เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บำเพ็ญตะกละBUNBOOKISH
คำนำ

  • ตอนแรกที่เราเห็นชื่อคอลัมน์ ‘บำเพ็ญตะกละ’ ใน giraffe (นิตยสารแจกฟรีในเครือแซลมอนบุ๊คส์—ออกเป็นรายปักษ์ ทุกวันจันทร์แรกกับจันทร์ที่สามของเดือน...พอ!) ตอนนั้นคิดทันทีว่า มันน่าจะมาเป็นชื่อหนังสือสักเล่มของพวกเราเสียจริงๆ แถมพอเห็นชื่อเจ้าของคอลัมน์ ‘จิราภรณ์ วิหวา’ โอ้ นี่มันเกิดมาเพื่อเป็นหนังสือของบันบุ๊คส์โดยแท้ ชื่อก็เหมาะ นักเขียนก็ใช่ อะไรจะดีไปกว่าขอเอามารวมเล่มเลยแล้วกัน (อ้าว... ง่ายแบบนี้เลย)

    แต่จากที่ตั้งใจว่า จะเป็นการรวมเล่มจากคอลัมน์ธรรมดา พอได้คุยกับจิราภรณ์แล้วพวกเราก็เริ่มสนุก คิดไปคิดมา จิราภรณ์ก็บอกว่า เราเขียนใหม่เลยดีกว่า (อ้าว เข้าทางเลยทีนี้...)

    เมื่อก่อนเคยคิดว่า หนังสือที่พูดถึงอาหารมันจะน่าสนใจได้ก็ต้องมีเมนูอาหารที่แสนพิเศษมาเป็นต้นเรื่อง แต่ บำเพ็ญตะกละ ทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่าที่จริงแล้วชีวิตเราผูกพันอยู่กับมื้ออาหารที่แสนจะธรรมดาและหากินได้ง่ายตามตรอกซอกซอยที่ใช้ชีวิตประจำวันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หรือเบสิกสุดๆ อย่างข้าวไข่เจียวก็ตาม 

    ลองถ้าได้เจอร้านอาหารที่ทำให้เมนูธรรมดาพวกนี้กลายเป็นสุดยอดอาหารประจำ ใจได้แล้วละก็...ชีวิตนี้ก็แทบไม่ต้องรอมื้ออาหารพิเศษที่ไหนอีกเลย



  • ฉันว่าความรักเหมือนกับอาหาร

    ในหนังสือที่เห็นแก่กินและตะกละตะกลามไปเสียทุกบรรทัดเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลว่าผู้เขียนจะมาแสดงทรรศนะโรแมนติกอบอุ่นและคมคายให้จั๊ก-จี๊ดใจ แต่ที่ต้องหยิบเรื่องความรักมาพูดซ้ำๆ ทั้งที่ใครต่อใครชอบเปรียบเปรยกันเป็นประจำ (เช่น ความรักเหมือนยาพิษ ความรักเหมือนยาสีฟัน ความรักเหมือนข้าวมันไก่เนื้อน่องพิเศษ ฯลฯ) ก็เป็นเพราะฉันสังเกตเห็นบางอย่างที่เหมือนกัน เวลาเราพูดถึงอาหารและความรัก

    ระหว่างที่เขียนคำนำอยู่ เพื่อนสาวราวกับรู้งาน โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องรักหลายเส้าด้วยเสียงสั่นเครือ ฉันหยุดสิ่งตรงหน้าและพยายามปลอบประโลม ให้คำ แนะนำ สะท้อนความคิดเห็น พร้อมแชร์ประสบการณ์ความรักของตัวเองเท่าที่โอกาสและหัวข้อจะอำนวย หลังกรณีตัวอย่างวางสายไป ฉันก็นึกเอะใจสงสัย ทำไมเวลาคุยเรื่องความรักกันทีไร ถึงจะเป็นเรื่องคนอื่น แต่สุดท้ายเราทั้งหลายก็จะลากมาเข้าเรื่องของตัวเองจนได้ทุกที ไม่ว่าเราจะมีประสบการณ์รักโชกโชนหรือไม่เคยแม้แต่จะบอกรักใครก็ตาม

