อ่านสเตตัสเพื่อน เพื่อนพูดเรื่อง Racism กับ Discrimination ที่อเมริกา
แล้วไถไทม์ไลน์มาเจอคลิปที่เพื่อนตุรกีแชร์อีก
ในคลิปก็พูดเรื่อง discrimination เหมือนกัน ประมาณว่า
คนเรามันจะมี stereotype อยู่ พอเห็นคนผิวสี ก็จะแสดงปฏิกิริยาออกมาโดยอัตโนมัติ เช่น ผู้หญิงเมกันขึ้นรถเมล์ ที่นั่งเต็มหมด ยกเว้นที่ข้างคนแก่ผิวสีคนนึง ซึ่งแกวางกระเป๋าไว้ แต่พอเห็นผู้หญิงขึ้นมา แกก็ยกกระเป๋ามาวางบนตักแทน
แต่ ผู้หญิงคนนี้ก็คิดในใจแบบ 'ไม่นะ ฉันจะไม่ make eye contacts'
แล้วนางก็เลือกที่จะยืน ส่วนคนแก่คนนั้นก็ซึมไป
แล้ววิดีโอก็พูดประมาณว่า "No one is made to feel like a crap." ซัมติง
กลับมาที่ประสบการณ์เรา
ในฐานะที่เป็นทั้งคน discriminate และถูก discriminated ซะเอง
เราไปเวิร์คแอนทราเวิลเมื่อ 2 ปีก่อน
ตอนถึงเมกาวันแรกๆ คนผิวสีมาขอให้ไปตามน้องสาวเค้าในส้วมหญิงในแมคโดนัลให้หน่อย
แล้วความที่แมคโดนัลบ้านเราไม่มีส้วมอะเนาะ
เราก็เข้าใจไปเองว่า ประตูส้วมเป็นประตูทางออกไปด้านหลัง แล้วคิดไปเองว่าเค้าจะมาลักพาตัวเรา 555555 เพราะความที่เค้าเป็นคนดำไง
คือบ้าบอ ดูหนังมากไป
นี่ก็ได้เห็นการ discriminate ของตัวเองเลย
จากนั้นก็ผลกรรมละ ตอนทำงานแคชเชียร์
รู้ใช่มั้ยว่าการที่อังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่เรา แล้วเอาจริงๆ การศึกษาประเทศเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้พูดอิ้งในชีวิตประจำวันกันขนาดนั้น ต่อให้เราเรียนเอกอังกฤษ เราก็ไม่ได้ "พูด" ขนาดนั้นอะ แถมคณะเราเน้น Literature .. ตอนเราไปใหม่ๆ เพื่อนเคยบอกด้วยว่า ภาษาเราดูโบราณแปลกๆ 5555 ก็คือกูลอกหนังสือเมื่อหลายร้อยปีมาอะ มันเก๋ดี
แล้วจะมีลูกค้าผิวขาว ที่ดูเป็นนักท่องเที่ยว มาเชคเอ้าท์เคาเตอร์เราเหมือนกัน
แล้วบางที เค้าต้องการนู่นนี่นั่น แล้วพูดด้วยสปีดเค้า คนที่ใช้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด
บางทีเราเข้าใจ แต่ตอบไม่ได้ ในหัวยังเรียงประโยคไม่เสร็จเลย แต่เค้าต้องการการโต้ตอบฉับพลันอะ แนวรีบมารีบไป
แล้วพอเราพูดช้าๆ อึ่กๆอั่กๆ เค้าถามเสียงเหยียด ด้วยความที่เห็นเราเป็น Asian ด้วยว่า
"Do you even speak English?"
