ขาไป TG 670 BKK 23:50 --> CTS 08:20

ขากลับ TG 671 CTS 10:00 --> BKK 15:50

เที่ยวบินขาไปถือว่าเป็นเวลาที่ดี เพราะเหมือนเรานอนหนึ่งคืนตื่นมาก็ถึงที่หมายพร้อมเที่ยวได้แล้ว ไปถึงซัปโปโรก็ยังเช้า สามารถแพลนที่เที่ยวได้ทั้งวันเลยค่ะ 

เที่ยวบินขากลับจริงๆก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดีนะ เพราะมาถึงไทยไม่ดึกเกินไป แต่แค่จะรู้สึกแอบเสียดายที่ต้องตื่นเช้าไปสนามบินเลย เหมือนวันเที่ยวหายไปหนึ่งวัน ถ้าใครเลือกเที่ยวบินเดียวกัน แนะนำให้คืนก่อนหน้าหาโรงแรมที่อยู่แถว Chitose เพื่อที่จะเดินทางไปสนามบินได้ง่าย โรงแรมที่ฉันเลือกมีบริการ free shuttle bus ไปสนามบินด้วย หากใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ในโพสต์เรื่องที่พักนะคะ

ข้อเสียอีกอย่างของเที่ยวบินขากลับนี้ คือตอนไปถึงสนามบินร้านขายของฝากจะยังไม่เปิดเต็มที่ ถ้าใครกะจะรอซื้อของฝากที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องทีเดียวเหมือนฉัน อาจจะไม่สามารถช้อปได้นานเท่าที่ใจอยาก ต้องรีบคว้ารีบจ่าย (อย่าลืมบอกเค้าว่าแบบ tax free นะคะ) แล้วไปต่อค่ะ ใครที่อยากไป Doraemon Sky Park หรือ Hello Kitty Happy Flight ที่อยู่ในสนามบิน ขอบอกว่าต้องอดถ้าบินไฟล์ทนี้ เพราะร้านเปิด 10 โมงจ้า

สิ่งที่พวกเราทำอย่างแรกหลังจากถึงสนามบินคือไปหาสถานี JR เพื่อซื้อตั๋ว JR Pass ค่ะ หากใครซื้อ Pass จากไทยไปแล้วก็ต้องไปที่สถานีเพื่อแลกตั๋วอยู่ดีนะคะ สถานี JR ที่สนามบิน New Chitose อยู่ที่ชั้นใต้ดินของอาคาร Domestic ฉะนั้นพอเราผ่านตม.ออกมาที่อาคาร Intenational ต้องเดินไกลนิดนึงเพื่อมาอีกอาคาร ระหว่างทางจะผ่านร้านขายของฝากมากมายที่เราต้องยับยั้งชั่งใจอย่าเพิ่งเข้าไปช้อป เพราะเพิ่งจะมาถึงเอง เดินตามป้าย JR ไปเรื่อยก็จะถึงอาคาร Domestic ค่ะ ลงชั้นใต้ดินไป 2 ชั้นก็จะถึงสถานี JR ด้านขวาจะมีเคาน์เตอร์อยู่ สามารถไปซื้อ Hokkaido JR Rail Pass ได้เลย พวกเราซื้อตั๋วสำหรับ 7 วันเพราะแพลนนั่งรถไฟเปลี่ยนเมืองทุกวัน ซื้อแบบนี้คุ้มสุดค่ะ ราคาคนละ ￥26,000

