"สวัสดีลอนดอน!" เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวอย่างสดใสบนเตียงนุ่มสีครีม ก่อนจะเริ่มขยับเขยื้อนกายของตนไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว
นัยน์ตาสีฟ้าของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา (ในความคิดของเขา) ก่อนที่จะยิ้มกว้างจนเริ่มเห็นรอบเหี่ยวตามใบหน้า ทำให้เขาต้องหุบยิ้มอย่างทันควันก่อนพูดว่า "ตายแล้ว! ฟินิกซ์ บูคาแนนทำไมนายไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้กัน!!"
เมื่อว่าดังนั้น "ฟินิกซ์" จึงรีบอาบน้ำให้เสร็จสรรพ แล้วจึงแต่งตัวให้พร้อมเพื่อหนีความจริงว่าด้วยวัยนี้ร่างกายก็ต้องย่อมโรยราบ้างเป็นธรรมดาของอย่าง "อดีต" ดาราดังอย่างเขา
อย่างฟินิกซ์ บูคาแนน..
เขารีบเดินลงจากบันไดบ้านของเขา เพื่อตรงดิ่งไปที่ครัว แค่ตื่นขึ้นมาเขาก็หิวเต็มแก่แล้ว ตอนนี้เขาแทบจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้วมั้ง แต่เขาก็ต้องพบกับหายนะในยามเช้าที่สดใสของลอนดอนตู้เย็นว่างเปล่า...
โอ พระเจ้า..
เหมือนโลกพังทลายลงมา แต่ก็ยังนับเป็นโชคดีที่เขาแต่งตัวเต็มยศอยู่แล้วเป็นปกติ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือเดินไปหยิบสตางค์เล็กน้อย คิดว่าสัก 20 ปอนด์น่าจะพอสำหรับซื้อพวกขนมปัง แยม (และอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ในบางที.. แถมมันก็มักเป็นส่วนใหญ่ของเงิน)
ต้องยอมรับว่าชีวิตประจำวันของฟินิกซ์นั้นวนเวียนอยู่ในย่านวินด์เซอร์การ์เด้นแบบเดิมๆ มา 3 ปีเต็มแล้ว ตื่นเช้ามา อาบน้ำ กินข้าว นั่งรอผู้จัดการสุดที่รักโทรมาให้เขารับงาน ซึ่งสายนั้นมันเงียบสนิทมาเท่ากับที่ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่ที่เดิมตอนนี้
และเงินที่เขานำมาใช้ได้ตอนนี้ก็คือเงินที่ได้จากการไปเป็นพรีเซ็นเตอร์อาหารสุนัข! เมื่อไหร่จะเปลี่ยนโฆษณากัน มัน 3 ปีแล้วนะพ่อคุณ! (แต่คิดในอีกมุมเขาก็ยังได้เงินเล็กๆ น้อยๆ อยู่เรื่องการปกปิดสูตร...) ซึ่งจำนวนที่ได้ก็คือพอใช้แค่วันต่อวัน ไหนจะค่าชุดฤดูกาลใหม่ ค่าเครื่องประทินผิวต่างๆ เรื่องพวกนี้ในยอมกันไม่ได้จริงๆ นะสาบานได้! (ไม่รู้จักฉายาหล่อพันปีรึไง?!)
และตอนนี้สิ่งที่ฟินิกซ์ต้องทำก็คือ เดินไปที่ตลาด ซื้อขนมปังกับแยม แล้วก็ของอื่นๆ ให้มันอยู่ในงบ 20 ปอนด์ของเขา
อันที่จริงแล้วนั้นการที่จะเดินไปตลาดนั้นใช้เวลามากกว่าการที่คุณเดินไปที่มุมถนนแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปเทสโก้ แต่ว่าที่นั่นของราคาถูกกว่า (**เพราะแม่ค้ายังไงล่ะ พวกเธอหลงใหลในความหล่อเหลาของเขา ไม่ใช่เพราะเวทนานะ อย่าเข้าใจผิดเชียว!!)
