Title: Roommate
Pairing: Suh Youngho x Jung Jaehyun
Rating: PG
การเป็น ‘รูมเมท’ คืออะไร?
แล้วการเป็นรูมเมท ‘ที่ดี’ ควรเป็นแบบไหน?
แต่ไม่ว่าคำตอบจะคืออะไร
.
.
รูมเมทของจองแจฮยอนไม่มีทางรวมอยู่ในนั้นแน่นอนอะ ฟันธงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
“ซอยองโฮ!”
“ครับเมท”
“ไม่ต้องมาครับเมทอะ แกเอาแชมพูฉันไปใช้สระผมหรือเอาไปเททิ้งกันแน่!”
จองแจฮยอนพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำทั้งที่บนตัวมีเพียงผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบเอว หยดน้ำที่เกาะตามลำตัวและไรผมสีดำขลับบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้รีบร้อนแค่ไหน ในมือชูขวดแชมพูกลิ่นโปรดของเขาให้เพื่อนร่วมห้องตัวดีเห็นชัด ๆ ว่าเขาหมายถึงอะไร คิ้วที่ขมวดมุ่นและนัยน์ตาที่แทบจะลุกเป็นไฟบอกได้อย่างดีว่าเขากำลังอารมณ์ร้อนแค่ไหน
ทว่าตัวต้นเหตุเพียงหนึ่งเดียวนี่ยังคงนอนเหยียดกายบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ
...มันน่าโมโหนัก!
“ถามได้ ก็ต้องใช้สระผมดิ อ่านข้างขวดออกปะน่ะ” ตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงยียวนกวนประสาทชวนให้ตี
“ยังจะมาย้อน ถ้าแค่ใช้แล้วทำไมขวดมันเบาหวิวแบบนี้วะ”
“เอ้า ของมันมีไว้ใช้ มันก็ต้องหมดเป็นธรรมดาปะวะ”
“แต่ฉันเพิ่งซื้อเมื่อวาน!!”
นั่นทำให้ยองโฮที่กำลังจะอ้าปากโต้กลับหุบลงฉับ เหมือนจะสำนึกขึ้นมาได้สักนิดว่าตัวเองอาจพลั้งมือใช้เยอะไป แต่ถึงอย่างนั้น…
“แก..ลืมปิดฝาขวดแล้วมันหกหมดหรือเปล่า”
“ซอยองโฮ!”
เมื่อแจฮยอนขึ้นเสียงและใบหน้าบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่นนะยองโฮจึงรีบดักยื่นข้อเสนอให้
“เออขอโทษ มันคงพลั้งมือไปอะ เดี๋ยวซื้อมาให้ใหม่”
“ให้มันจริงอะ แล้วของแกก็มีทำไมไม่ใช้วะ?”
“ก็...” -- เพราะใช้แล้วมันไม่หอม อันที่จริงเอาของแจฮยอนมาใช้มันก็ยังไม่หอมเท่าเวลาที่เขาได้กลิ่นจากเจ้าตัวอะ -- ถ้าให้เหตุผลไปแบบนี้หัวซอยองโฮต้องหลุดออกจากบ่าแน่ ๆ และขณะกำลังนึกหาคำตอบดี ๆ สักอัน แจฮยอนก็เอ่ยปัดมาซะก่อน
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าคิดจะใช้ก็ช่วยเหลือให้มันถึงมือเจ้าของด้วย”
“ครับเมท”
แจฮยอนพยักหน้าหงึกหงักรับคำ โยนขวดแชมพูว่างเปล่าลงบนตักคนสิ้นเปลือง กำลังจะหมุนตัวหันกลับไปยังห้องน้ำ ติดก็ที่เสียงทุ้มของเพื่อนร่วมห้องนั้นรั้งเอาไว้
“แจฮยอน”
“ว่า?”
“คราวหลังก็อาบน้ำให้มันเสร็จไปก่อนค่อยออกมาเฉ่งฉันก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนออกมาทั้งอย่างนี้หรอก”
“ทำไมวะ?”
“เห็นผิวขาว ๆ ของแกแล้วใจไม่ดีเลยอะ”
“ไอบ้าซอยองโฮ!”
