ขอแนะนำโรงแรมตามเมือง และขอจัดอันดับเป็นการส่วนตัวดังนี้ค่ะ (อันดับ 1-6 อยู่หลังชื่อโรงแรมทั้ง 6 ที่)

2. Vessel Inn (#5) - ตอนแรกเลือกโรงแรมนี้เพราะใกล้สถานีรถไฟ (Nakajima Park) และอีกอย่างคือ อาหารเช้าของที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารเช้าโรงแรมที่ดีอันดับ 4 ของญี่ปุ่น! เจอแบบนี้เข้าไปก็ต้องขอลองพักซักคืนเพื่อลองกินอาหารเช้า ขึ้นชื่อว่าเป็น inn แต่โรงแรมเองค่อนข้างใหญ่ มีหลายชั้นกว่าที่คิด สิ่งที่แสดงถึงความเป็น inn อาจจะเป็นที่ว่าพวกของใช้ในห้อง เช่นหมวกอาบน้ำ แปรงสีฟัน ชา เค้าให้หยิบเองจากที่ล็อบบี้ค่ะ ตัวห้องเองก็ค่อนข้างมาตรฐาน ไม่หวือหวาแต่มีทุกอย่างที่ควรมี และในส่วนของอาหารเช้าที่ฮือฮากันนั้น ส่วนตัวแอบรู้สึกผิดหวังค่ะ คิดว่าเหตุผลที่ได้จัดอันดับดีน่าจะเป็นเพราะทางโรงแรมมีปลาดิบและไข่ปลาหลายอย่างให้โปะใส่ข้าวเองแบบไม่อั้น ซึ่งสำหรับคนที่ชอบกินข้าวหน้าปลาดิบอาจจะรักอาหารเช้าที่นี่ นอกจากนี้ยังมีเมนูดังอีกหลายอย่างของฮอกไกโดให้หยิบทานเอง เช่น soup curry หรือ หมูย่าง tokachi แต่ส่วนตัวที่ปกติชอบเมนูแบบฝรั่งเป็นอาหารเช้า ที่นี่แทบไม่มีขนมปังอะไรให้เลือกเท่าไร เลยไม่ค่อยถูกใจค่ะ ขอจัดอันดับให้อยู่ที่ 5 ใน 6 โรงแรมที่ไปพักในรอบนี้

Shin Furano Prince Hotel (#2) - ตอนจองโรงแรมนี้ค่อนข้างลังเลเพราะราคาแอบแรงอยู่ แต่พอไปพักแล้วขอบอกว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะสำหรับการไปเที่ยว Furano หน้าหนาว! โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ใหญ่มาก ด้านหลังโรงแรมมีพื้นที่กว้างที่ทางโรงแรมจัดกิจกรรมให้ทำสำหรับครอบครัว เช่น ski walk, ATV,  tube riding หรือแม้แต่การนั่งรถลากโดยมีน้องหมาลากให้ก็มีเช่นกัน สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของ Furano อย่าง Ningle Terrace จริงๆแล้วก็คือสวนหลังบ้านของโรงแรมเลยค่ะ ตอนเย็นๆมีคนเยอะมากเพราะมีทัวร์พานักท่องเที่ยวมาลงที่นี่ แต่ข้อดีของการมาพักที่นี่ก็คือเราสามารถมาเดินไปตอนค่ำก่อนเค้าปิดเพื่อไปถ่ายรูปแบบไม่มีคนได้หนำใจเลยค่ะ นอกจาก Ningle Terrace เดินเข้าไปในป่าต้นสนหลังโรงแรมไม่ไกลมากยังมีร้านกาแฟสุดคิ้วท์ Mori no Tokei ให้จิบกาแฟทานขนมอีกด้วย (ขอแนะนำเพิ่มเติมในโพสต์เรื่องอาหารนะคะ)  ในโรงแรมยังมีออนเซ็นให้บริการฟรีด้วย ซึ่งมีทั้งบ่อในร่มและบ่อกลางแจ้ง บ่อกลางแจ้งจริงๆค่อนข้างเล็กและมองไม่เห็นวิวอะไรเท่าไร่ค่ะ แต่การแช่น้ำร้อนไปหิมะตกใส่หัวไปก็เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก :) ไฮไลท์ที่สุดของโรงแรมนี้น่าจะเป็นการเล่นสกีค่ะ เพราะในโรงแรมเราสามารถหาครูสอน เช่าอุปกรณ์ แล้วเดินออกนอกประตูไปเล่นสกีได้เลย สะดวกสุดๆ แน่นอนว่าค่าเช่าอุปกรณ์และค่าครูก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยสกีเลยอย่างฉัน ถ้าไม่ได้จ้างครูคงเล่นไม่ได้แน่นอนค่ะ ใครที่จะไปเปิดประสบการณ์ครั้งแรกเหมือนกัน แนะนำให้ไปจองคลาสก่อนเลยนะคะ บางครั้งครูเค้าก็ flexible เวลาให้ในระดับนึง แต่ควรแพลนดีๆจะได้มีเวลาเรียน สนุกสนานอย่างเต็มที่ค่ะ

