เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
How I break my wall 001 - ทำหนังสือนี่มันยังไงซิlinwawrites
00 : ได้เวลาท้าทายตัวเอง -
  • "ลงดีมั้ย"

    ไม่มีเวลาลังเลนัก เรากดเข้าฟอร์ม กรอกรายละเอียด แล้วกดส่ง
    แล้วค่อยบอกเพื่อน ๆ ที่จะมาสมัครทำงานนี้ทีหลัง

    เริ่มมาคิดเรื่องการทำกิจกรรมอีกทีคือ ใกล้วันปิดรับสมัครอินเนอร์ อบจ. 64
    ว่าเราจะกระโจนเข้าวงการการทำหนังสือแล้วเขียนเป็นชีวิตจริงดิ
    แค่เขียนความเรียงสักเรื่องยังต้องเค้นอารมณ์เลย

    //
    ตั้งแต่เด็ก มีคนหลายคนในชีวิตมองเห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่อย่างนึง

    "การเขียน"

    คนแรกที่เห็น คือ พระอาจารย์สมัยเรียนประถม
    ปกติโรงเรียนต่าง ๆ จะนิมนต์พระอาจารย์มาสอนวิชาพระพุทธศาสนา
    แต่ปีนั้น แปลกที่โรงเรียนฉันนิมนต์พระอาจารย์มาสอนวิชา "การเขียน"

    ฉันเขียนในสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา 
    แต่พระอาจารย์หยิบมาอ่านในชั้นเรียนแล้วบอกว่า สำนวนดี
    ทั้งกรุณามอบหนังสือที่พระอาจารย์เรียบเรียงมาให้อ่าน

    เป็นเกร็ดพุทธประวัติแหละ ตอนนี้หนังสือเล่มนี้ก็นอนอยู่ในตู้หนังสือที่บ้าน
    แต่นี่คือก้าวแรกที่เริ่มรู้ตัวเองว่าเรามีสิ่งนี้ในตัว

    คำรบสองที่มีคนเห็น คือ ตอนเรียนม.3 วิชา IS 2 
    ตอนเขียนบทความวิชาการ
    ฉันเขียนบทความนั้นด้วยสำนวนธรรมดา ๆ อีกแล้ว
    แต่อะไรดลใจครูให้มาบอกฉันว่าให้รีบเขียน รีบทำ final draft 
    จะเอาบทความไปใช้ตอนประเมินโรงเรียน

    ฉันงง จำได้ว่า วันก่อนประเมิน ฉันรีบจบดราฟต์ ใส่อ้างอิง เสร็จตอนตีหนึ่ง
    พอถึงโรงเรียนก็เข้าไปส่งบทความร้อน ๆ เพิ่งออกจากแท่นพิมพ์ที่โต๊ะครู
    ค่อยลงมากินข้าว ลอกการบ้านเพื่อน และใช้ชีวิตเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    หลังจากนั้นหลายเดือน ครูทักเมสเซนเจอร์มาขอไฟล์ต้นฉบับบทความไป
    เห็นอีกที บทความนี้ไปอยู่ในวารสารโรงเรียนซะแล้ว
    หลังจากนั้น ฉันถูกจูงเข้าสู่สนามการแข่งเรียงความแทบจะทันที
    และเริ่มดึง "การเขียน" ออกมาเป็นความสามารถที่มี

    แต่การเขียนเรียงความมันต่างจากบันเทิงคดีโขอยู่
    ช่วงนั้นเว็บ tumblr กำลังดัง ก็เลยลองเขียนไดอะรี่ลงในนั้น ไม่นานก็ย้ายแพลตฟอร์มลง storylog
    แต่พอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็เหลือเพียงแต่งานเรียงความเท่านั้น
    เพิ่งจะมีเวลากลับมาเขียนอะไรสั้น ๆ ไม่นานนี้

    นี่ฉันจะต้องมาท้าทายตัวเองอีกแล้วหรือ

    //

    ร่ายยาวมาอย่างนี้ 
    จะบอกว่า ที่ฉันสมัครเข้าทำงาน ลังเลตอนแรกเนี่ย
    คือลังเลว่าจะเข้าทำงานกับสโมสรนิสิตมหาลัยดีมัั้ย
    แล้วลงเป็นฝ่ายเนื้อหาของฝ่าย "สาราณียกร" 
    แปลออกมาได้ว่า "ผู้ทำหนังสือ"

    การเขียนบทความลงหนังสือสักเล่มมันยากนะเว้ย

    แต่ตอนสัมภาษณ์คือ จอยมากกกกกกกกก พูดสิ่งที่อยู่ในหัวประมาณนึง
    ทำให้บทสนทนามันไหลลื่นไปได้
    จนที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่า
    "ติดฝ่ายสาราณียกร อยู่ฝ่ายเนื้อหานะคะ"

    Wish me luck 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in