วอนให้ลม ช่วยพัดหัวใจพี่ลอยไป
จากดินแดน ถิ่นเหนือที่ไกลแสนไกล
“ กูไม่ไหวแล้วโว้ยไอ้เชี่ย! “
หลังจากที่ผมตะโกนลั่นห้องเมื่ออาทิตย์ก่อน เราทุกคนโคตรจะเหลืออดกับ ธีสิสแล้วแม้เพิ่งจะเริ่มทำมันเพียงไม่กี่เดือน เมทของผมมันบ่นอยากไปเที่ยวมาสักระยะนึงแล้ว แต่พวกเรายังไม่สามารถละมือจากโปรเจคที่รักของพวกเราได้โปรแกรมอื่นๆที่อยากทำจึงถูกพับเก็บไปอย่างน่าเสียดาย กรุงเทพที่แสนวุ่นวาย วุ่นวายตั้งแต่เรื่องเรียนยันเรื่องเดินทาง เหมือนร่างกายไม่เคยได้พัก สมองนี่ไม่ต้องพูดถึง
“ มึงปีหน้าไปปายป้ะ กูอยากไปว่ะ “
“ เออ ไป ไอ้สัดมึงจองตั๋วเลย “
“ ห้ะ”
“ ขอเร็วที่สุดเลยไอ้เหี้ยไม่ต้องรอปีหน้าแล้ว “
ภายในไม่กี่ชั่วโมงเราก็ได้ไฟล์ทบิน ที่พัก แพลนเที่ยว เพื่อนร่วมทริปครบจำนวน ถามตัวเองดูว่าแม่งบ้าป่าววะทั้งๆที่ยังนั่งทำธีสิิสกันอยู่แบบเอาเป็นเอาตาย รู้ตัวอีกทีมือก็กดโอนเงินค่าใช้จ่ายทุกอย่างคร่าวๆไปแล้ว สักพักบางอย่างในใจผุด ขึ้นมา
“ ไอ้สัดแล้วกูจะเอาตังที่ไหนเที่ยววะ “
นั่นแหละครับ เครียดเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง
พอเอาเข้าจริงๆคนเราถ้ามันอยากไป อยากทำมันก็จะหามาให้ได้เองแหละ ถูกไหม จริงๆแล้ว ปาย คือที่ที่เป็นลิสต์แรกที่ผมจัดไว้ในสถานที่ที่ไม่อยาก ไปมากที่สุดในวัยเด็ก ผมเสิร์ชหาข้อมูลคร่าวๆในตอนนั้นแล้วก็อุทานออกมาว่า
‘เชี่ย โค้งเยอะขนาดนั้นไปทำห่าอะไรวะ’
แต่ตอนนี้อาจด้วยอิทธิพลของความเครียดหรือความกดดันจากธีสิสเพื่อนรักหรือเปล่าไม่แน่ใจ ก่อนที่จะรู้สึกตัวอะไรมากมายว่าตัวเองคิดดีแล้วหรอถึงมา
ก็คือตอนนี้ผมยืนลูบหลังเพื่อนที่กำลังโก่งคอเอามื้อเช้าออกจากกระเพาะอยู่ที่จุดพักรถทางขึ้นปาย ครึ่งทางแล้วโวย ผมได้แค่ตะโกนอยู่ในใจ
ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราขึ้นเขากันมากี่ชั่วโมง หัวผมหมุนเต็มที และตอนนี้เรากำลังยืนอยู่ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ สถานีขนส่งปาย มันเป็นเหมือนท่ารถเล็กๆ ที่มีรถตู้วิ่งเข้าวิ่งออกไปมา
ในระหว่างที่พวกเรากำลังรอรถจาก ที่พักมารับก็เดินสำรวจดูพื้นที่กันสักหน่อย ร้านให้เช้ามอเตอร์ไซค์เยอะมาก ผมขยับแว่นให้เข้าที่เข้าทางเล็กน้อย
“ นาย ถึงห้องแล้วกูขอนอนก่อนได้ป่าววะ “
