ข่าวสะเทือนใจมีมากขึ้นทุกวันในสังคม ละครชีวิตจริงตบตีแย่งชิงรักหักสวาทมีให้เห็นตามเฟสบุ๊ค คนไทยก็ยังนิยมบริโภคน้ำหวานในปริมาณเท่าเดิม แถมกฎจราจรก็ไม่เห็นจะศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน
ฟังดูแล้วก็สงสัยว่าเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกันได้ยังไง
- 1 -
ทุกวันนี้เราเสพข่าวสารจากนิวฟีดบน FB มากกว่านั่งฟังข่าวที่ถูกจัดโดยนักข่าวฝีปากกล้า ทั้งที่เนื้อหาข่าวแทบนับคนที่จะเข้าไปอ่านมันได้ด้วยซ้ำ เราสรุปใจความกันเอาสั้นๆ ตามหัวข้อข่าว ไม่ใช่ใจความข่าว ข่าวคดีผู้ร้ายทำร้ายไปกี่ศพ ทำร้ายรุนแรงแค่ไหนเรารู้หมด แต่กลับไม่รู้เลยว่าผิดเพราะอะไร และรูปคดีมันเป็นอย่างไร
พอแชร์ข่าวแย่ๆ ออกมาแล้วไม่พอ กฎหมายมันอ่อนด้อย ต้องมีคนมาชี้แนวให้ทำแบบนู้น ให้แก้แบบนี้ ลงโทษแบบไหนถึงจะดี ดันลืมมองไปว่าศีลธรรมที่แท้จริงมันไม่ได้สร้างที่บทลงโทษ
- 2 -
นอกจากจะตบกันในละครให้ได้ดูกันตาฉ่ำมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มผลิตละครทีวี จนตอนนี้ก็ยังตบกันอยู่ การใส่เรทผู้ชมว่าทั่วไป แต่ทำไมมีฉากตบกัน กลั่นแกล้งกันเพื่อความสะใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้คนดู หรือฉากตบกันแบบนี้ ใครๆก็ดูได้ และน่าจะไม่ต้องได้รับคำแนะนำอะไรจากใครเลย
การประจานหน้าจอแชทที่มีเรื่องราวของเมียน้อยแย่งชิงผู้ชายแบบหน้าไม่อายมีแพร่หลายขึ้น หากแต่ใครจะสนใจบ้างว่าแชทนั้นจริงหรือปลอม หรืออ่านและเสพเอาเพื่อความมัน แถมแชร์ไว้เมาท์กันให้สนุกปาก ก็คล้ายๆกันกับในละคร แค่ไม่ได้มีตอนตบกันจริงๆ ให้ดู (แต่ต่อไปก็ไม่แน่ มีคนติดตามเยอะๆ ไลฟ์เดินไปตบเมียน้อยกันให้ดูสดๆ คงเรทติ้งทะลุจอ แต่จะได้ ผ. กลับมาไหม ไม่แน่ใจ)
ไหนๆ ก็ตบกันให้ดูแล้ว ติดเรทให้ทีวีซะหน่อย ผู้ปกครองจะได้แนะนำถูก เอ๊ะ! แล้วในเฟสล่ะจะติดเรทกันยังไง ขนาดติดเรททีวีแล้ว มีบ้านไหนบ้างที่ดูทีวีพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกแบบในโฆษณา ฮัลโหลลลลลล....พ่ออยู่ไหน ตะโกนหากันทีก็ลั่นบ้านแล้ว มีเวลามานั่งสอนกันหน้าทีวีซะเมื่อไหร่ กินข้าวให้พร้อมหน้าและให้ลูกเล่าที่สิ่งเขาพบเจอมาให้ฟัง อันดับแรกนะคุณพ่อแม่ควรเปิิดใจก่อน อย่าเพิ่งไปปิดกั้นความคิดเขาเลย อารมณ์แบบอย่าเพิ่งขัดสิ ขัดแล้วเซ็งหมดอารมณ์ พอสอนไปใครจะฟัง ค่อยมาตลบหลังแนะนำไปว่ามันดีหรือไม่ดี และควรแก้ยังไงให้ถูกจุดไม่ดีกว่าเหรอ แถมนิดนึงว่าอย่าร่ายน้ำมายาว ขอเนื้อเน้นๆ พอ เด็กยุคนี้ต้องการใจความแบบข้อสอบแกทแพทอ่ะค่ะ ไม่ใช่เอนทรานส์รุ่นคุณแม่