    ทีกับเรื่องการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ดนตรี ศิลปะ แฟชั่น วรรณกรรมคลาสสิก วิทยาศาสตร์ ต้องคุยกันแบบเหงาๆ เนิร์ดๆ เฉพาะกลุ่ม แสดงความคิดเห็นอย่างลุ่มๆ ดอนๆ แต่พอเป็นเรื่องความรักปุ๊บ เพื่อนสมัยประถมไม่เจอกันนานหรือคุณป้าข้างบ้านต่างก็มีทรรศนะส่วนตัวและสามารถแชร์กันได้อย่างออกรสออกชาติ เหมือนความรักเป็นแอพพลิเคชั่นที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ไม่ต้องหาโหลดเพิ่มตามความสนใจในภายหลัง หรือแม้เราจะเอียน เบื่อ เฝือ เซ็ง ความรักยังไง เราก็ลบแอพพลิเคชั่นนี้ทิ้งไปไม่ได้ซะที

    และนั่นแหละค่ะที่ฉันว่ามันเหมือนกับอาหาร

    ระบบปฏิบัติการของเรามีแอพพลิเคชั่นอาหารติดตั้งมาอยู่แล้วในฐานะปัจจัยสี่ เรากินเพื่อดำรงชีวิตและในบางครั้งก็กินเพื่อความสุข เรามีประสบการณ์และความเข้าใจในอาหารเป็นของตัวเอง มีความอร่อยเป็นมาตรฐานส่วนตัว บางส่วนก็เหมือนผู้คนมากมาย บางอย่างก็เฉพาะทางมากรายละเอียด ความเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ของแต่ละคนไม่เคยเท่ากัน บางคนมองอาหารอย่างแห้งแล้ง ในขณะที่บางคนมีอาหารเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและหล่อเลี้ยงจิตใจ

    ไม่ต้องเดา ฉันเป็นมนุษย์จำพวกหลัง พวกที่เกิดมาเพื่อกินและอยู่ต่อไปเพื่อกิน แม้จะฟังดูไม่โรแมนติกเหมือนเวลาพูดถึงความรัก แต่ลองสังเกตแววตาของคนเวลาพูดถึงของอร่อยดูสิ ฉันว่ามันมีประกายบางอย่างที่ไม่ต่างไปจากการบอกเล่าเรื่องรักเลยล่ะ และก็ใช่ เวลาพวกเขาพูดถึงของไม่อร่อย ก็มีบางสิ่งที่เหมือนกันกับตอนพวกเขาปรับทุกข์เมื่ออกหักรักล่ม

    บำเพ็ญตะกละ คือหนังสือที่ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารของฉัน มีทั้งเรื่องราวสวยงามชวนยิ้มและเรื่องผิดหวังหนังตาตก บางเรื่องอาจพ้องกับคุณผู้อ่านอย่างประหลาด และบางเรื่องก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดถูกเล่าผ่านอาหารง่ายๆ อย่างสตรีทฟู้ดที่หลายคนคุ้นลิ้น แถมด้วยร้านอร่อยตามรสตะกละส่วนตัว ซึ่งอาจจะถูกปากคุณผู้อ่านที่มีนิยามความอร่อยใกล้เคียงกัน หรืออาจจะน่าผิดหวังสำหรับคนที่นิยมรสแตกต่างกันชัดเจน นี่จึงไม่ใช่หนังสือรีวิวร้านอาหารที่ไม่ควรพลาด แต่เป็นบทบันทึกของมนุษย์ช่างกินคนหนึ่งซึ่งบูชาความอร่อยเหมือนหญิงสาวที่บูชาความรัก (ขนาดนั้น!)

    ระหว่างคิดหาประโยคเพื่อจบท้ายคำนำอย่างคมคาย เพื่อนผู้ช้ำรักบรรทัดแรกๆ ก็โทร.กลับมา

    ฉันขี้เกียจปลอบซ้ำๆ เลยบอกไปว่า “ออกไปหาของอร่อยกินดีกว่า”

    ในฐานะพวกที่ถือหางความอร่อย ฉันว่าอาหารเหนือกว่าความรักอยู่หนึ่งข้อ ตรงที่เวลาเราอยากกินนั่น ชิมนี่ ลองนู่น ไม่มีใครเดือดร้อนหรือต้องผิดหวังกับความหลายใจของเรา แต่กับความรัก ไม่มีความสัมพันธ์ไหนอนุญาตให้เราทำอย่างนั้นได้อย่างสะดวกใจ

    เพราะฉะนั้น มาใช้ทักษะหลายใจกับการบริโภคกันเถอะ


    จิราภรณ์ วิหวา



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in