ผมหันไปสะกิดเพื่อนโดยที่พยามถ่างตาอย่างเต็มที่ ตื่นโคตรเช้าแถมความ รู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่าโดนเขย่าๆเอาเครื่องในไปปั่นรวมกัน มันผะอืดผะอมจนหน้าซีด แต่ผมรู้ว่าถ้าโก่งคออ้วกตอนนี้ทุกอย่างที่แพลนมาคือจบ เฮแน่นอน หมดแรงนอนพักเป็นผักเหี่ยวๆอยู่ในห้องแน่ๆ
“ ถึงห้องมึงก็ไปพักก่อน ไม่ให้นอน เดี๋ยวจะไปหาไรแดกกูหิว “
“ สัด ง่วงชิบ ” ผมสบถ
“ เดี๋ยวมึงได้เที่ยวก็หายง่วงแล้วป้ะ “
ปะมาณสองสามชั่วโมงต่อมาหลังจากที่เราเก็บของเข้าที่พัก เช่ารถมอเตอร์ไซค์สองคันไว้ขับเที่ยวรอบเมืองตลอดสองวันนี้ ท้องพวกเรากำลังประท้วงไม่หยุดหย่อนขับไปได้สักพักและในที่สุดก็มาหยุดที่ร้านขันโตกร้านหนึ่ง ในขณะที่นั่งรอชุดขันโตกที่สั่งไปผมก็กางแผนที่ท่องเที่ยวของปายที่ทางที่พักแจกฟรีออกดู
“ ฮัน มึงบอกว่าเที่ยววันเดียวหมดใช่ป้ะ ”
“ เออ ก็หมดอ่ะวันสองวัน มันไม่ค่อยมีอะไร ”
ผมหันไปถามคนวางแพลนคร่าวๆของกลุ่มเราในทริปนี้ ก่อนจะพยาม หายใจลึกๆไล่ความผะอืดผะอมบางเบาที่เหลืออยู่ หลังจากกินข้าวเสร็จเรา คิดกันว่าก็คงตะลอนขับรถไปเรื่อยๆ ปักจุดจากที่ไกลๆก่อนแล้วค่อยๆไล่ขึ้น มาในตัวเมือง
.
.
เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาลพวกเราเลยไม่ต้องเจอปัญหารถติดหรือแย่งกันกินแย่งกันใช้แบบตามที่เห็นกันบ่อยๆเวลาไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเราจอดรถตรงร้านกาแฟ
ผมเดิินไปทางฝั่งซ้ายของร้านแล้วพบว่า เออ แม่ง คุ้ม อยู่นะกับการเดินทางที่ทรมานหน่อยๆ ลมเบาๆที่พัดมาปะทะกับผิว ภูเขาสีเขียวแบบที่เคยเห็นในเว็บรีวิว ดอกไม้หลายชนิดที่ปลูกตามทาง วิวธรรมชาติที่คุ้มค่ากับการเดิินทางผมคิิดแบบนั้น ผมสูดอากาศเข้าปอดลึกๆแล้ว ยิ้มให้กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“ สุดยอดไปเลยว่ะ โคตรสวย ”
“ เมือง มึงเอาไร กูสั่งกาแฟไปมะกี้ ไอ้ริวนั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียว เร็วๆเดี๋ยวคนเยอะ ”
ถ่ายรูปไปได้สักพัก ฮันกับนายเดินมาตามผมกลับไปที่โต๊ะ แล้วเราก็ตกลงว่าจะไปต่อเพราะทนเสียงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดคุยกันเสียงออกรสเสียงดังไปทั่วร้านไม่ไหว
