“ถ้าเจ้าอยู่นี่ข้าคงกอดเจ้าแล้ว”
“ข้าอยู่นี่”
เทพเจ้าสายฟ้ายิ้มเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไปหาอนุชาใกล้ๆ มือใหญ่ยกขึ้นสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายแผ่วเบาราวกับว่ากลัวคนตรงหน้าจะหายไปอย่างเคย ธอร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอมเขียวของโลกิเนิ่นนาน
หลังจบแร็กน่าร็อค พวกเขาเสียทั้งบ้านเสียทั้งพ่อ แถมธอร์ยังเสียดวงตาอีกหนึ่งข้างแต่ก็ยังดีที่สุดท้ายพวกเขายังช่วยชาวแอสการ์ดไว้ได้
“ข้าดีใจที่เจ้าอยู่ตรงนี้นะน้องข้า ข้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากบอกกับเจ้า”
“นี่ไม่เหมือนท่านเลย ท่านพี่”
โลกิเอ่ยกับลาดไหล่กว้างของคนเป็นพี่ชาย อันที่จริงเขาเองก็แปลกใจเหมือนกันที่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะขึ้นยานลำนี้มากับชาวแอสการ์ดและธอร์ แผนของเขาในคราแรกนั้นคือช่วยให้เซอร์เทอร์คืนชีพแล้วตัวเขาจะหลบหนีออกนอกแอสการ์ดโดยยานอีกลำ
แต่เมื่อเห็นบ้านเมืองที่กำลังมอดไหม้พังทลายเห็นชาวเมืองที่กำลังอพยพขึ้นยานด้วยความหวาดกลัว และเห็นธอร์ที่กำลังมองภาพนั้นอย่างสิ้นหวัง
เขาจะทิ้งธอร์ไปอีกคนไม่ได้...
“อย่างที่ข้าเคยบอกว่าข้ายังหวังเสมอว่าเจ้าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าตลอดไป ตอนนี้ข้ายังหวังอย่างนั้นได้หรือไม่ โลกิ”
“แน่นอนพี่ข้า”
โลกิพูดพลางผละออกมาจากอ้อมกอดแข็งแรงของอีกฝ่าย อ้อมกอดที่เขาโหยหาเสมอมา
โลกิยอมรับว่าเขารู้สึกวูบโหวงในอกแปลกๆตอนที่ธอร์พูดเหมือนว่าเห็นด้วยกับเขา ที่ตอนนั้นเขาดันบอกไปว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ควรเจอกันอีก มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าเขาและธอร์ไม่เจอกันอีกงั้นหรือ?
“บางทีคงถึงเวลาที่ข้ากับเจ้าต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเสียที”
“........”
“ข้าเหนื่อยกับทุกสิ่งทุกอย่างมามากพอแล้ว ข้าปกป้อง 9 โลกแต่กลับต้องสูญเสียเกือบทุกสิ่งสำคัญในชีวิตไป”
“........”
“แต่ข้าดีใจนะโลกิ ที่ตอนนี้ข้ายังมีเจ้า”
ร่างสูงกำยำของราชาองค์ใหม่แห่งแอสการ์ดเดินเข้ามาใกล้โลกิอีกครั้ง เทพแห่งคำลวงแปลกใจกับท่าทีประหลาดของธอร์แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดออกไปจนกระทั่งคนตรงหน้าคุกเข่าลงหนึ่งข้างก่อนที่จะยกมือขึ้นแนบอก ตรงตำแหน่งหัวใจ
การกระทำที่รู้กันเฉพาะชาวแอสการ์ดเท่านั้น...
“ท ท่าน…รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำสิ่งใด!”
โลกิจับต้นชนปลายไม่ถูก พี่ชายของเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆถึงได้ทำอะไรประหลาดแบบนี้
“ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังทำสิ่งใด...หนึ่งเดียวที่จอมราชาจะคุกเข่าลงต่อหน้า...มีเพียงราชินีของเขาเท่านั้น”
“ท่านพี่...ข้า...”
“ได้โปรดอยู่เคียงข้าในฐานะชายาของข้าได้หรือไม่โลกิ”
น้ำเสียงทุ้มกังวานและสีหน้าจริงจังของเทพเจ้าสายฟ้าทำเอาคนที่ยืนอยู่รู้สึกตื้อไปหมด
เหมือนทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวแม้กระทั่งเวลา โลกิไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร คล้ายมีบางอย่างแล่นปราดเข้ามากลางอกและประทุอยู่ในนั้นจนเหมือนว่ามันจะระเบิดราวกับว่าบางสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึงมาหลายร้อยปีได้เกิดขึ้นแล้ว
โลกิค่อยๆคุกเข่าลงให้อยู่ระดับเดียวกันกับราชานักรบตรงหน้าก่อนที่จะขยับตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายให้มากขึ้น
“ท่านเป็นกษัตริย์...”
