เมื่อตอนเรายังเรียนอยู่ เราไม่คิดเลยว่าจะได้เรียนวิชาต่างคณะที่เรารู้สึกสนุกขนาดนี้
' Introduction to Film ' อาจะเป็นแค่วิชาพื้นฐานของเด็กนิเทศ
แต่เชื่อไหมมันกลับเป็นวิชาที่เรารู้สนุกไปกับมันมากๆเลย
เราได้เรียนอะไรหลายๆอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ทั้งประวัติของคนที่เคยมีผลงานและบทบาทสำคัญต่อวงการภาพยนตร์
เครื่องฉายภาพยนตร์ ผลงานดังๆ
รวมถึงนักแสดงที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่ยุคหนังเก่าๆ
และเราก็ได้รู้จักกับประเภทของหนังมากขึ้น จากแต่เดิมที่รู้เพียงแค่น้อยนิด
จุดที่ชอบที่สุดก็คงเป็นการที่เรียน 3 ชม. แล้วอาจารย์เปิดหนังให้ดูในคาบเรียน
หลายๆคนอาจจะคิดว่าก็ดูหนังทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
เราได้ดูหนังยุคเก่าๆ ที่คิดว่าถ้าไม่ได้ลงเรียนวิชานี้ก็คงไม่ได้มาดูหรอก
ยกตัวอย่างเช่น
' Sunrise: A Song of Two Humans '
หนังเงียบของUSA ในยุคปี 1927
หนังเรื่องนี้จะพูดถึงสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ชีวิตรักเริ่มสั่นคลอน เนื่องจากสามีไปมีผู้หญิงคนอื่น
เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อผู้หญิงคนนั้นเป่าหูสามีของเธอให้ฆ่าเธอซะ
แล้วสามีของเธอก็ดันไปเชื่อซะด้วยนะสิ!
สามีของเธอพยายามหลอกให้เธอขึ้นเรือ ไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันกับเค้า
โดยไม่รู้เลยว่า เรือลำนั้นที่กำลังจะพาเธอไปท่องเที่ยวจะพาเธอไปสู่ความเจ็บปวดและความตาย
Youtube - Sunrise: A Song of Two Humans | F.W. Murnau (1927) -
* บอกเล่าเกร็ดความรู้ที่ได้จากเรื่องนี้ คือ ประวัติของนักแสดงละ *
เราได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจของนักแสดงจากอาจารย์
อาจารย์บอกว่า นักแสดงหญิงที่แสดงเป็นนางเอกของเรื่อง ชื่อ Janet Gaynor
เธอเป็น1ในนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จมากๆในยุคของหนังเงียบ
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักแสดงคนแรกที่ได้รับรางวัลOscar สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม อีกด้วย
----------------------------------------------------
เรื่องราวของตัวหนังผ่านมุมมองของเราเพียงเล็กน้อย
เนื่องจากว่ามันเป็นหนังเงียบ
(หนังเงียบจะไม่มีเสียงพูด จะมีตัวอักษรขึ้นบอกข้อความแทนแต่ก็ไม่ได้ขึ้นตลอด ขึ้นแค่บางครั้ง)
เวลาดูหนังก็เลยต้องเก็บกลับมาคิดเองว่าตัวละครพวกนี้เป็นอย่างไร
แล้วก็ต้องตั้งใจดูมากขึ้นกว่าปกติด้วย
เพราะว่ามันไม่มีเสียงคนพูดกัน เราต้องใช้ตาในการดูเพียงอย่างเดียว
ส่วนตัวว่าเรื่องนี้สนุกอยู่ ให้ฟิลเหมือนดูละครไทยที่แบบมีความน้ำเน่านิดหน่อยอะไรประมาณนั้น
อ้อแล้วก็ใครที่ไม่ชอบบทนางเอกเจ้าน้ำตาเสียใจอ่อนแอ ก็อาจจะหงุดหงิดในช่วงนึงเหมือนเรา
แต่พาร์ทหลังๆนางจะแข็งแกร่งมากขึ้นเชิดหน้าให้พระเอกมาตามง้อ ซึ่งก็ฟิลละครไทยอีกนั้นแล
ถ้าถามจุดที่ชอบและไม่ชอบตรงไหนบ้างของเรื่อง
ที่ชอบที่สุดก็คือ การแต่งกายสะท้อนให้เห็นลักษณะบุคคลิกของแต่ละตัวละครได้ชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น นางเอกของเรื่อง จะแต่งชุดยาวๆเรียบร้อย ฟิลแบบนางเอกที่มีความเป็นแม่ศรีเรือน
ทำอาหารให้สามีทาน และตามไม่ทันสามีอะไรแบบนั้น
ในขณะที่ผู้หญิงที่เป็นตัวร้ายหรือคนที่มาแย่งสามีไป ก็จะแต่งตัวแรงกว่านางเอก
มีการสูบบุหรี่ให้เห็น มีสกิลการคุยที่ก็คงคล้ายๆกับการอ่อยในปัจจุบัน
ในขณะที่ไม่ชอบเลย คือ พาร์ทที่นางเอกเชิดใส่พระเอก แล้วก็วิ่งไปตามร้านอาหารแล้วก็คืนดีกัน
ซึ่งก่อนหน้าจะคืนดี คือในร้านอาหารมันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แทรกเข้ามาแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ดูแล้วงงๆ ไม่ต้องใส่ตรงนี้มาก็ได้ โอเคถ้าจะต้องทำให้นางเอกคืนดีกับพระเอก
ก็สร้างบทให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น แต่ในตัวหนังคือมีเจ้าหนูออกมาป่วนงาน
ดูแล้ววุ่นวายไปหมด ถ้าจะเน้นเรื่องความรักของคู่นี้ก็ไม่ต้องมีร้านอาหารก็ได้
มันดูเหมือนคนละเรื่อง อันนี้ในความคิดเรานะ แต่ว่าคนอื่นอาจจะชอบก็ได้
แต่สุดท้ายเราชอบการแสดงสีหน้าของนักแสดงมาก เนื่องจากว่ามันเป็นหนังที่ไม่มีเสียงพูด
ดังนั้นนักแสดงต้องแสดงออกมาให้โอเวอร์นิดนึง เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจ
และนักแสดงที่เล่นทำออกมาดีมากๆ เราชอบการแสดงของทุกคนเลย
ส่วนตัวเราว่ามันค่อนข้างยากนะกับการสื่ออารมณ์ให้คนเข้าใจแบบไม่มีเสียง
ทำให้เข้าใจจากการดูแค่สีหน้ากับภาษากายเพียงเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in