กาลครั้งหนึ่ง...
เด็กสาวผมสั้น สวมเสื้อสีขาว เมื่อเผยยิ้มทำให้เห็นรอยขีดจาง ๆ สีชาดที่ข้างแก้ม
เธอกำลังล่องลอยไปในอวกาศอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางกลุ่มดาวเพอร์ซีอัส
เธอล่องลอยออกไปไกล ถูกชนจากหินอุกกาบาต จนร่างกายได้รับบาทเจ็บสาหัส
มือข้างขวาที่เธอใช้มันเขียนอย่างตั้งใจ เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและบาดแผล
ส่วนมือข้างซ้าย ในตอนนี้มันกลับทำหน้าที่ช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้นไม่ได้อีกแล้ว
เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เด็กสาวบอกกับตัวเอง
เด็กสาวแก้มแดงเริ่มหมดหวัง เวลาชีวิตของเธอถูกบั่นทอนไปเรื่อย ๆ เพราะพิษของบาดแผล
ไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวัง
จนกระทั่ง... ในตอนที่เธอได้รับภารกิจให้กลับมาสำรวจโลกอีกครั้ง
เสียงคลื่นซู่ซ่าเข้ากระทบที่ข้างหู ก่อนสัมผัสเย็นยะเยือกค่อย ๆ ไตร่ระดับขึ้นมาครอบงำบนตัวของเธอ
แสงสว่างวูบวาบบนผืนฟ้าสีน้ำเงินเริ่มปรากฏ “อธิษฐานสิ”
“คะ?”
“รีบอธิษฐานก่อนฝนดาวตกจะหายไป” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า
“คงไม่สมหวังหรอกค่ะ หนูไม่อยากอธิษฐาน หนูไม่อยากคาดหวังกับคำอธิษฐาน และหนูก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะผิดหวังด้วย” เด็กสาวเอ่ยเสียงเรียบด้วยท่าทางประหม่า
นานมากแล้ว ที่เธอได้ลองคุยกับคนแปลกหน้าบนโลก
“ทำไมถึงหมดหวังล่ะ รู้หรือเปล่า ฉันคือเจ้าชายผู้ที่เสกฝนดาวตกเจมินิดส์ลงมาให้ผู้คนบนโลกอธิษฐานกัน“
”หนูไม่รู้จะอธิษฐานอะไรจริง ๆ ค่ะ“
เจ้าชายท่าทางอบอุ่นจ้องเข้าไปในตาของเด็กสาวราวกับหลุดเข้าไปในภวังค์
“เอาแบบนี้ไหม แผลที่มือเธอ... ฉันลบมันให้ได้นะ“
ทันทีที่นิ้วเรียวสีขาวราวเกล็ดหิมะสัมผัสลงบนบาดแผล เด็กสาวกลับหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เจ็บหรือเปล่า ขอโทษนะ“
ใช้เวลาไม่นานนัก เด็กสาวจ้องมองรอยบนแขนที่ค่อย ๆ จางหายไปเรื่อย ๆ
แต่มีอยู่บาดแผลหนึ่งที่พยายามจะลบเท่าไรก็ลบไม่ออก
”ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องลบก็ได้ ขอบคุณนะคะ”
“ฉันลบรอยแผลให้เธอแล้ว ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม“
”ไหนว่ารักษาให้ฟรีไงคะ“
“เพียงอย่างเดียว... ขอแค่เธอคุยกับฉัน ฉันอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้”
เด็กสาวครุ่นคิดกับตัวเอง เปิดใจบ้างก็ดี หวังว่าครั้งนี้จะไม่ต้องผิดหวังอีก
“ตกลงค่ะ”
เจ้าชายเผยยิ้มพระจันทร์เสี้ยวออกมา พร้อมกับรอยบุ๋มข้างแก้ม เด็กสาวใช้สายตาสำรวจใบหน้าอีกฝ่าย
ก่อนที่เธอจะเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
“ทะเลสวยนะ คิดเหมือนกันหรือเปล่า”
“ฉันชอบโลกใบนี้มากเลย เธออยากได้ไหม? ฉันให้”
เจ้าชายแบมือสองข้างออก เลื่อนมาสัมผัสบนหน้าอกของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะกำมือและยื่นออกไปในระดับสายตาของเด็กสาว
เธอแบมือรับมันไว้ ..ไม่ปฏิเสธ ทำให้เกล็ดน้ำแข็งสีขาวจากเจ้าชายติดมือเธอกลับมาด้วยโดยไม่รู้ตัว
และเธอก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าอีกหนึ่งแผลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ กำลังบีบรัดและเริ่มมีเลือดไหลออกมา
“ขอบคุณนะคะเจ้าชาย ชีวิตหนูมีความหมายขึ้นเยอะเลย”
