เรามีศัพท์ที่เราไม่รู้จักเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
นี่ยังไม่นับศัพท์ที่ได้จากเกมอื่นหรือแหล่งอื่นเลยนะ
ที่สุดแล้ว เราจึงตัดสินใจจดบันทึกศัพท์ประหลาดๆหรือศัพท์ที่เราไม่คุ้นเคยเก็บรวบรวมเอาไว้...ดูเล่น จริงๆก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะจดบันทึกคำศัพท์เหล่านี้ไปเพื่ออะไร เพราะการงานที่ทำทุกวันนี้นั้นแทบไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ แล้วเราก็แก่เกินที่จะมานั่งท่องศัพท์ไปวันๆด้วย
แต่คิดอีกที...อุตส่าห์ค้นพบว่ามีศัพท์ที่เรายังไม่รู้จักอยู่ในโลกแล้ว จะปล่อยผ่านแบบไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเลย เราก็เสียดาย อย่างน้อยที่สุดก็ขอเก็บไว้เผื่ออ่านเล่นๆก็แล้วกัน
หลังจากจดไปสักระยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนฝูง เราจึงแชร์บันทึกของเราไปให้เพื่อนคนที่อยากได้ศัพท์เหล่านี้ ด้วยหวังว่าเขาจะได้นำมันไปใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง คิดซะว่าเอาไปใช้ประโยชน์แทนเราก็แล้วกัน
เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in