“ยองโฮ”
“ครับเมท”
“แกเห็นสเวตเตอร์สีชมพูของฉันปะ?”
แจฮยอนที่ใช้เวลากว่า 15 นาทีที่ผ่านมาในการเข้าห้องนู้นออกห้องนี้เพื่อหาของที่ต้องการชะโงกหน้าออกมาถามเพื่อนร่วมห้องจากประตูห้องนอน ยองโฮกำลังนั่งขัดสมาธิบนโซฟา มีผ้านวมผืนหนาคลุมไหล่และลำตัวคอยหยิบข้าวโพดคั่วส่งเข้าปากเป็นระยะนั้นหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินคำถาม เขาหยิบรีโมตมากดปุ่มหยุดชั่วคราวแช่ภาพหนังที่เขาดูเอาไว้ก่อนจะหันหน้ามาหาใครอีกคน และผลที่ตามมาเมื่อผ้านวมผืนหนาค่อย ๆ ร่วงลงมาเผยให้เห็น…
“ซอยองโฮ! อีกแล้วนะ!”
...เสื้อสเวตเตอร์สีชมพูที่เขาใช้เวลาหาเกือบยี่สิบนาทีอยู่บนตัวเพื่อนร่วมห้องตัวดีนั่น!
แจฮยอนเดินลงเท้าปึงปังมาหยุดตรงหน้าเพื่อนตัวสูง ดึงผ้านวมออกให้เห็นชัด ๆ เต็ม ๆ ตา
...ใช่จริง ๆ ด้วยอะ!
“เอาเสื้อฉันไปใส่ทำไมไม่ขอฉันสักคำ!”
“ก็...” -- พอเจ้าของใส่มันน่ารักเขาก็เลยมาลองใส่บ้าง อยากจะรู้ว่าจะน่ารักเหมือนเจ้าของมันไหม -- เหตุผลแบบนี้ต้องโดนเฉ่งจนหูชาแน่ ๆ “...มันหนาว”
“ฮีตเตอร์ก็เปิด แกเป็นคนขี้หนาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่วันที่ใส่เนี่ยแหละ”
“ซอยองโฮ!”
เมื่อแจฮยอนขึ้นเสียงและใบหน้าบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่นนะอีกครั้งยองโฮจึงรีบดักขึ้น
“เออขอโทษ ไว้เดี๋ยวซักคืนให้ แล้วถ้าคราวหน้าจะยืมอะไรจะขอก่อนนะ”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยนะเว้ย”
“ครับเมท”
แจฮยอนพยักหน้าหงึกหงักรับคำ โยนผ้านวมผืนหนาไว้ข้าง ๆ เจ้าของมันตามเดิม กำลังจะหมุนตัวหันกลับไปยังห้องนอน ติดก็ที่เสียงทุ้มของเพื่อนร่วมห้องนั้นรั้งเอาไว้
“แจฮยอน”
“ว่า?”
“แกจะใส่เสื้อตัวนี้บ่อย ๆ ปะวะ?”
“ก็คงบ่อย มันตัวโปรดฉันอะ”
“ถ้างั้นเวลาจะใส่ ใส่ตอนอยู่ในห้องนะ” นั่นทำให้แจฮยอนหันมามองยองโฮอย่างเต็มตาด้วยความสงสัย
...อะไรของเพื่อนคนนี้วะ
“ทำไม?”
“แกใส่แล้วน่ารัก ให้ฉันเห็น..ให้ฉันใจเต้นคนเดียวพอ คนอื่นห้ามนะ”
“เงียบไปซะซอยองโฮ!”
“ซอยองโฮ!”
“ครับเมท”
“แกรู้ไหมว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว!”
แจฮยอนลุกพรวดจากที่นอนตรงไปเปิดประตูห้องนอนดังปังหลังจากนับหนึ่งถึงร้อยในใจจนครบ เพราะเสียงกุกกักและโครมครามจากด้านนอกทำให้เขาข่มตาหลับไม่ได้เลย พอจะใจดีไม่โวยโดยให้เวลาเงียบก็ดันดังขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ส่วนตัวคนทำเสียงดังก็สะดุ้งโหยงหันมองเขาพร้อมกระทะในมือ
“นั่นจะทำอะไร?”