เขาค่อยๆ เดินทอดน่องไปตามถนนย่านชุมชนอันสงบสุข วันนี้เป็นวันที่ลมดีกว่าทุกวัน เด็กๆ จึงออกมาเล่นตามถนนมากกว่าปกติ วันนี้กลับทางถนนเชอร์รี่ ทรี เลนน่าจะดีเหมือนกันนะ เขาพูดกับตัวเอง
ในที่สุดดาราดาวร่วงก็หยุดอยู่ที่หน้าร้านขายผัก “สวัสดี คุณฟินนิแกน!” เขายกหมวกเพื่อเป็นการทักทายหญิงวัยไล่เลี่ยกับเขา ซึ่งมีใบหน้าที่ดูชรากว่าตัวฟินิกซ์ประมาณหนึ่ง
“อรุณสวัสดิ์ตอนสายจ้ะสุดหล่อ” เธอทักทายอย่างสดใส “วันนี้กะหล่ำ 4 หัว 3 ปอนด์นะจ๊ะ ฉันเพิ่งไปสวนมาเมื่อเช้านี้เอง สนใจไหม?”
“ยินดีอย่างยิ่งครับ!”
○○○○
เมื่อซื้อของสำหรับมื่ออาหารวันนี้และวันถัดๆ ไปเสร็จ อดีตดาราดังรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที ตอนนี้เขามีเงินเหลือเพียง 2 ปอนด์ ขนมปัง 2 แถว แยมและทูน่าอย่างละหนึ่ง กะหล่ำปลี 4 หัว หัวหอมอีกจำนวนหนึ่ง และขาดไปไม่ได้แผ่นมาสค์หน้าลดราคา (อย่าว่าเขาเลย มันมาขายลดราคาข้างๆ ร้านขนมปังนี่นา!!)
ระหว่างทางเดินกลับ ฟินิกซ์ตัดสินใจเดินกลับไปทางสวนสาธารณะใกล้กับย่านถนนเชอร์รี่ ทรี เลนซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าใกล้กับวินด์เซอร์การ์เด้น สวนที่นั่นสวยนักแหละ และมันก็มีธนาคารใหญ่อย่างฟิเดลลิตี้ ฟิดูเชียรีตั้งอยู่แถวนั้น
ซึ่ง.. เขาไม่ยุ่งเสียจะดีกว่า เพราะเครดิตการ์ดของเขาติดตัวแดงกับที่นั่นมาประมาณ 3-4 เดือนได้แล้ว ถ้าถามว่าเขาไปติดได้ไงน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าเขาดันไปเชื่อป้าแถวย่านกราฟตัน อันเดอร์วูด เธอหลอกเขาว่าถ้าช่วยกู้เงินให้เธอ เธอจะเอาส่วนต่างหลังลงทุนมาให้เขา แล้วไงล่ะ! เชิดเงินหนีไง!
ขณะที่เดินผ่านสวนเขาก็อดนึกถึงตู้จดหมายที่บ้านไม่ได้ เมื่อก่อนตู้นั้นมีแต่จดหมายแฟนๆ เปิดอ่านทีไรก็ใจชื้นมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อ แต่ตอนนี้มีแต่จดหมายเครดิตการ์ด เปิดอ่านแล้วอยากกลั้นใจตายเสียตรงนั่นแต่ก็เสียดายความหล่อตัวเอง
"แถวนี้ขายลูกโป่งด้วยแฮะ" เขากล่าวเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถเข็นที่เหมือนหลุดออกมาจากยุคของพ่อหรือไม่ก็ปู่ของเขา ซึ่งกำลังขายลูกโป่งใบละครึ่งปอนด์ "ซื้อไปประดับบ้านสักนิดคงไม่เสียหายละมั้ง" เขาพูดไปยิ้มไปก่อนจะมุ่งไปหาหญิงชราที่ขายลูกโป่ง
เจ้าของเรือนผมน้ำตาลอ่อนแกมเทาจ้องลูกโป่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนสบตากับคนขาย "เลือกให้ดีนะจ๊ะ" เธอกล่าวยิ้มๆ ฟินิกซ์หยิบเหรียญของเขาขึ้นมาก่อนจะนำมันใส่กล่องที่หญิงชราตั้งไว้ให้จ่ายเงิน มีลูกโป่งหลากสีให้เลือกจนมึนตา เขาจึงสุ่มเลือกสีขึ้นมาเป็นลูกโป่งสีแดงสด
เจ้าลูกโป่งลอยอยู่สูงกว่าที่เขาคิด เชือกของมันยาวและดูแข็งแรงอยู่พอตัว
ตุบ-
เสียงเหมือนกับของแข็งตกลงบนพื้นข้างหลังเขา ชายสวมเสื้อสูทดูภูมิฐาน กำลังถือลูกโป่งสีชมพูหวานอยู่ แต่อนิจจา ลูกโป่งเจ้ากรรมของชายคนนั้นไม่ลอยขึ้น มันออกจะไปทางที่ว่าวางอยู่กับพื้นเลยมากกว่าในสายตาของฟินิกซ์
อย่าขำฟินิกซ์.. เยี่ยม เยี่ยม ไม่ขำ..