“ตรัสแล้วไม่คืนคำ”
เทพเจ้าสายฟ้าต่อประโยคให้สมบูรณ์ก่อนที่จะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับใบหน้าอาบน้ำตาของโลกิธอร์ถลาเข้าไปประคองใบหน้างดงามนั้นอย่างเป็นกังวล
“เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้”
“อย่าห่วงเลย ข้าไม่ได้ร้องเพราะโศกเศร้า”
“ข้าร้องเพราะข้าสุขใจต่างหาก ท่านราชา”
ธอร์ยิ้มออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่จะประคองคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นยืนและสวมกอดแผ่วเบา
ที่ผ่านมาธอร์ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่ออนุชาในอ้อมกอดอย่างแน่ชัด พวกเขาเติบโตและอยู่ด้วยกันมานานเหลือเกิน นานจนไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีอีกคนเคียงข้างถึงแม้จะรู้ว่าแท้จริงแล้วโลกิเป็นยักษ์น้ำแข็งที่ท่านพ่อเก็บมาจากโยธันไฮม์ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง แล้วอย่างไรเล่า เขาไม่เคยนึกรังเกียจโลกิถึงแม้ว่าพอได้รู้ความจริงแล้วอีกฝ่ายจะเจ็บปวดจนหลงเดินทางผิดมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ธอร์จะโกรธหรือเกลียดคนเป็นน้อง
มีแต่อยากจะปกป้องโลกิจากความเจ็บปวดเหล่านั้น
“เจ้ายังไม่ตอบข้า”
เสียงทุ้มแกล้งกระซิบเอ่ยถามข้างหูขณะที่พวกเขากำลังยืนกอดกันอยู่ในห้องนอนของเทพเจ้าคนพี่
ธอร์เพิ่งสังเกตว่าใบหูของคนในอ้อมกอดนั้นขึ้นสีระเรื่อ
“ท่านจะแกล้งข้าหรือธอร์”
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรยังไงข้าก็ถือว่าเจ้าตอบตกลง”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเทพแห่งคำลวงก็ลอยหวือมาพาดอยู่บนบ่าของร่างสูงสง่าของราชาองค์ใหม่ และอีกไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็ถูกวางลงที่เตียงอย่างเบามือ
โลกิรู้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างพวกเรา
ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่เหลือเพียงข้างเดียวจดจ้องใบหน้าคนที่อยู่ใต้ร่างไม่วางตาจนอีกฝ่ายที่โดนจ้องทนไม่ไหว ต้องหลบตาแกล้งทำเป็นมองข้ามหัวไหล่คนด้านบนไปอย่างเสียไม่ได้
“ตอนที่ข้ากำลังสู้กับเฮล่าข้านิมิตเห็นท่านพ่อ”
ธอร์เอ่ยออกมาขณะใช้มือหนึ่งเกลี่ยปอยผมออกจากใบหน้าของโลกิ
“มีหลายอย่างที่ท่านพ่อบอกกับข้า ทำให้ข้ารู้ในบางสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน”
“โอดินบอกสิ่งใดกับท่าน”
“ท่านพ่อบอกว่า มีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ข้าและเจ้าจำเป็นต้องรู้”
“หืม? ยังมีสิ่งที่ข้าต้องรู้จากโอดินอีกด้วยหรือ”
โลกิพูดเสียงเบาลงอย่างไม่มั่นใจ ความจริงจากปากโอดินทำร้ายเขาจนจำฝังใจจนถึงทุกวันนี้ ยังมีสิ่งใดที่เขาต้องรู้ให้เจ็บปวดอีกอย่างนั้นหรือ
“ที่ท่านพ่อนำเจ้ามาจากโยธันไฮม์เพราะต้องการจะรวมสองดินแดนเข้าด้วยกัน”
“เรื่องนั้นโอดินก็เคยบอกข้า แล้วอย่างไรเล่า ? สุดท้ายเขาก็เห็นข้าเป็นเพียงปีศาจร้ายน่ากลัวที่ไม่มีทางจะเท่าเทียมกับพวกท่าน“
“ที่ท่านพ่อไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าเพียงเพราะไม่อยากให้เจ้ารู้สึกว่าเป็นคนอื่น หากแต่ที่ท่านพ่อบอกว่าจะรวมสองดินแดนนั้นเป็นเรื่องจริง”
“.......”