“ถามได้ ถือกระทะก็ต้องทำอาหารดิ จะให้ซักผ้าเหรอ”
“ยังจะ...” แจฮยอนคว้าหมอนอิงบนโซฟาปาใส่คนตัวสูง “...ยอกย้อน” และยองโฮก็รับไว้ทัน
แจฮยอนยืนกอดอกมองยองโฮที่วางกระทะลงบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะเดินมาวางหมอนอิงไว้ที่เดิม และเมื่อเพื่อนตัวสูงเข้ามาในระยะใกล้แค่เอื้อมเขาก็โดดขึ้นหลังพร้อมวาดแขนล็อคคอและยีเรือนหัวสีน้ำตาลสวยนั่น
“มันจะ...ตีสอง..แล้ว นาฬิกาน่ะ..มีไหมห๊ะ?!”
ทั้งทึ้งหัว ดึงหู บิดจมูก ทำทุกอย่างทั้งที่ยังเกาะอยู่บนหลังกว้างโดยไม่ได้สนใจว่าเพื่อนตัวสูงจะร้องโอดโอยแค่ไหน มือหนาพยายามคว้าจับต้นเหตุของอาการเจ็บแสบทั้งหลายที่หลบหลีกย้ายที่ไวเหลือเกิน ปากก็ร้องอ้อนวอนขอความเมตตา ติดที่ว่าคนตัวขาวยังหมั่นไส้เพื่อนคนนี้อยู่นี่แหละถึงได้จบลงที่ฟันขาวกัดลงบนใบหูน่ะ
“อ๊าก!”
แจฮยอนโดดลงจากหลังกว้างพอ ๆ กับที่ยองโฮยกมือขึ้นจับและลูบใบหูบริเวณที่โดนทำร้ายไม่หยุด เขามองเพื่อนร่วมห้องตัวสูงอย่างพึงพอใจ ผิดกับยองโฮที่น้ำตาแทบเล็ด
“เล่นแรงอะ”
“ก็แกกวนประสาท แล้วนี่ยังไม่ได้กินข้าวมาหรือไง?”
“อือ” ตอบรับพร้อมพยักหน้าหงึกหงักเป็นการยืนยัน แจฮยอนโคลงหัวรับและโบกมือปัดอย่างเข้าใจก่อนจะหันหลังเตรียมเข้าห้องอีกครั้ง
“เฮ้ยเดี๋ยว!”
“อะไร?” เพราะแขนที่ถูกรั้งไว้ด้วยทำให้แจฮยอนจำต้องหันกลับมาเต็มตัวอย่างช่วยไม่ได้
“ทำให้กินหน่อยดิ”
แจฮยอนเบิกตาโตเลิกคิ้วสูง
“แกทำเองเป็นก็ทำดิ เกี่ยวอะไรกับฉันวะ”
“ก็...” -- ทำกินเองไม่อร่อย แจฮยอนทำให้กินอร่อยกว่า -- บอกไปแบบนี้ก็จะต้องถูกคิดว่าหาข้ออ้างและโดนด่าว่าขี้เกียจแน่ ๆ “...เหนื่อยอะ หิวมากด้วย”
“เออ ๆ ก็ได้” และเพราะไม่สามารถปฏิเสธแววตาน่าสงสารอย่างลูกหมานั่นได้แจฮยอนจึงตอบตกลง
ทุกอย่างถูกจัดการหมดอย่างเรียบร้อยภายในเวลาสามสิบนาที ทั้งเตรียมวัตถุดิบ ลงมือทำ และรับประทาน ยิ่งข้อหลังไม่ต้องใช้เวลานานก็เสร็จอย่างรวดเร็วจนแจฮยอนถึงกับยืนงง
...หิวอะไรขนาดนั้น
“แจฮยอน”
“ว่า?” เอ่ยรับคำเพื่อนที่ย้ายตัวเองมายืนพิงเคาน์เตอร์ดื่มน้ำอยู่ข้าง ๆ เขาทั้งที่ไม่ละสายตาและมือจากการล้างจาน
“แกทำอาหารอร่อย”
“อืม ขอบใจ” แน่นอนล่ะว่ามีคนชมก็ต้องยิ้มรับ
“แต่อย่าให้ใครรู้ว่าแกฝีมือดีขนาดนี้นอกจากฉันนะ”
ไอ้เพื่อนคนนี้...มาแนวนี้อีกแล้ว
“ทำไมวะ?”