นัยน์ตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายแฝงความรู้สึกเสียเชิง และพยายามเก๊กมาดกลบความอาย เขารู้ เพราะเขาเองก็ทำอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน แต่ดูแล้วชายคนนี้ดูไม่คุ้นเคยกับการขายหน้าแบบนี้เท่าไหร่
เมื่อฟินิกซ์เห็นชายคนนั้น ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ เขามองลูกโป่งตัวเองก่อนจะพูดว่า "คุณครับ เอาลูกโป่งผมไหม? พอดีว่ามันยังลอยอยู่" เขากล่าว อีกฝ่ายหันมามอง "เอ่อคือ ผมไม่ได้ดูถูกนะ แต่ผมคิดว่าลูกโป่งสีแดงน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า ดูดอกไม้ที่อกคุณสิ ดอกคาโมไมล์สีแดงใช่มั๊ยล่--" เขาพูดแก้เก้อ
○○○○
"ผมฟินิกซ์ บูคาแนน" ชายนัยน์ตาสีฟ้าแนะนำตัว ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ เขาก็ได้มานั่งในร้านน้ำชาตรงข้ามกับคุณผู้ชายลูกโป่งเมินคนนี้ (?) รู้แต่ว่า รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินพามานั่งในร้านแล้ว "คุณน่าจะทันตอนที่ผมเล่นหนัง หมายถึงตอนที่ผมดัง--"
"ผมวิลเลียม เวเธอร์รอล วิลคินส์" เขาแนะนำตัวตอบทันควัน ถ้าให้พูดในสายตาฟินิกซ์ พวกเขาสองคนไม่ควรมานั่งโต๊ะนี้ในทุกกรณี โต๊ะขาวขอบทองปูผ้าลายกุหลาบ กับเก้าอี้สีหวานผูกลูกโป่งสีแดง ไหนจะดอกเดซี่สีขาวในแจกันนี่อีก ถ้าใครสักคนหนึ่งในนี้เป็นผู้หญิงและเด็กกว่านี้อีกสักหน่อยคงมีคนคิดว่ามาเดทกันเป็นแน่
"เกรงว่าผมคงตกกระแสมากพอควร เพราะผมไม่เคยเห็นคุณเลยฟินิกซ์" แม้คำพูดของวิลคินส์จะดูไร้อคติ แต่มันก็สร้างบาดแผลให้ฟินิกซ์อยู่พอสมควร เขายอมรับว่าตัวเองก็ไม่ได้ดังเวอร์วังอลังการอะไรขนาดนั้น แต่ขอร้องอย่าพูดอย่างนี้เลย
"งั้นเหรอครับ เหอะๆ--" - "แล้วคุณพาผมม--"
"ค่าลูกโป่งน่ะครับ" เขาตอบ และยังคงยิ้มต่อไป ฝ่ายนักแสดงได้แต่ยิ้มแหยๆ ตอบอย่างเกรงใจ "นานๆ ทีจะมีใครมาใจดีกับผมสักทีนึง"
"ครับ.."
"เรียกผมวิลลีย์ก็ได้นะ"
"อา ครับ"
"ผมเป็นนายธนาคาร"
"ครับ"
"คุณจะตอบผมว่าครับอย่างเดียวไม่ได้นะฟินิกซ์"
"ครั--" เจ้าของชื่อสะดุ้ง "ผมขอโทษครับคุณวิลคินส์.." เขาขอโทษ ตัวเขารู้สึกไม่มีสติเวลานั่งอยู่กับผู้ชายสองต่อสองเลย เหมือนบรรยากาศพาให้อดีตดารารู้สึกล่องลอยไปกับกลิ่นชาในร้าน
"เรียกผมว่าวิลลีย์สิครับฟินิกซ์"
"วิลลีย์.. ครับ?"