มอเตอร์ไซค์สองคันตามทางลาดชันขึ้นเขา ตอนแรกก็คิดนะว่าเออ แม่ง กูมาขับรถเล่นเฉยๆที่ปายเนี่ยนะ แต่พอเห็นวิวตามข้างทางแล้วก็คิดอีกว่า อืม มันก็จริง แต่เหมือนมาพักสมองพักใจที่ฟุ้งซ่านจากความเครียด พริบตาเดียวตอนนี้เข้าช่วงบ่ายแล้ว เรามาถึงที่สะพานประวัติศาสตร์ช่วงเกือบบ่ายสองเห็นจะได้ ตอนแรกผมคิิดว่ามันต้องร้อนมากแน่ๆ แต่คงเป็นความโชคดีของพวกเรามั้งที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศกำลังดีไม่ร้อนมากเกินไป
สักพักเหมือนมีนักท่องเที่ยวคล้ายพวกเรา ขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดข้างๆผม ผมกระดกน้ำไปอึกใหญ่ก่อนจะหันไปมองรถคันข้างๆ
อ่า ดูเหมือนจะแฟนกันละมั้ง คนซ้อนที่เป็นผู้หญิงเดินไปที่สะพานก่อนแล้วตะโกนบอกให้คนขับที่กำลังเก็บของใต้เบาะประมาณว่าไปรอที่สะพานก่อนนะ เธอวิ่งจนผมสยายไปตามแรง
อือ สวยว่ะ
ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง หัวใจพี่แทบติดตรึง
เพ้อรำพึงรำพัน ถึงแม่นวลน้อง
ในขณะที่ผมหันกลับมาที่รถคันข้างๆ เขากำลังถอดหมวกกันน็อคออกแขวนที่แฮนด์รถ จังหวะที่คุณคนข้างๆกำลังเงยหน้าขึ้นมา กลายเป็นว่าเหมือนผมถูกสายตาของเขาตรึงอยู่กับที่
แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร
ใจพี่จมแทบพสุธา
ดวงฤทัย หรือดวงแก้วตา
ดุจดวงดารา ดวงดาวดวงไหน
แก้มอิ่มแดงระเรื่อน้อยๆของเขาน่าจะเป็นเพราะอากาศของช่วงบ่าย
ไม่กี่วินาที คุณเขาก็หันมาแล้วทำหน้าสงสัยใส่ผม
“ คุณ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ? หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรอ? “ คุณแก้มแดงคนนั้นเอ่ยปากถาม
“ อ อ่า ไม่ครับ ขอโทษด้วย “
น็อคเอาท์
น่ารักจนลืมไปเลยว่าสาวเจ้าคนซ้อนที่วิ่งไปเมื่อกี้นั้นหน้าตาเป็นยังไง
ถ้าเมื่อกี้นี่เป็นแฟนของคุณเขา.. ก็เหมือนอกหักทั้งๆที่เพิ่งตกหลุมรักเลยแหละมั้ง
แต่ละก้าวของคุณแก้มแดงคนนั้นเหมือนกำลังเหยียบใจผมให้จมดิน ผมละสายตาออกจากเขาไม่ได้เลยให้ตายสิ
“ ดูเหมือนขึ้นปายคราวนี้จะมีอะไรดีๆนะ มึงว่าป้ะ “
นายพูดแล้วหันไปทางเพื่อนตัวเองที่ยิ้มเหมือนคนบ้า
“ กูวางสิบบาท ไอ้เมืองชอบเขา “ ฮันทำท่าดีดนิ้ว
“ กูให้ยี่สิบ “ ริวหันมาพูด
“ ถุย! เก็บไว้เหอะเศษเงินประทังชีวิตพวกมึงอ่ะชิบหาย มารอดูเฉยๆเถอะ ”
“ สิบยี่สิบก็ประทังชีวิตพวกกูไง เห็นใจกันหน่อย “
นายส่ายหัวให้กับฮัน และตั้งหน้าตั้งตาดูเมืองที่กำลังยิ้ม ความเด๋อภายใต้แว่นตานั่นแสดงออกมาชัดเจนจนอดเอ่ยปากล้อไม่ได้
.
.