“ก็ถ้าบ้านไหนอยากได้สะใภ้ทำอาหารเก่งขึ้นมา จะได้มีแต่บ้านฉันบ้านเดียวไง”
“กินอิ่มแล้วก็ไสหัวไปนอนไปซอยองโฮ!”
โกรธ..
ตอนนี้จองแจฮยอนโคตรโกรธ..
โกรธแบบที่ถ้าใครมาสะกิดไม่รู้เรื่องรู้ราวก็จะโดนด่าจนวิ่งกลับบ้านไม่ถูกแน่ ๆ
ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ…หายหัวไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังทิ้งให้เขายืนรออยู่หน้าห้องคนเดียวอีก!
จะไปไหนก็ไม่บอก ทั้งที่เมื่อเช้าก็โทรบอกแล้วว่าลืมเอากุญแจติดออกมา รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะอยู่เปิดประตูให้ แล้วนี่อะไร...ชั่วโมงกว่าเข้าไปแล้วยังไม่โผล่มา โทรไปก็ไม่รับ ติดต่อทางไหนก็ไม่ได้
โกรธ..โมโห..
...จนน้ำตาจะไหล
เป็นรูมเมทประสาอะไร ไม่เคยคิดถึงคนอื่น เห็นแก่ตัว เกรงใจสักนิดก็ไม่มี แถมนี่ยังไม่รักษาคำพูดอีก
แม่ง...ไอรูมเมทนิสัยเสีย ไม่มีอะไรดี
เดี๋ยวจะย้ายออกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
“นี่”
เสียงทักเพียงคำเดียวที่ดังให้ได้ยินข้างตัวทำเอาแจฮยอนสะดุ้งนิดหน่อย เรือนหัวสีดำสวยผงะขึ้นจากที่ฟุบลงกับแขนบนเข่าที่ตั้งชัน นัยน์ตาสีน้ำตาลรื่นน้ำตาเล็กน้อยสบกับเจ้าของเสียงแรกที่เขาได้ยินในชั่วโมงที่ผ่านมา ทว่าแววตาไม่ได้ถึงแสดงความยินดีเลยสักนิด
“มานั่งทำไมตรงนี้อะ?”
“เปิดประตู” เอ่ยเพียงแค่นั้นระหว่างยันตัวลุกขึ้นจากการนั่งชันเข่าพิงประตูห้อง มือขาวปัดตามกางเกงเล็กน้อยก่อนเงยหน้าและเปิดปากบอกอีกครั้ง
“เปิดประตูสิ”
แจฮยอนแทรกตัวเดินเข้าห้องทันทีที่ยองโฮหยิบกุญแจออกมาเปิดให้ตามคำบอก ตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วคว้ากระเป๋าใบใหญ่จากหลังตู้เสื้อผ้ามาเปิดกางไว้บนเตียง คว้าเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ ยัดลงไปเท่าที่ทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอยู่หนึ่งอย่างที่ขาดไป หาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอจนสุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดปากถามเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ยืนพิงประตูมองเขาตั้งแต่เมื่อกี้
“อยู่ไหน?”
“อะไรอยู่ไหน”
“เสื้อ..สเวตเตอร์”
“แกมีตั้งหลายตัว ตัวไหนล่ะ?”
“อย่ามากวนประสาทกันนะยองโฮ!”
