มันเป็นคืนหนึ่ง ก่อนจะเข้าฤดูร้อน กับบาร์ที่เป็นมิตรกับสังคมคนรักเพศเดียวกัน
แม็กซ์เกลียดที่ที่คนเยอะ ๆ รถไฟใต้ดินคืออันดับหนึ่ง ห้างสรรพสินค้าช่วงแบล็กฟรายเดย์เป็นอันดับสอง ส่วนบาร์ถือว่าอยู่ข้อยกเว้น พอเมาแล้วอะไร ๆก็ค่อยดีขึ้นหน่อย
ความอึดอัดในอกเบาลง
ความรู้สึกเหมือนผิวเหยียดตึงเกินไปเหมือนร่างกายนี้ไม่ใช่ของตัวเองเบาลง
ความทรงจำ ก็เบา
แม็กซ์ไม่ใช่ขี้เหล้าไม่ได้เป็นแอลกอฮอลิก -- ขืนติดเหล้าจริง ๆ ตาลุงไบรอันคงเตะโด่งออกจากอู่ก่อนทันพูดว่า ผมเปล่า จบ -- เขาแค่ชอบความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถูกหุ้มห่อด้วยพลาสติก และหมุนช้าลงกว่าเก่าตอนที่แอลกอฮอล์ปะปนนิด ๆ ในกระแสเลือด แต่แม็กซ์ก็เป็นนักดื่มที่มีสติ หรืออย่างน้อยเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น การดื่มในบาร์ของเขาจึงไม่ค่อยมีเรื่องวิวาท (หรือถ้ามีเขาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่ฝ่ายเริ่มก่อน) และแม็กซ์ก็ชอบดื่มที่บาร์
เขาแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวตอนที่เริ่มเมา-- ตลกดี ผิดกับเวลาปกติโดยสิ้นเชิง
อีกอย่าง การมาที่บาร์ แปลว่าคืนนั้นเขาอาจไม่ต้องกลับไปนอนคนเดียว
ก็แค่เฉพาะคืนนั้น
ส่วนคืนก่อนเข้าฤดูร้อนนั่นก็เหมือนคืนอื่นๆ แม็กซ์ไปดื่มที่บาร์ แต่ก็หน่ายเกินกว่าจะมองหาใครสักคน -- ขนาดเจ้าเด็กทวิงก์ที่พยายามส่งสายตาข้ามร้านมาบ่อย ๆ ยังดูไม่น่าสนเลย -- เป็นคืนที่ไปดื่มเพื่อไปดื่ม โชคดีอย่างหนึ่งที่วันนี้คนไม่แน่น ไม่อย่างนั้นคงทำเสียอารมณ์มากกว่าเก่า แต่พอเขาเพิ่งเริ่มจัดการเบียร์ขวดที่สอง ยังไม่ทันเริ่มรู้สึกถึงแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยซ้ำ สตูลฝั่งซ้ายมือจากที่ว่างก็กลายเป็นไม่ว่าง
ศอกกระทบกันฉิวเฉียดตอนคนมานั่งใหม่ -- ผู้ชาย -- เอื้อมไปหยิบแก้ววิสกี้ และคงจะรู้ตัวเพราะฝ่ายนั้นหันมายิ้มให้ แม็กซ์บอกไม่ได้ว่านั่นเป็นจงใจหรือเปล่า ในเมื่อยิ้มที่ส่งมาก็แยกไม่ออกพอกันว่าคือคำทักทายหรือคำขอโทษ
เขาเลยแค่ยักไหล่ -- วิธีตอบกลับที่ปลอดภัยที่สุด ทักทายแต่ก็ไว้ท่า -- แล้วยกเบียร์ดื่ม
“ขาประจำ?” กลายเป็นฝ่ายนั้นที่ชวนคุยก่อน ไม่ได้เกินความคาดหมาย ถ้านี่ก็เป็นการอ่อย ก็เป็นการอ่อยที่เห่ยอยู่ “คุณดูคุ้นกับบาร์เทนเดอร์ดี”