มีตั๋วแล้ว อีกอย่างที่แนะนำให้ทำทุกครั้งก่อนขึ้นรถคือการจองที่นั่งค่ะ โดยเฉพาะถ้าจะนั่งไปเมืองไกลๆหลายชั่วโมง ควรจองที่นั่งไปดีกว่าไปเสี่ยงดวงว่าที่นั่งอิสระจะมีที่เหลือมั้ย ที่นั่งของตู้รถที่ต้องจองก็จะนั่งสบายกว่า แล้วก็มีโต๊ะข้างหน้าเหมือนที่นั่งบนเครื่องบินด้วยค่ะ การจองที่นั่งได้ยินว่าจองได้ online แต่ที่ฉันลองเข้าไปดูเหมือนจะจองได้เฉพาะ 2 วันล่วงหน้า สำหรับฉันที่ยังไม่อยากจำกัดเที่ยวรถที่แน่นอนเลยจอง online ไม่ได้ค่ะ ได้แต่ไปจองผ่านเคาน์เตอร์ก่อนเวลารถไฟที่ต้องการจะนั่ง รถไฟจะออกใน 15 นาทีแล้วก็ยังจองได้นะคะ สะดวกมากมาย สำหรับคนที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ ตู้รถไฟก็มีที่เฉพาะสำหรับวางกระเป๋าค่ะ

ตามแพลนแล้วนอกจากนั่ง JR ข้ามเมือง เราต้องนั่งรถเมล์เพื่อไปโรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวบ้าง พอไปถึงซัปโปโร ฉันจึงไปซื้อบัตร Kitaca เพื่อใช้นั่งรถสาธารณะต่างๆในฮอกไกโด จริงๆแล้วถ้าใครแพลนเที่ยวในซัปโปโร หลายที่ในหนึ่งวันแล้วต้องนั่งรถเยอะ ซื้อตั๋วรถใต้ดินแบบ 1-day pass อาจจะถูกกว่านะคะ แต่พวกเราไม่ได้แพลนแบบนั้น อีกทั้งมีผู้สูงอายุเดินทางด้วย การที่ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว รถมาแล้วขึ้นรถไปเลยไม่ต้องตื่นเต้นก็เป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดีค่ะ 

แต่ที่ผิดคาดคือรถเมล์นอกเมืองซัปโปโรที่เราไป กลับไม่สามารถใช้บัตร Kitaca ได้! ซึ่งรวมถึงที่ Furano และ Noboribetsu พอขึ้นรถไปเลยงงๆว่าต้องจ่ายเงินยังไง นั่งไป search Google ไป คำตอบคือตามนี้ค่ะ

- ตอนขึ้นรถให้หยิบตั๋วใบเล็กๆจากเครื่องข้างประตู บนตั๋วจะมีหมายเลขอยู่

- บนรถเมล์ด้านหน้าจะมีป้ายไฟที่แจ้งป้ายต่อไป และมีช่องแจ้งค่าตั๋วตามหมายเลขอยู่  หมายเลขจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะคะตามระยะทางที่วิ่ง เราต้องดูราคาในช่องหมายเลขเดียวกับตั๋วที่เราได้เมื่อถึงป้ายที่เราจะลง ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เพราะไม่สามารถเตรียมค่ารถล่วงหน้าได้ แต่คนพื้นที่เค้าคงรู้อยู่แล้วละเนอะ

- พอถึงป้ายก็ไปหยอดค่าตั๋วลงตู้ข้างคนขับได้เลย ถ้ามีเงินไม่พอดี ก็อาจจะทอนได้นะคะ อย่างน้อยรถเมล์ที่เราขึ้นไปคนขับทอนเงินให้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ทุกที่รึเปล่า

สรุปในทริปของเรา เมืองที่ใช้บัตร Kitaca ได้คือซัปโปโรและฮาโกดาเตะค่ะ ซึ่งก็เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง (หรือจะเรียกว่าแพลนไม่ดีดี ^^") อีกเรื่อง ก็คือพอขึ้นรถไปแล้วตระหนักเองว่าเงินในบัตรไม่น่าพอจ่ายค่ารถ! ทีนี้ก็ต้องพึ่งอากู๋อีกรอบ รีบ search ว่าทำยังไงได้บ้าง แล้วพบว่าสามารถเติมเงินกับคนขับได้ค่ะ พอไฟแดงเลยพุ่งไปขอให้คนขับเติมเงินให้ คนขับก็ต้องมองไฟแดงไปเติมเงินให้เราไปแบบรีบร้อน แอบรู้สึกผิดนิดหน่อยเลยค่ะ