เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fragmentary piececelestophia
Hiraeth
  • Hiraeth (n.)

    a nostalgic longing for a place which can never be revisited


    ตีหนึ่งสี่สิบห้านาที เธอยังคงลืมตาโพลงในความมืด

    บ้าจริง สบถในใจ เมื่อแสงจากหน้าจอมือถือสว่างวาบขึ้น และสายตาดันเหลือบไปเห็นตัวเลขบนนั้น ทั้งที่ใจไม่ได้อยากจะเห็น ช่างเจิดจ้าเสียจนสองตาพร่าเลือน และย้ำเตือนว่าเธอใช้เวลาได้เปล่าประโยชน์ขนาดไหน

    คนเราไม่ได้แลกเวรมาเพื่อนอนหายใจทิ้งเสียหน่อย

    แต่ก็ช่วยไม่ได้ เป็นเช่นนี้เสมอ กับทุกคืนหลังหยุดยาว ทุกคืนหลังจากที่เธอกลับมาจากบ้าน หอบเอาข้าวของจากเมืองกรุงมาเต็มอ้อมแขน ทว่าความว่างโหวงในใจกลับยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกที มันดำมืด กลืนกิน และช่างเรียกร้องเหลือคณา ชนิดที่ว่าจะถมเอาสารพัดของประดามีที่เธอสู้อุตส่าห์ซื้อมาด้วยเงินจากหยาดเหงื่อแรงกายถมลงไปเท่าไร มันก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะเต็ม

    มันต้องการสิ่งที่แม้เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร

    บางสิ่งหล่นหาย โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร

    ท่ามกลางความมืดในห้องที่เปิดแอร์ยี่สิบห้าองศา หมกในกองผ้านวมนุ่มหนาและหมอนข้างสองใบ เธอนิ่งคิดถึงสิ่งที่ทำหลุดมือ สิ่งที่ไม่อาจเก็บไว้ได้แม้จะพยายามเพียงใดก็ตาม ไพล่นึกถึงหลักฐานของความสัมพันธ์ก่อนหน้า สุสานของสายใยเปราะบางที่กาลเวลาฉีกทึ้งและเธอกระชากขาด สมุดมิตรภาพเก่าคร่ำที่เพื่อนเคยเขียนให้สมัยประถม ถ้อยคำเขียนด้วยปากกาเมจิกบนเสื้อนักเรียนที่เริ่มจางเพราะแม่เผลอโยนลงเครื่องซักผ้า จดหมายรักหวานซึ้งไร้แก่นสารจากแฟนเก่าคนแรก สร้อยคอรูปผีเสื้อที่พลอยเทียมหลุดหายไปเม็ดหนึ่งจากแฟนเก่าคนล่าสุด แชตเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่ทักมาตั้งแต่สองเดือนก่อน แต่เธอยังไม่ได้ตอบ

    และความจริงที่ว่า ทุกคนเหล่านั้นไม่มีที่ทางในชีวิตเธออีกแล้ว

    ทุกอย่างเป็นเหมือนรางวัลเชิดชูความล้มเหลวของเธอ สดุดีแด่ความสัมพันธ์ใช้แล้วทิ้งที่เธอเพียรสะสมตั้งแต่วันที่ได้ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์เป็นครั้งแรก จงอยู่กับปัจจุบัน ถ้อยคำที่ผู้คนใช้จนเกร่อดังก้องในหัว ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง แก่นศาสนาถูกเธอดึงมาใช้แก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ ให้กับการกระทำอำมหิตของตน ปลอบประโลมใจในวันที่เธอเกิดนึกสำนึกผิดขึ้นมาสักครั้ง -- นาน ๆ ครั้ง

    ในวันที่ตระหนักได้ว่าหลังจากทุกสิ่งที่ผ่านมา เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว


    ตีสองห้านาที เธอยังคงลืมตาโพลงในความมืด

    หลุมดำแผ่กว้างและกัดกินทุกอย่างที่มันค้นเจอภายในใจ ร่ำร้องเรียกหาอะไรก็ตามที่จะเติมเต็มมันได้ ความสุข นั่นอย่างหนึ่ง ความหวัง นั่นก็อีกอย่าง ความฝันเล่า ของโปรดเลยไม่ใช่หรือ

    เหลือเพียงร่างที่ยังมีลมหายใจ ทว่าไร้จิตวิญญาณ

    แต่ยังต้องตื่นไปทำงานในวันถัดไป

    บ่อยครั้งเธอนึกสงสัยว่าตนมาทำอะไรที่นี่ ดินแดนที่ไม่รู้จักใครและไม่มีใครรู้จัก ถูกโยนมาด้วยแรงเหวี่ยงของโชคชะตาที่เรียกว่าการจับฉลากใช้ทุน ลืมตาตื่นขึ้นมาทำงาน และกลับมานอน หรืออาจไม่ได้นอน แต่ถึงอย่างไรวันใหม่ก็จะมาถึง และนั่นแปลว่างานก็จะเวียนกลับมาอีกครั้ง

    ภาพการเดินทางทั้งหมดตลอดชีวิตอันแสนสั้นแวบผ่านมาในหัว ยี่สิบห้าปี แสนสั้นหากเทียบกับอายุขัยมนุษย์ ทว่าเธอกลับรู้สึกชราเหลือเกิน การเดินทางย้ายถิ่นฐานนับไม่ถ้วนที่ผ่านมาและกำลังจะมาถึงทำให้รู้สึกว่าตัวตนของเธอนั้นไม่จีรัง ไม่อาจตรึงตราในทรงจำของใคร หากดูคล้ายกับภาพวาดบนผืนทรายที่พร้อมจะเลือนหายเมื่อคลื่นระลอกใหม่พัดพามาถึง