“ มึง นาย แม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ “
“ ห๊ะ!? กูหรอ? “
“ กูหมายถึงเขาโว้ย “
สามชั่วโมงต่อมา ไม้เมืองก็ยังคงพูดถึงคุณแก้มแดงคนนั้นจนทุกคนเริ่มบ่นรำคาญ
“ โว้ย โง่เองอ่ะ ไม่ขอคอนแทคไว้ สมน้ำหน้า “
“ ก็กูไม่มีสติ เขาน่ารักเกินไป “
“ คว้าย “
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีออร่าความสุขแผ่กระจายอยู่ในตัว ที่เที่ยวที่แพลนไว้ในปายก็มีอยู่แค่นี้ หวังว่าจะได้เจอกันอีกสักครั้ง
ถ้าเจอกันคราวนี้จะเข้าไปขอคอนแทคติดต่อเอาไว้โดยไม่ลังเลเลยคอยดู ถึงจะมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร คุยแบบเป็นเพื่อนไปเรื่อยๆก็ได้ ความอยากรู้จักมันมีมากกว่าความอายโว้ย
ผมขับรถเล่นกันจนตัวเหนียว พอกลับที่พักผมนอนหลับเอาเเรงไปไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกเพื่อนอีกสามคนปลุกขึ้นมา
“ ไปไหนต่อวะ ? “ ผมงัวเงียถาม
“ ถนนคนเดินปาย “ ฮันตอบไปเก็บที่นอนไป
“ มีถนนคนเดินด้วยอ่อวะ โห แล้วเขาตั้งกันแล้วหรอ ? “
ผมเพิ่งรู้จากเพื่อนว่าที่ปายมีถนนคนเดิน คงเป็นตลาดเล็กๆปกตินั่นแหละ แต่มันน่าตื่นเต้นเพราะท้องฟ้าข้างนอกที่หม่นแสงลง แสงกำลังสวยจนแทบไม่อยากละสายตา
“ เอาเสื้อไปด้วยนะมึง เผื่อกลางคืนหนาว “
ฮันตะโกนออกมาจากห้องน้ำเตือนพวกเราให้เอาเสื้อคลุมไปด้วย คาดกันว่าอากาศคืนนี้คงเย็นๆ มีไอเย็นชวนให้รู้สึกดีเล็กๆตามฤดู
เราตกลงกันว่าจะกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยเดินดูของไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเเล้ว ถนนก็ถูกปิดแล้วเช่นกัน ผมค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเมื่อเช้าที่มาถึง แถวนี้ยังเปิดเป็นร้านให้เช่ามอเตอร์ไซค์อยู่เลย รถยังขวักไขว่ไปมาในช่วงกลางวัน แต่พอตกเย็นกลับกลายเป็นถนนคนเดินไปซะแล้ว
จริงๆมันก็เหมือนตลาดทั่วไปนั่นแหละนะ ความกังวลใจจากธีสิสมันยังคงตามหลอกหลอนผมเป็นช่วงๆและไม่อยากให้มันมาทำให้ทริปของเราหมดสนุกจึงรีบสลัดมันทิ้งทุกครั้งที่ตัวผมเองหรือเพื่อนในกลุ่มเริ่มจะพูดถึงมัน
20.42 น.
ไอเย็นบางๆเริ่มทำให้ผมเอามือลูบแขนลูบตัว แต่เรายังคงเดินวนไปวนมาอยู่ในถนนคนเดิน
“ มึง อยากแดกเบียร์ “ อยู่ๆริวก็พูดขึ้นกลางวงสนทนา
“ เอาดิ ร้านไหนดีวะ “ ผมถามในขณะที่พวกเรากำลังมองหาร้านนั่งเหมาะๆสักร้าน
“ ร้านนั้นอ่ะที่พี่เขาแซวมึงอ่ะริว “
ผมหัวเราะ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็โดนมันโบกจนหัวโยก พวกเราเดินเล่นกันหลายรอบมากทั้งๆที่มันไม่มีอะไรสะดุดตาเป็นพิเศษ จนพี่ที่ร้านเหล้าร้านหนึ่งออกปากแซวไอ้ริว
ด้วยความที่เครื่องหน้ามันติดจะออกหวานเกินผู้ชายไปสักหน่อย เลยโดนแซวเรียกเสียงหัวเราะพวกผมไปหลายที
“ เออ ร้านนั้นก็ได้ ดูสนุก “
“ เอาจริงดิ “ นายมันหันมาถามแถมด้วยสายตาเป็นห่วงแบบปิดไม่มิด
“ แหมมมมม ห่วงก็บอกว่าห่วง อมอะไรไว้อ่ะ น่าสงสารพวกเฟรนด์โซนเขานะครับ “ ฮันพูดขึ้นมาแล้วทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับเดินนำไปที่ร้านเหล้าที่พูดถึงเมื่อกี้นี้