ถึงบาร์จะไม่ได้เสียงดังแบบคลับเต้นก็อึกทึกเอาการ คนข้าง ๆต้องเอียงหน้ามาใกล้ แค่พอให้ได้ยิน ไม่ได้ถึงขนาดเบียดเข้ามาจนอึดอัดน่ารำคาญ นั่นจะเรียกการอ่อยอย่างไม่มีชั้นเชิง -- แม็กซ์ชอบแบบนี้ เขาจดไว้ในใจ
เสียงฝ่ายนั้นนุ่ม แบบที่ชวนให้นึกถึงพวกเสียงในออดิโอบุ๊ค หรือไม่ก็พ็อดแคสต์ที่ยัยฟีบีชอบยัดเยียดให้ฟังเวลาบ่นเบื่อ และให้ผลเหมือนกาแฟร้อน ๆ ในเช้าที่ทั้งคืนนอนไม่หลับ
แม็กซ์ทำแค่ยักไหล่ อีกหน
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนับคำว่าขาประจำด้วยความถี่แบบไหน” เขาโคลงศีรษะ ยกเบียร์ดื่ม แล้วใช้จังหวะการเคลื่อนไหวนั้นเอียงหน้าไปหาคู่สนทนาครึ่งหนึ่ง “แล้วคุณล่ะ ขาประจำหรือเพิ่งจะมาลอง”
“มาประจำ แต่ไม่บ่อยพอให้เรียกขาประจำ” คำตอบกำกวมกลับด้วยน้ำหนักเดียวกับเขา แต่รอยยิ้มนั้นเปิดเผย เป็นมิตร และต่อให้ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แม็กซ์ก็รู้สึกว่านั่นแฝงนัยเป็นอื่น
“งั้นคงไม่บ่อยเท่าผม” และไม่บ่อยที่จะได้เจอคนที่เข้าหาเขา แล้วทำให้สนใจจนเป็นฝ่ายหันไปมองเต็ม ๆ ตาก่อนได้ “ถ้าคุณมาบ่อยเท่า แปลว่าผมก็ควรจะเคยเห็นหน้าคุณ” แม็กซ์ยิ้มพอให้เห็นไรฟัน “และถ้าผมเคยเห็น ผมก็ต้องจำได้สิ หน้าแบบคุณน่ะเรียกร้องให้คนจำได้เสมอ”
เขาหมายความตามนั้นแหละ ตรงตามตัวอักษร
ชายข้างเขาก้มหน้าใส่แก้วเหล้า หัวเราะเบา ๆ ปอยผมที่ทัดไว้หลังใบหูเลยตกไประแก้ม กิริยาเหมือนคนเขินอาย แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตา แม็กซ์ก็รู้ว่านี่คือแววตาของคนที่ทันกัน
ขอถอนคำพูดเลยที่ว่าหน่ายเกินจะมองหาใครสักคน
“ผมควรเขิน หรือรู้สึกว่ากำลังถูกว่าอย่างอ้อม ๆ ดีนะ” ชายหนุ่มอิงตัวกับเคาน์เตอร์ เอียงศีรษะ ด้วยมุมนี้แสงจากโคมเหนือบาร์จึงตกถูกใบหน้าด้านข้าง แม็กซ์สังเกตว่าหางตาคู่คู่สนทนามีรอยยับสั้นๆ เกิดขึ้นเวลายิ้ม
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ”
“คิดว่าคุณตั้งใจทำให้คลุมเครือ ผมจะได้ถามคุณแบบที่ผมเพิ่งถามไป” พูดไปก็ทำมือประกอบ สุ้มเสียงรู้ดีจนแม็กซ์ขบขัน “คุณจะได้ตอบคำถามด้วยคำถาม แล้วพอผมหลงกลถามคุณอีก คุณก็จะได้ล่อผมต่อไป” ผมบลอนด์ยาวระบ่าไปมาเมื่อฝ่ายนั้นสะบัดศีรษะ เขาอยากเอื้อมมือไปปัด และดูท่าคนที่กำลังพูดอยู่จะรู้ทัน เพราะยิ้มนั้นดูเหยียดกว้างออกไปอีก
“เพราะคุณอยากให้ผมสนใจ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in