“เฮ้ ฉันพูดเรื่องจริงนี่ แกควรเจาะจงให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
“ซอยองโฮ!” แจฮยอนขึ้นเสียงอย่างสุดจะทน และเมื่อคนตัวสูงยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเขาจึงตัดสินใจเดินกระแทกไหล่อีกคนออกไป
แจฮยอนกำลังหัวเสียเกินกว่าที่จะสนใจว่ามีเสียงฝีเท้าอีกคู่ตามหลังมาหรือไม่ ขณะที่ดึงบานประตูเปิดมันกลับถูกดันกลับจนปิดสนิทลงอีกครั้งโดยมือที่นาบลงบนประตูด้วยเสียงที่ไม่เบานัก
เขายืนอยู่แบบนั้นแม้เงาดำที่ทาบทับจะบอกให้รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนยังอยู่ข้างหลัง มือขาวที่ยังคงจับลูกบิดไว้เริ่มออกแรงหมุนอีกครั้ง แต่กลับถูกหยุดเมื่อเขาถูกมือคู่หนึ่งจับบังคับให้เขาหันกลับไป
“มีอะไร?” แจฮยอนถามเสียงห้วน สบตาคนตัวสูงอย่างไม่สบอารมณ์
“แค่..อยู่นิ่ง ๆ ”
“อะร…”
คำถามของแจฮยอนถูกกลืนหายไปยามยองโฮโน้มใบหน้าลงเพื่อมอบสัมผัสแผ่วเบาลงบนริมฝีปากแดง แตะค้างไว้เพียงครู่หนึ่งแล้วจึงผละออก สบดวงตาที่ฉายไปด้วยความฉงนแล้วเลื่อนลงมายังปากที่ขยับราวกับต้องการจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับไร้เสียง และยังไม่ทันให้แจฮยอนได้รวบรวมสติกลับมา ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มขันนั่นก็ประกบลงมาอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งก่อน เพราะไม่ใช่เพียงแค่ทาบทับสัมผัสลงไปแค่ผะแผ่ว แต่กลับแนบแน่นจนแจฮยอนรับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้คือความจริง ว่าเพื่อนร่วมห้องตัวสูงคนนี้กำลังตัดสินใจข้ามขั้นคำว่าเพื่อน
ว่าซอยองโฮนั้นกำลังจูบจองแจฮยอน...โดยไม่บอกกล่าวอะไรก่อนเลยสักนิด!
ราวกับใครอีกคนจะล่วงรู้ความคิดของเขา เพราะแขนแข็งแรงนั่นโอบรั้งเอวเขาให้แนบชิดจนไม่สามารถผละออกไปได้ มืออีกข้างเลื่อนขึ้นบริเวณท้ายทอยปรับองศาของใบหน้าคนทั้งคู่
และแน่นอนว่าแจฮยอนเองก็มิอาจต้านทานใครอีกคนได้เช่นกัน
แขนขาวทั้งสองข้างที่เมื่อครู่ยังดันบ่าประท้วงเบา ๆ มือกำเนื้อผ้าของเสื้ออีกฝ่ายแน่น กลายมาเป็นคล้องประสานกันตรงคออีกฝ่ายและดึงรั้งให้รสจูบนี้แนบแน่นขึ้น เขาสบถในใจอย่างนึกหมั่นไส้เมื่อรับรู้ได้ว่ายองโฮกำลังยกยิ้มจากการกระทำของเขา
ไม่มีใครนับว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน และไม่มีใครคิดจะสนใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันให้ความรู้สึกดีเกินกว่าที่จะล้มเลิกได้ จนกระทั่งมือที่ป้วนเปี้ยนอยู่ตรงเอวแจฮยอนเริ่มเลื้อยเข้าใต้สาบเสื้อนั่นแหละ
“หยุดเลย ทีละขั้นตอนดิ” แจฮยอนปรามทันทีที่ใช้โอกาสผลักยองโฮให้ถอยออกไปได้
“แต่…”
“ไม่มีแต่อะ นี่ข้ามขั้นตอนไปแล้วด้วยซ้ำ จริง ๆ แกควรต้องชวนฉันออกเดทก่อนนะเว้ย สร้างความประทับใจก่อนดิ”
“แต่แกจูบตอบฉันนะ”
“เออ ก็รู้สึกดี ข้อนี้ไม่เถียง แต่ยังไงก็ต้องตามขั้นตอนว่ะ”
“ก็ได้ ๆ ” ยองโฮตอบรับยกมือยอมอย่างจำนน
...แต่ก่อนจะขยับไปขั้นตอนไหน
“กลับมาเรื่องเดิมก่อน ฉันกำลังโกรธแกอยู่นะยองโฮ”
“อันนี้รู้” นั่นทำให้แจฮยอนตาโตด้วยความประหลาดใจ
“รู้แล้วทำไมไม่พูดอะไรอะ?”