“หากเจ้าเป็นสตรีเพศ เจ้าก็ต้องอภิเษกกับข้าอยู่ดี ท่านพ่อมีประสงค์จะรวมสองดินแดนด้วยการอภิเษกของสองรัชทายาท”
“...ถ้าหากท่านทำเพียงเพราะเป็นประสงค์ของโอดิน ข้าไม่--”
“เปล่าเลยโลกิ...ข้าทำเพราะหัวใจของข้า”
เสียงทุ้มกระซิบกับคนใต้ร่าง ธอร์รู้ว่ามันยากเหลือเกินกับการที่จะพูดความรู้สึกมากมายที่เขามีต่อโลกิได้หมดในคราเดียว อาจจะเป็นเพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย บางเรื่องทำให้ผิดใจกัน แต่บางเรื่องก็ทำให้เข้าใจและยอมรับกันและกันได้มากขึ้น จนมาถึงวันที่เขาเกือบต้องสูญเสียทุกสิ่ง ถึงได้รู้ว่าสิ่งใดที่สำคัญกับเขา
มือหยาบที่จับแต่อาวุธมาหลายร้อยปียกขึ้นลูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆเรียกให้ดวงตาสีมรกตยอมมองตอบ
โลกิคิดว่านี่คือความฝัน...
และคงเป็นฝันที่สวยงามจนเขาไม่อยากตื่น เขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ฟังพี่ชายพูดอะไรแบบนี้
เขาเคยหวังมาตลอดว่าอยากจะอยู่ในสายตาของธอร์บ้าง อยากเป็นคนที่พี่ชายให้ความสำคัญบ้างก็ยังดี ในตอนเยาว์วัยโลกิคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพียงเพราะเขาเป็นเด็กติดพี่
แต่พอโตขึ้นเขาจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาหลงรักพี่ชายตัวเองต่างหาก
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง”
เทพเจ้าสายฟ้ายิ้มให้คนเป็นน้องด้วยความเอ็นดู ดวงตาที่ไหวระริกนั้นบ่งบอกความประหม่าของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
ธอร์ค่อยๆก้มลงมาใกล้คนใต้ร่างเชื่องช้าจนกระทั่งหน้าผากของพวกเขาแตะกัน ตอนนี้โลกิรู้สึกว่าหัวใจของเขามันกำลังจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกอย่างไรอย่างนั้น
“ข้ารักเจ้าโลกิ และนี่คือเรื่องจริง”
และยังคงเป็นธอร์เสมอ ที่กล้าหาญมากกว่าเขา…
ริมฝีปากบางแย้มยิ้มงดงามให้คนด้านบนพร้อมกับน้ำตาแห่งความสุข แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอของราชาแห่งแอสการ์ดแผ่วเบา
“ท่านปล่อยให้ข้ารอนานเหลือเกิน”
“งั้นข้าจะชดเชยให้เจ้าสักพันปี ไม่สิ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าชัวนิรันดร์เลยดีไหม ชายาข้า”
สรรพนามใหม่ที่ถูกเรียกทำให้โลกิหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดสิ่งใดคนด้านบนก็ประกบจูบลงมาเสียแล้ว เทพแห่งคำลวงลูบผมสั้นที่ดูแปลกตาของคนด้านบนแผ่วเบาก่อนที่จะหลับตารับสัมผัสวาบวามที่อีกฝ่ายมอบให้
มันเป็นจูบที่ทั้งเร่าร้อนและอ่อนหวานในคราวเดียว บางครั้งก็ดุดัน บางคราก็ออดอ้อนและกินเวลาอยู่หลายนาทีจนโลกิต้องส่งเสียงประท้วงเบาๆ
ธอร์ยอมละจากริมฝีปากบางที่บัดนี้บวมเจ่อเพราะฝีมือของเขา เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ลำคอระหงของเจ้าตัวแทน เทพเจ้าสายฟ้ากดจูบหนักๆไปตามคอขาวเรียกเสียงหวานจากคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี
มือแกร่งก็ไม่ลืมที่จะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของโลกิไปด้วย เพียงชั่วอึดใจเดียว คนใต้ร่างก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเสียแล้ว
ธอร์จ้องมองร่างกายงดงามตรงหน้าด้วยแววตารักใคร่ไม่ปิดบังจนคนถูกมองไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากหลบสายตาอีกฝ่าย
ตอนนี้โลกิรู้สึกว่าร่างกายของเขามันร้อนรุ่มไปหมดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกส่วนที่โดนธอร์สัมผัสมันเหมือนจะหลอมละลายเพราะโดนความร้อนแรงของอีกฝ่ายแผดเผาทีละเล็กทีละน้อย
“บุตรคนแรกของข้า คงจะเกิดที่นี่”
และระเบิดเป็นจุณ...
ในห้องนอนบนยานของราชาองค์ใหม่แห่งแอสการ์ด มีเพียงเสียงหอบหายใจของเทพทั้งสองที่กำลังบอกรักกันด้วยภาษากายครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าพวกเขาโหยหามันมาตลอดหลายร้อยปี
เทพเจ้าสายฟ้าได้ยินเสียงกระซิบจากคนใต้ร่างแผ่วเบาแต่ทว่าชัดเจนในความรู้สึก
“ข้าก็รักท่าน...รักเสมอมา”
**************** ETERNITY ****************
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in