- 3 -
คนไทยนี่ก็ชอบดื่มน้ำหวานกันจัง จะไม่ชอบได้ไงล่ะ อากาศมันร้อนขนาดนี้ใครก็อยากได้ความหวานและเย็นดับร้อนทั้งนั้น หรือจะให้ไปนั่งชงชาร้อนแบบญี่ปุ่นก็กลัวว่าเหงื่อจะหยด ติ๊ง! ลงในแก้ว อาจเค็มแทนหวานก็ได้ ก็ไอ้น้ำตาลในเครื่องดื่มที่แช่เย็นขายตามร้านโชห่วยและสะดวกซื้อนี่แหละ ที่เป็นตัวดีทำให้คนไทยติดรสหวาน และน้ำตาลในตัวก็พุ่งเอาๆ จนอ้วนขึ้นจะติดอันดับโลกแบบทุกวันนี้ จนมีการขึ้นภาษีน้ำตาล ปริมาณจะหวานมากน้อย ภาษีความหวานก็เขยิบขึ้นไปตามตูดเป็นขั้นบันได เพียงหวังให้ผู้ผลิตขึ้นราคา คนจะได้ซื้อลดลง ดื่มน้ำตาลน้อยลง ก็คงจะผอมเพรียวกันได้ทั้งประเทศ
แล้วถ้าลองมองกลับกัน ถ้าความต้องการมันยังเท่าเดิม ราคาสูงขึ้น คนก็ซื้อเหมือนเดิม ก็เหมือนขึ้นภาษีแอลกอฮอล์ ก็ไม่เห็นจะมีใครดื่มเบียร์น้อยลง แถมเหล้ายังกลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้นซะด้วย ไม่แน่ว่าอีก 5-6 ปีข้างหน้า เราอาจดื่มชาเขียวขวดละหลายบาทกว่าเเดิม เพิ่มเติมคือดูไฮโซขึ้น เก๋ไปอีก
- 4 -
มีผู้ขับขี่ยวดยานที่ฝ่าฝืนกฎจราจรบนท้องถนนแต่ล่ะวันมากมาย ใบสั่งถูกเขียนให้ว่อนง่ายกว่ากดสลิปเงิน แต่จ่ายกันยากนักใช่ไหม กว่าจะควักเงินออกมาได้แต่ล่ะบาทแต่ล่ะสตางค์ งั้นเอาไปจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อเลยล่ะกันนะ ไม่ต้องมาโรงพักให้เสียเวลาแล้ว
เซเว่นมันก็มีทุกที่ถ้าจะให้เอาใบสั่งไปชำระค่าปรับ ที่จอดรถให้ถูกระเบียบมันก็มีตามทั่วไปในท้องถนน คู่มือกฏจราจรก็มี ว่าแต่ได้ใบขับขี่มายังไงล่ะ ทำไมถึงยังทำผิดกฎกันอยู่ทุกวัน
- 5 -
ที่จริงมันขึ้นกับบทลงโทษ ข้อห้าม ข้อบังคับ แบบไหนกันแน่ จะมีกฎหมายออกมาอีกกี่มาตรา ภาษีขึ้นไปอีกกี่เท่าตัว ถ้าประชาชนยังขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องๆ นั้นให้ถูกต้อง เรากำลังทำอะไรกันอยู่ แก้ปัญหาตอนที่มันเกิดขึ้นแล้ว หรือย้อนกลับไปดูสาเหตุของปัญหากัน อะไรคือสิ่งที่ควรทำ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เรียนกันมาตั้งแต่ประถม รณรงค์เข้าสู่ทางธรรม พูดนักนาว่าเป็นเมืองพุทธ
เหตุฉไนทำไมไม่แก้ปัญหาจากความทุกข์
หากยังเป็นแบบนี้ ประเทศก็ยังต้องเดินอยู่บนทางนี้ต่อไป
....และไม่รู้เมื่อไหร่ จะออกวิ่งได้ทันเพื่อนข้างๆ สักที
#iribichiwrite
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in