    สถานที่ที่เคยคุ้นละล่องผ่านห้วงมโนสำนึกอันง่วงงุน ลานหน้าเสาธงที่ต้องยืนตรงเคารพธงชาติทุกเช้าสมัยประถม โรงอาหารที่เคยใช้เป็นสนามสอบซ่อมสมัยมัธยมปลาย โต๊ะไม้ใต้ตึกคณะที่เคยใช้นั่งติวสอบกับเพื่อนช่วงโค้งสุดท้าย ศาลพระภูมิหน้าโรงพยาบาลเก่าที่มีผู้คนแวะเวียนไปกราบไหว้ไม่ขาด -- หากไม่ใช่ญาติคนไข้ที่ขอพรเพื่อผู้เป็นที่รัก ก็อาจเป็นบุคลากรในนั้นที่ภาวนาขอให้เวรนั้นไม่สาหัสจนเกินไป มาลัยดาวเรืองประดับแขวนเต็มราวเป็นภาพที่เห็นจนชินตา

    พลิกตัวกอดหมอนข้าง ประหนึ่งตระกองกอดสักร่างเพื่อปลอบประโลม พลางทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง

    สัมพันธ์ที่สูญหายนั่นใช่เพียงความผิดของเธอจริงหรือ เป็นเพราะเธอเองหรือที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งทานทนกระแสเชี่ยวกรากแห่งกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงได้ ความผูกพันนั้นแสนคลุมเครือเหลือเกินในความคิด พอ ๆ กับคำว่าบ้านและสิ่งอื่นที่ฟังดูคล้ายกันนั้น ที่ใดกันคือบ้าน สิ่งใดกันคือครอบครัว อย่างไรกันคือการลงหลักปักฐาน เรื่องเหล่านั้นห่างไกลเหลือเกินในความรู้สึก ไกลเหลือเกินสำหรับเธอผู้ไร้ซึ่งสิ่งยึดโยง และทำได้เพียงลอยล่องไปตามกระแสแห่งโชคชะตาอย่างไร้แรงจะขัดขืน

    คนเราจะเรียกบ้านว่าบ้านได้อยู่ไหมหากรู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่ได้กลับไปอยู่ที่นั่นอีก เช่นเดียวกับที่จะเรียกสักที่หนึ่งตรงนี้ว่าบ้านได้อยู่ไหมหากรู้อยู่แก่ใจว่าสักวันก็ต้องลาจาก ดอกดาวเรืองที่ถูกจับมาเรียงร้อยเป็นมาลัยเหล่านั้น ที่ใดกันคือบ้านของพวกมัน แท่นบูชาหน้าศาลพระภูมิหรือ ตลาดดอกไม้สดที่พวกมันถูกจับแช่น้ำในกะละมังหรือ สวนดอกไม้ที่ซึ่งพวกมันเติบโตและผลิบานก่อนจะถูกตัดมาขายหรือ หรือจะเป็นถังขยะที่ซึ่งมันจะได้ย้ายไปพำนักเมื่อกลีบเหลืองสดนั้นแห้งเหี่ยวและโรยรากันแน่

    ดอกไม้ที่ก้านสะบั้นจากต้นใบ จะต่างอะไรกับเธอผู้ความสัมพันธ์สะบั้นจากอดีตจนไม่เหลือเยื่อใยจะฉุดรั้ง

    ในความมืดและเสียงหึ่งของเครื่องปรับอากาศ เธอส่ายหน้ากับตัวเอง หลุมดำในใจยังเรียกร้องถึงสิ่งที่เธอไม่มีให้ และอาจลงโทษเธอด้วยความระทมขมปร่าที่ทำเธอตาค้างไปอีกพักใหญ่ บางทีเธออาจถมมันด้วยน้ำตา หรือบางทีก็อาจไม่ คนเราร้องไห้ให้กับสิ่งที่ผูกพันเมื่อพลัดพราก แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจนักว่าหากสิ่งที่ก่อนนี้ไม่ผูกพันเกิดหล่นหาย และเธอนึกเสียดายในสักวัน ตนจะยังมีสิทธิ์หลั่งน้ำตาให้มันได้อยู่ไหม


    ตีสองยี่สิบนาที เธอยังคงลืมตาโพลงในความมืด

    ก่อนจะตัดสินใจว่าคืนนี้ควรต้องสิ้นสุดลงเสียที เวลานอนถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อรำลึกถึงสิ่งที่เธอไม่มีและไม่อาจเก็บไว้ ใบประกอบวิชาชีพที่ได้มาอาจช่วยให้เธอรักษาคนไข้ได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่แทบไม่ช่วยอะไรกับการรักษาความสัมพันธ์ที่เธอมักเผลอทำลายทิ้งด้วยสองมือทุกครั้งไป

    อีกไม่นาน แสงของวันใหม่ก็จะมาถึง

    ช่วงเวลาของเธอในที่แห่งนี้สั้นลงไปอีกวัน

    และสายใยเปราะบางกำลังนับถอยหลังถึงวันหมดอายุอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรกับที่ผ่านมา

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in