"นี่สิครับคนดี" วิลคินส์ชมเขาเหมือนกับเป็นเด็กอ่อนที่เพิ่งหัดพูดใหม่ๆ ด้วยเสียงที่ดูมีเอกลักษณ์ แต่ดูแล้วรูปประโยคมันดูเหมือนชมคนรักยังไงชอบกล เขาคิด แถมสายตาที่ดูเสียเชิงเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่ชวนหลงใหลไปเสียแล้ว
“เอ่อออ…”
ตลอดการทานน้ำชาแบบกะทันหันของฟินิกซ์ เขาแทบไม่ได้ตอบอะไรไปมากกว่า "ครับ" หรือ "เหรอครับ" วิลคินส์มักเป็นคนเริ่มบทสนทนาและจบมันอยู่เสมอ เพราะตัวเขารู้สึกเหมือนมีผีเสื้อในท้องแทบจะตลอด
เขาได้รู้หลายเรื่องเกี่ยวกับคุณวิลคิ- วิลลีย์ เขาอายุเท่ากับฟินิกซ์ เป็นนายธนาคารอยู่แถวเชอร์รี่ ทรี เลนมานานแล้ว ชอบอ่านหนังสือธุรกิจ ไม่ดูหนัง ไม่เล่นโซเชียล คุณปู่ปวดสติไม่ค่อยดีเลยทำงานแทน และ "เป็นโสด" - คำว่า "โสด" ถูกย้ำในบทสนทนาอยู่หลายครั้งระหว่างทั้งคู่ แต่ฟินิกซ์ก็ไม่ได้ขัดอะไรเรื่องการย้ำของวิลลีย์
"คุณพักที่ไหนเหรอฟินิกซ์"
"ผมเหรอ-" เขาสะดุ้ง
"ผมมีคนอื่นนอกจากคุณหรือไงกันล่ะครับ?" ประโยคนี้เองที่ทำให้ชายตาฟ้าจั๊กจี้ที่อก
"เอ่อ- ผมอยู่วินด์เซอร์การ์เด้น หมายถึง- บ้านผมอยู่สุดถนนหัวมุมไปทางตลาดที่วินด์เซอร์การ์เด้นท์
"งั้นผมขอไปส่งนะฟินิกซ์ ได้หรือเปล่า?"
“อา..ครับ-”
○○○○
"เราจะได้เจอกันอีกรึเปล่าครับ?" ฟินิกซ์เริ่มบทสนทนาขณะที่กำลังเปิดประตูบ้านที่วินด์เซอร์การ์เด้นของเขา วิลคินส์อาสาที่จะพาเขามาส่ง ซึ่งตัวเขาก็ไม่กล้าจะปฎิเสธคำขอนั้น
"ได้ถ้าคุณต้องการผมนะฟินิกซ์" วิลคินส์ว่า พลางหยิบนาฬิกาสีทองอร่ามขึ้นมาดู "โอ้ ดูเหมือนผมต้องไปแล้ว เจอกันนะ" แล้วจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับลูกโป่งสีแดง ในขณะที่อีกฝ่ายเดินไปเขาก็เข้าบ้านของตนอย่างช้าๆ และรอจนชายเรือนผมน้ำตาลเดินลับตาไป
○○○○
ฟินิกซ์ทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เขาเพิ่งกินขนมปังชุบไข่ปิ้งเป็นชิ้นที่ 3 ไป และไม่สนใจว่ามันจะส่งผลเสียกับพุงน้อยๆ หรือว่าท้องไส้ที่ยังไม่ย่อยมื้อบ่ายที่คาดไม่ถึงของเขากับวิลคินส์เลย
"ได้ถ้าคุณต้องการผมเหรอ..." เขาทวนคำพูดของชายคนนั้น "หมายความว่ายังไงกัน?"
"จะว่าไปคุณวิลคินส์นี่ชื่อคุ้นจังเลยแฮะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน" เขาหันไปมาจนสะดุดกับนิตยสารการเมืองและการลงทุน (นี่! ถึงเขาถังแตกก็ใช่ว่าเขาไม่หาทางออกนะ อย่าคิดอย่างนั้นสิ) "นี่ไง!"
อดีตดารารีบหยิบนิตยสารเล่มนั่นขึ้นมา มันเป็นรูปหน้าปกของชายคนที่เขาเพิ่งมอบลูกโป่งสีแดงให้กำลังสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งดูดีมากทีเดียวสำหรับคนวัยนี้แล้ว
"คุณวิลคินส์.. ผู้บริหารธนาคารใหญ่ย่านใจกลางเมืองลอนดอนเหรอ?"
รูปทรงหน้าได้รูป ผมสีน้ำตาลปนเหลืองประปราย จมูกและปาก และที่สำคัญ นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ปิดกั้นความผิดหวังไม่ได้เรื่อง นั่นต้องเป็นเขาแน่นอน..
“เอาแล้วไงไอฟินิกซ์ บูคาแนน..”
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นงงๆ ของดาราถังแตกกับนายธนาคารสายเปย์..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in