ผลคือไร ร้องไห้ดิตอนพักเบรคอะ
อีโก้ทุกอย่างมันถูกทำลาย
ไม่อยากไปทำงานเลย แรกๆทรมานมาก คิดว่ากูไม่ได้จ่ายเงินค่าโครงการมาโดนมึงด่านะ
แต่พอมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกดี
มันทำให้เรารู้ว่า ในห้องเรียนกับโลกข้างนอก มันแตกต่างกันสุดๆ
แล้วก็การที่เกรดดีในคณะ ตอบคำถามเอสเสได้เป็นสิบหน้า
ชีวิตจริงอาจจะตอบเค้าเป็นอังกฤษไม่ได้ว่า สก็อตไบรท์อยู่ aisle ไหน แล้วก็ถูกด่าก็ได้
การถูกเหยียดผิว เหยียดชาติพันธุ์ก็เหมือนกัน
มันทำให้เราพยายามเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
อย่างเรื่องการสื่อสาร คนเรามาจากคนละซีกโลก จะให้แอคเซนท์เป็นพิมพ์เดียวกันก็คงไม่ได้
แต่อย่างน้อย ถ้าพยายามเข้าใจกัน มันสื่อสารกันได้อยู่แล้ว
เราเลยอยากให้ทุกคนได้ลองไปเวิร์ค แม่งเปิดโลก ดวงตาเห็นธรรม
แล้วพอหลังๆ เมื่อสกิลชีวิตกล้าแกร่งนะมึงเอ๊ย มึงสู้เลยอะ จริงๆ 555555
ต่อให้โดนเหยียดแค่ไหนก็มีความสวนคืน
มีครั้งนึง เราเป็นแบค(คือคนช่วยใส่ถุง)ให้ป้าแคชเชียร์ชื่อ มาริเซลล่า
แกมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ป้าพูดอิ้งไม่ได้เลย
แกผมทอง ตาฟ้าจ๋าเลยนะ แต่ไม่ใช่คนเมกัน
แล้วลูกค้าโวยวายอะไรกับแกสักอย่าง
ป้าหันมาทางเรา ยื่นมือแบบขอให้ช่วย เหงื่อแตก เหมือนแกตกใจด้วยอะ
อีลูกค้าก็เฟี๊ยซมาก มีความดุร้าย
เราก็คิด ... เตี้ยอุ้มค่อมละมึง หนุจะช่วยป้าได้มั้ยยย
เราก็ถามลูกค้า แล้วโชคดีเข้าใจว่า ลูกค้าถามเรื่องโปรโมชั่นน้ำอัดลม ที่มันไม่ขึ้นลดให้ตอนคิดเงิน
แต่จริงๆเพราะลูกค้าแม่งซื้อผิดยี่ห้อเอง
เราก็อธิบาย ช้าๆตามสไตล์ แต่กูเน้นยิ้มแบบจ๋องๆ ยิ้มแบบ 'มาสเตอร์คะ ได้โปรดฟังเอลฟ์ด้วย'
นางก็ดูพอใจในความเหนือกว่า แล้วก็หันมาบ่นกับเราว่า
"You must be kidding me, she doesn't know English!
My God! I thought she is American...She can't even say a word!"
(เธอล้อฉันเล่นแน่ๆ ป้านี่ไม่รู้ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ พระเจ้า! ฉันนึกว่าหล่อนเป็นคนเมกัน นี่หล่อนพูดอังกฤษไม่ได้แม้แต่คำเดียว)
แล้วเบะปากใส่ป้ามาริเซลล่า
ตอนนั้นเราก็ยิ้มๆจ๋องๆแล้วบอกว่า
"But she knows Spanish, which I don't. And probably you too."
(แต่ป้าเค้ารู้ภาษาสเปน ที่ฉันไม่รู้ แล้วคุณก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกันนะคะ)
ลูกค้าหันขวับมาเลย แต่เรายิ้มจ๋องมาก ยิ้มอ่อน
แล้วยื่นถุงให้ ทำหน้านอบน้อมแล้วบอก "Have a good day ma'am."
นางคง งงๆ ว่า อินี่ด่ากูมั้ยนะ คำพูดกับท่าทางไม่ไปทางเดียวกัน 5555
แต่ก็เอาเหอะ บัย
Take time to be kind นะคะ people.
เราก็พยายามอยู่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in