ห้องพักคือไม่ต้องพูดถึง ดีงามมากค่ะ โดยเฉพาะวิวที่มองออกไปนอกหน้าต่าง มันคือเทือกเขาหิมะไกลสุดลูกหูลูกตา แค่มองวิวก็รู้สึกคุ้มที่มาพักที่นี้แล้วค่ะ และอีกอย่างทีรู้สึกค่อนข้างชอบสำหรับโรงแรมนี้คือ buffet อาหารเช้าค่ะ ไลน์ buffet ที่นี่ก็ค่อนข้างใหญ่มาก รองรับนักท่องเที่ยวได้เยอะ มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ที่ชอบที่สุดคือข้าวหน้าไข่ปลาที่ทางพนักงานตักให้แบบไม่กั๊ก และก็นมค่ะ! โรงแรมมีนมให้เลือกดื่ม 3 แบบ เชิญชวนให้ test รสชาติกันไปเลย โดยที่มีกระดาษแนะนำ taste profile ของนมแต่ละตัว ส่วนตัวแล้วรู้สึกว้าวมาก เพราะเหมือนนมแต่ละตัวมี story ที่ไม่เหมือนกัน การนำเสนอสินค้าท้องถิ่นด้วยวิธีแบบนี้คือชอบมากค่า

Hotel Mahoroba (#4) - เห็นโรงแรมนี้ในคลิปของ Youtuber ท่านนึงและตัดสินใจจองตามเพราะได้ยินว่าที่นี่มี buffet อาหารเย็นที่อลังการมาก ฉันจองห้องเป็นห้องแบบญี่ปุ่น นั่นก็คือต้องปูฟูกนอนพื้นนั่นเอง มาโรงแรมออนเซ็นทั้งทีก็ต้องลองนอนให้ได้อารมณ์เรียวกังจริงมั้ยคะ :D แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางโรงแรมจะมีพนักงานมาปูให้ตอนค่ำ ไม่ต้องออกแรงปูเองค่า โรงแรมห่างจากสถานีรถไฟประมาณเกือบ 20 นาที ตอนแรกคิดไว้ว่าจะนั่งรถเมล์ แต่เนื่องจากหิมะตกและหนาวมาก เราจึงไม่คิดมาก นั่งแท็กซี่ไปเลย ตัวโรงแรมใหญ่มาก มีกลุ่มทัวร์เกาหลีและมาเลเซียมาลงที่นี่อยู่พอสมควรค่ะ ถึงจะไกลจากสถานีรถไฟ แต่โรงแรมค่อนข้างใกล้จุดเช็คอินสำคัญของ Noboribetsu นั่นก็คือ Jigokudani นั่นเอง ซึ่งเดินไปไม่ไกลเลยค่ะ 

ไฮไลท์ของโรงแรมแน่นอนว่าเป็นออนเซ็น ตอนแรกได้ไปแช่ที่ Furano คิดว่าก็ไม่เลวแล้ว ที่นี่คืออีกขั้นของออนเซ็นเลยค่ะ! เดินเข้าไปในห้องแช่คือมองอะไรไม่เห็นเลย เพราะเป็นไอน้ำหมด ไม่ต้องเขินเลยค่ะเพราะไม่มีใครมองเห็นอะไรทั้งนั้น 555 แต่พอเดินเข้าไปเลยจุดอาบน้ำ ก็เห็นบ่อต่างๆมากมาย ถ้าดูคร่าวๆน่าจะมีเกือบ 10 บ่อได้ แต่ละบ่อมีน้ำที่แตกต่างกัน ซึ่งดูจากชื่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือน้ำอะไร แต่ความรู้สึกที่แช่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด บางบ่อก็ไม่ได้ไปแช่ค่ะ เพราะน้ำร้อนมากเกินทนไม่ไหว และที่วิเศษสุด คือบ่อกลางแจ้งที่อยู่กลางแจ้งจริงๆ ถ้าเคยเห็นรูปบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง มันคือแบบนั้นเลยค่ะ รอบๆบ่อเป็นหิน หิมะตกลงมาจากท้องฟ้ามากองอยู่บนหินรอบบ่อ จับขึ้นมาปั้นตุ๊กตาหิมะได้เลย ในขณะที่น้ำในบ่อก็คือร้อนกำลังดี ฟินสุดๆค่ะ 

ฉันจองห้องโดยที่มีรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น เพราะอยากมาดูกับตาว่าอลังการแค่ไหน ไลน์ buffet มีให้เลือกเยอะมากจริงค่ะ สมกับเป็นโรงแรมใหญ่ที่รองรับทัวร์ แต่ที่แอบผิดหวังคือไม่มีปูในไลน์ buffet แต่ยังไงก็อิ่มหนำสำราญอยู่ค่ะ ส่วนอาหารเช้าก็อยู่ในห้องอาหารเดียวกัน แต่ตัวเลือกจะน้อยกว่าตอนเย็นหน่อยค่ะ 