“ เชี่ย ไอ้เมืองๆ มันหันซ้ายๆ ค่อยๆหันนะ “
นายกระซิบแล้วทำท่าทางพยักเพยิดไปทางซ้ายมือของเขา มันบอกให้ผมค่อยๆหัน แต่ด้วยความอยากรู้ จังหวะที่หันหน้าไปตามที่เพื่อนบอก
เอาอีกแล้ว
น็อคเอาท์รอบที่สอง
เจอกันสองครั้งแล้วนี่เรียกว่าบังเอิญได้หรือเปล่าวะ
เป็นจังหวะที่คุณแก้มแดงคนนั้นหันมามองที่กลุ่มของพวกเราพอดี
วอนให้ชายทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจน้องไม่มีใคร
“ เชี่ยๆๆๆ “
“ โอ้ยๆ ไอ้เมือง ไอ้เวน กูเจ็บนะเนี่ยตีทำเหี้ยไรมึง “
“ กูเขิน “
แม่ง ทำตัวเหมือนเด็กมัธยมเพิ่งมีความรักเลยว่ะ รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนๆขึ้นมายังไงไม่รู้ทั้งๆที่ยังไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลยสักนิด
ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ที่หน้าบาร์ของร้าน คุณแก้มแดงค่อยๆเดินเข้ามาแล้วแอคแทคผมเพิ่มด้วยรอยยิ้มหวานๆนั่น
เมือง มึงอดทนไว้เว้ย มึงทำได้เว้ย มึงอย่าเขิน
“ ขอโทษนะครับ ผมกับเพื่อนขอนั่งด้วยได้ไหม โต๊ะมันเต็ม “
“ อ่า ได้ครับ “
และแล้วผมก็ได้รู้ว่าผู้หญิงสวยๆคนที่ซ้ายท้ายคุณแก้มแดงเขาเป็นเพื่อนกัน ให้ตาย เขินกว่าเดิมอีก เขินอะไรไม่รู้ เสียอาการตอนนี้ก็คือโคตรหลุดเลยนะ แค่คุณเขาเดินยิ้มมาธีสงธีสิสไม่มีอยู่ในหัวอีกต่อไป
“ เอ่อ.. “
“ ม มีอะไรหรือเปล่าครับ “ ผมหันไปถามคุณเขาที่เอาแต่จ้องกันไม่วางตา
“ คุณใช่คนที่เราเจอกันตรงสะพานไหมอ่ะ? “
“ อ่า “ ผมรู้สึกร้อน เหมือนตัวเองกำลังจะระเบิด
“ ผมชื่อมิ่งนะ คุณ.. “
“ เมืองครับ ชื่อเมือง “ ผมยิ้มกว้างตอบกลับไป ไม่สนแล้วว่าจะดูเด๋อไหม ในท้องเหมือนมีผีเสื้อเป็นร้อยๆตัวบินวนไปมา หัวใจเต้นแรงจนหน้าแดงเหมือนเพลง ‘ทำอะไรสักอย่าง’ ของพี่ป้าง นครินทร์เลยว่ะ
สุดยอดของความโคตรเขิน
แปลกไหมที่ผมรู้สึกไม่ชอบสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเวลามองคุณเขา ไม่ได้โว้ย จองแล้ว(ในใจ)
ไอ้เพื่อนอีกสามคนของผมมันเอาแต่ส่งสายตามกรุ้มกริ่มมาให้ พวกเราทั้งหมดนั่งคุยกันจนบาร์ใกล้ปิด ผมเพิ่งรู้ว่ามิ่งก็เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้าไปเรียนในเมืองกรุงเหมือนกันกับผม ที่สำคัญเหลือเชื่อเลยว่าเขาอายุน้อยกว่าผม แต่ก็แค่ปีเดียวละนะ
เวลาเริ่มดึกเต็มทีเพื่อนผมพากันกลับไปนอนกันแล้วเหลือแค่ผมกับน้องสองคน แถมพวกมันยังกำชับอีกว่าต้องมีสติ ห้ามเกินเลย ห้ามๆๆๆๆ เหมือนพ่อคนที่สามสี่ห้า.. ในชีวิตผม
“ พี่เมือง พี่จะอยู่ที่นี่อีกกี่วันอ่ะ? “
“ ก็พรุ่งนี้อีกวัน “ พอผมตอบน้องมิ่งก็ขมวดคิ้วทำท่าคิด
“ มีอะไรหรือเปล่าเรา? “
“ คือ .. พรุ่งนี้มาใส่บาตรกันไหม ไม่เป็นไรนะถ้าพี่ตื่นไม่ไหว “ น้องมิ่งพูดแล้วเม้มปากเหมือนเขินๆ
“ ไหวดิ พรุ่งนี้พี่ไปดูทะเลหมอกอยู่แล้ว “
ผมยิ้มให้น้องอีกครั้ง พวกเราเมากันนิดหน่อยพอกรึ่มๆ เหลือเชื่อเลยตอนที่น้องเขากลับไปส่งเพื่อนไว้ที่พักแล้วตัวเองก็ออกมานั่งดื่มเบียร์กับผมต่อ
แบบนี้มีใจให้ใช่ป่าววะ ..