“อย่าเอ่ยคำว่าเจ้าชายเลย ได้โปรดมองข้ามก้อนหินก้อนหนึ่งไปเถิด ฉันเองก็คือคน เหมือนกับเธอนั่นแหละ“
เวลาที่แสนมีความสุขมักผ่านไปเสมอ เด็กสาวลุกขึ้นท่าทางเร่งรีบ คว้ากระเป๋าสะพายสีดำก่อนจะกล่าวคำลาตามมารยาท
“หนูต้องกลับแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ“
”เดี๋ยวสิ...“ เจ้าชายเอ่ยรั้งเธอไว้
“ถ้าฉันอยากคุยกับเธอบ่อย ๆ ต้องทำยังไง”
“งั้นเรามาเจอกันที่นี่ทุกวันพุธหลังสองทุ่มก็ได้ค่ะ” เด็กสาวเอ่ย พร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง
ช่างน่าประหลาดใจ รอยยิ้มบนใบหน้าสีแดงก่ำ เผยความสดใสจากใจเด็กสาวที่เก็บเอาไว้ตลอดสิบเจ็ดปี
ไม่มีสายตาคู่ไหนได้จับจ้องมาก่อน
รวีปรากฏขึ้นสู่ฟ้า เด็กสาวเอาแต่มองดาราในความฝันทุก ๆ วัน
ดาราส่องสว่างตระการตาทั่วฟ้า เธอเอื้อมมือเข้าไปไกลเรื่อย ๆ จนนิ้วเรียวเกือบสัมผัส
แสงสว่างวูบวาบระยิบระยับ เธอมองแสงสว่างที่กระทบลงบนผิวสีน้ำผึ้ง
ความสวยงามระยับตา แสงนวลสีเหลืองตรงหน้า เธอหลงใหลกลุ่มดาราเข้าแล้ว
คืนนี้พระจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลก เธอสาวเท้าก้าวข้าวไปข้างหน้าบนทางขรุขระอย่างไร้จุดหมาย
ท่ามกลางตึกที่สูงชะลูดเสียดฟ้า เธอยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ โดยหวังที่จะพบใครสักคน
เงาจาง ๆ ของชายหนุ่มคุ้นตาขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามจ้องเข้าไปที่ชายหนุ่มคนนั้น
เจ้าชาย... เธอยิ้มในใจในระหว่างที่กำลังบรรจบเข้าหากัน
เธอพยายามเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสดวงดาว เพียงเสี้ยววิที่เธอได้สบตา เส้นขนานก็ปรากฎเด่นชัด
เด็กสาวสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะถูกคลื่นของน้ำทะเลกระทบเบา ๆ เธอยิ้มเมื่อเห็นภาพจาง ๆ ของเจ้าชายนั่งอยู่ใกล้ตัว
“เรื่องปรกติ ฉันเป็นเจ้าชาย ต้องรู้จักทุกคนเป็นเรื่องปรกติ”
“ไหนเจ้าชายเคยบอกไงคะ ว่าอยากคุยกับหนูบ่อย ๆ แล้วทำไม...“
“คุยแล้ว รู้จักแล้วไม่ใช่เหรอ?” เจ้าชายน้ำเสียงอบอุ่น ตอนนี้กลับเย็นยะเยือกเหมือนกับน้ำแข็ง
“แต่หนูยังมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเจ้าชายเยอะมากเลยนะคะ”
“ลืมไปหรือเปล่า ว่าฉันเป็นเจ้าชาย ไม่ควรสนิทกับใครเป็นพิเศษ มันจะดูไม่ดี”
“ต่อจากนี้ฉันคงไม่ได้มาที่นี่อีก“
สองมือสองเท้าที่เด็กสาวพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ตอนนี้เธอกลับทำมันไม่ได้แล้วจริง ๆ ไม่แม้แต่จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก
บาดแผลที่ไม่สามารถลบให้หายออกไปได้ ตอนนี้เริ่มลุกลามไปทั่วทั้งตัว ตอกย้ำเข้าสู่ขั้วหัวใจ
แสงวูบวาบบนผืนนภา เธอภาวนาให้เกิดปราติหารย์ขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเชื่อในฝนดาวตกเจมินิดส์หมดหัวใจ แต่คำอธิษฐานนั้นกลับไม่เป็นจริงเสียแล้ว
เศษจากเกล็ดหิมะในคืนนั้น กำลังครอบงำดาวโลก รอยแตกร้าวเผยขึ้นเรื่อย ๆ ในอุณหภูมิติดลบ
เพียงเสี้ยววินาที โลกใบนั้นแตกสลาย
คลื่นซัดเธอลงสู่ใจกลางมหาสมุทร เธอค่อย ๆ จมหายไปในผืนน้ำนิ่งสีน้ำเงินเข้ม
เธอลืมตาขึ้นเพราะถูกน้ำทะเลสัมผัสบนผิวเบา ๆ
ท้องฟ้ามีน้ำเงิน ในขณะนี้มีแสงวูบวาบระยิบระยับตาน่าค้นหา
“อธิษฐานสิ”
...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in