ตอนเช็คเอาท์ แอบแปลกใจเพราะทางโรงแรมเรียกเก็บค่าออนเซ็นเพิ่มคนละ 300 เยน จริงๆไม่ได้แพงอะไรแต่สงสัยว่าทำไมไม่ได้รวมอยู่ในค่าห้องไปเลย แต่เพราะออนเซ็นดีมากเลยยกโทษให้ค่ะ 55 ขากลับพวกเราตัดสินใจไปลองนั่งรถเมล์ดู ซึ่งจะมีป้ายรถเมล์ใหญ่เป็น hub ไม่ไกลจากโรงแรมมาก เดินไปขึ้นรถได้ แต่ต้องดูเวลารถดีๆด้วยนะคะ 

Tokyustay Hakodate Asaichi (#1) - เป็นโรงแรมในดวงใจของทริปนี้เลย! ตัวโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Hakodate และอยู่ติดกับตลาดเช้าที่ทุกคนต้องแวะเมื่อมาเมืองนี้ โรงแรมเองค่อนข้างใหม่ ห้องที่เราได้น่าจะเหมือน service apartment มากกว่าโรงแรม เพราะมีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวให้ แถมยังมีเครื่องซักผ้าในห้องด้วยค่ะ ขนาดห้องก็ใหญ่กว่าห้องที่โรงแรมอื่นๆที่ไปพักในทริปนี้ มีห้องอาบน้ำแยกกับห้องชักโครก และที่ว้าวสุดคือวิวจากห้องที่มองเห็น Seaport Park และ Train Ferry Memorial Museum ที่สวยมากก เนื่องจากอยู่ติดกับตลาดเช้า เราจึงไม่ได้จองห้องที่รวมอาหารเช้า แต่ออกไปหากินในตลาดเองค่ะ ซึ่งคืออยู่ติดกันเลย ร้านอูนิร้านดังอย่าง Murakami คืออยู่ข้างโรงแรมเลยค่ะ สรุปว่าเป็นโรงแรมที่ดูดี พักสบาย เดินทางสะดวก ถ้าใครไป Hakodate ขอแนะนำโรงแรมนี้เลยค่าา <3

Hotel Wings International (#6) - อย่างที่เกริ่นไปในโพสต์เรื่องการเดินทาง เนื่องจากไฟล์ทขากลับของเราค่อนข้างเช้า เราจึงตัดสินใจพักคืนสุดท้ายที่เมือง Chitose ค่ะ ข้อดีของโรงแรมนี้คือมี shuttle ไปส่งที่สนามบินฟรี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที ทางโรงแรมจะมีรอบอยู่ ใครสนใจลองเช็ครอบรถกับทางโรงแรมก่อนได้นะคะ ที่ตั้งของโรงแรมห่างจากสถานี JR Chitose ประมาณ 700 เมตร จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้มาก ลากกระเป๋าบนพื้นหิมะไปค่อนข้างเกินกำลัง เราจึงนั่งรถแท็กซี่ไปค่ะ ค่ารถก็เหมือนมิเตอร์จะยังไม่เด้งเลย อยู่ที่ 560 เยนค่ะ แต่พอไม่มีสัมภาระ เราก็สามารถเดินมาแถวสถานีได้นะคะ ใกล้ๆสถานีมีห้างอิออนอยู่ เหมาะกับการช้อปสินค้า supermarket ก่อนบินกลับมากค่ะ ส่วนข้อเสียของโรงแรมคือโรงแรมค่อนข้างเก่าค่ะ ดูเป็นแนวสไตล์ประมาณ 10 ปีก่อน มีความคล้าย Vessel Inn ตรงที่ของใช้ในห้องต่างๆให้หยิบเองจาก lobby ตัว wallpaper โถงทางเดินและในห้องดูไม่ค่อย modern เท่าไร ห้องก็ค่อนข้างเล็ก เลยเปิดกระเป๋าจัดของลำบากนิดหน่อย หน้าต่างก็เหมือนจะกันลมหนาวจากด้านนอกไม่ค่อยดีนัก ริมหน้าต่างในห้องยังมีน้ำแข็งเกาะเลยค่ะ แต่อย่างไรก็ตามขนาดเตียงค่อนข้างใหญ่ พอนอนสบายอยู่ค่ะ เนื่องจากเราต้องออกจากโรงแรมแต่เช้าไปสนามบิน ไม่ได้กินข้าวเช้าที่โรงแรม เลยรีวิวไม่ได้เหมือนกันว่าอาหารที่โรงแรมเป็นยังไง แต่ไม่ว่ายังไงคิดว่าการพักแถว Chitose ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีอยู่เพราะได้ช้อปคืนสุดท้ายด้วย ใครที่ตัดสินใจเหมือนกันลองมองหาโรงแรมอื่นที่มี shuttle bus ไปสนามบินด้วยก็ดีนะคะ