“รอจังหวะเหมาะ ๆ อยู่”
“จังหวะเหมาะอะไร ฉันกำลังเก็บของย้ายออกนะเว้ย”
“เออ นั่นแหละ จังหวะเหมาะที่ฉันจะได้จูบให้แกลืมไปชั่วขณะไง...เห็นในหนังชอบทำ”
“ไอ้...รูมเมทบ้า! ประสาทกลับไปแล้วหรือไง!”
มีอย่างที่ไหนมาลองทำเลียนแบบหนังเนี่ย!
ไอ้ที่มีเรื่องน่าโมโหอยู่แล้วเป็นอันทบหนึ่งเข้าไปอีก ขยันหาเรื่องให้ตัวเองไม่จบไม่สิ้นนะซอยองโฮ!
ขณะที่จองแจฮยอนกำลังอารมณ์ร้อนขึ้นจนปรอทจะแตก คนอ่านอาการว่าที่แฟนออกอย่างซอยองโฮก็รีบเอ่ยดักขึ้นมาก่อน...ที่จะไม่มีวันได้เลื่อนขั้นเป็นแฟนแต่เป็นศพก่อนนี่สิ
“ขอโทษ ๆ ก็เวลาแกหัวฟัดหัวเหวี่ยงมัน...น่ารักดี”
“โรคจิตเหรอ?” แจฮยอนสวนกลับไปทันที
“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าเวลาไหนแกน่ารักสำหรับฉันน่ะ”
ให้ตายเถอะ
...หน้าร้อนชะมัด
“แล้วไอ้ที่กวนประสาทก่อนหน้านี้ แชมพู เสื้อ ทำกับข้าว เรื่องพวกนั้น…?”
“เออ นั่นก็...เต๊าะ จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้มั้ง” ว่าเสียงแผ่ว สายตามองไปทางอื่น มือยกขึ้นลูบท้ายทอย
“อะไร เขินเป็นกับเขาด้วยหรือไง?” โอกาสมาขนาดนี้ จองแจฮยอนจะปล่อยเฉยได้อย่างไรกัน
“เงียบเหอะ”
“ไม่มีทางอะ ฉันโดนแกล้อแกแซวอยู่ทุกวัน ถึงตาฉันบ้างแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น...ถ้าฉันจูบแกทุกวัน แกก็จะจูบฉันกลับบ้างทุกวันใช่ไหม?”
“เดี๋ยว เฮ้ย อะไร...นั่นโคตรจะไม่เกี่ยวเหอะ” แจฮยอนก้าวถอยหลังเมื่อออร่าและรอยยิ้มแปลก ๆ ของอีกคนถูกส่งออกมา
แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่า
กึก
...ประตู
ไอ้เพื่อนคนนี้มันตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?
“สำหรับฉันมันเกี่ยวเว้ย”
“แต่...ตามขั้นตอนไง”
“ไอ้ที่เต๊าะอยู่เรื่อย ๆ นั่นก็เต๊าะจริงนะ...ไม่เต๊าะหลอก กินข้าวก็กินกับแกทุกวัน ออกข้างนอกก็แทบจะไปด้วยกันตลอด ถือว่าเป็นออกเดทไปแล้วกัน เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่อไปนี้...มันก็คือสานต่อจากเมื่อกี้เนี่ยแหละ”
ให้ตายเถอะ
นิสัยเสียอีกข้อของรูมเมทอย่างซอยองโฮก็คือนี่แหละ
...พูดเองเออเองตัดสินใจเองอยู่คนเดียว แล้วนี่ก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ด้วยไง!
.
.
ก็...ยอม ๆ ไปเหอะเนอะ
หากมีตรงไหนผิดพลาดหรือคำที่เราสะกดผิดสามารถบอกเตือนกันได้นะคะ ติ-ชมเรื่องนี้ได้ทั้งในนี้
หรือแท็ก #paulinejfic ในทวิตเตอร์ แล้วแต่นักอ่านสะดวกเลยค่ะ
ขอบคุณที่ให้ความรักและติดตามเรื่องนี้นะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in