“ เหมือนกันเลย มิ่งอยู่อีกวันนึงเหมือนกัน แล้วก็ไปปางอุ๋งต่ออีกวันนึง “
“ เฮ้ย เหมือนกัน แพลนเดียวกันเลยป้ะเนี่ย “
ผมพูด แล้วเราก็หัวเราะพร้อมกัน เขาว่ากันว่าเวลาเมาแล้วจะพูดในสิ่งที่คิดออกไปผมคิดว่ามัันคงจริง เสียงดังของเพลงที่เปิดตลอดข้างทางไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลย ที่ตรงนี้เหมือนเหลือแค่ผมกับน้องอยู่กันสองคน ก่อนที่ผมจะหันไปถาม
“ ... มิ่ง “
“ หื้ม “
น้องห้นมาพร้อมแก้มสีแดงระเรื่ออ่อนๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่โคตรจะน่ารักเลย
“ สองวันนี้ไปกับพี่นะ เที่ยวด้วยกัน “
“ ไอ้ได้อ่ะมันได้ แต่ขอรอส่งเพื่อนพรุ่งนี้ก่อนได้ไหมอ่ะ “
“ อ้าว ไม่ได้กลับด้วยกันหรอกหรอ? “
“ ไม่อ่ะ จริงๆมากันได้สองสามวันแล้ว มันมีงานต่อที่บ้านเลยกลับไปก่อน “
“ อ๋อ “
เอาอีกแล้วผมยิ้มอีกแล้ว ยิ้มอะไรไม่รู้
“ ..”
“...”
เราเดินเล่นกันเงียบๆอีกครั้งปล่อยให้เสียงวิถีชีวิตของคนที่นี่ค่อยๆกลืนพวกเราไป แต่เดี๋ยวก่อน ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ เออมิ่ง พี่ขอไลน์หน่อยดิ
เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ของผมไปเมมทั้งเบอร์ ทั้งไอดีไลน์ไว้เรียบร้อย ก่อนจะยิ้มหวานตบท้ายกลับมาอีกครั้ง เราทั้งคู่เดินกอดเอวกันอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจกลับที่พักเพื่อพักเอาแรงเที่ยวต่อกันพรุ่งนี้
ท่ามกลางอากาศเย็นๆ แสงไฟสีเหลืองนวลตามร้านรวงต่างๆ ผมตอบตัวเองตอนเด็กได้แล้วว่า คนเราจะฝ่าร้อยโค้งขึ้นมาทำไมถึงปาย นอกจากพักสมอง พักใจแล้ว ผมยังได้เจอใครบางคนที่นี่อีกด้วย ความน่ารักของคุณแก้มแดงที่ปาย ทำให้ผมแทบลืมไปแล้วว่ามาที่นี่เพราะหนีความเครียดมา
การเดินทางเป็นการเปิดตัวเองให้เจอประสบการณ์ใหม่ ความรู้สึกใหม่ๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบันทึกการเดินทางของผมในครั้งนี้นะครับ ผมหวังว่าคุณจะเจอคุณแก้มแดงในชีวิตของคุณเองไม่วันใดก็วันนึง
.
.
.
The end or TBC (?)
หรือไม่อย่างนั้นเข้าไปแง้บๆบอกกันได้ที่ ?? #คุณแก้มแดงมม
ขอบคุณค่ะ ??
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in