เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
THE HOTELIARKorkwun
EP. 1 - อวสานโลกสวย
    • มีคนเค้าว่ากันว่า "ความซวย" เวลามันจะมาเยือน มันจะไม่เยือนแค่ตัวมันตัวเดียว แต่มันจะชักชวน พวกพ้องเพื่อนฝูงมันมาด้วย...จากคำกล่าวนี้ ทางสถาบันเอลิด้าปารีสได้พิสูจน์แล้วถึงกับต้องรับรองวาระกันเลยทีเดียวว่า "จริงว่ะ"

      ชั้นเป็นคนๆหนึ่งที่ได้รับโอกาสทำงานเงินเดือนดีเดินเฉิดฉายอยู่ในกรุงเทพมหานคร แถมงานที่ทำก็เป็นงานที่สาวๆทั่วทั้งประเทศไทยอยากทำ ได้แต่งตัวสวยๆ กินอาหารแพงๆ ได้ไปเที่ยวหลายๆที่ที่ไม่เคยไป ได้ทำงานที่รักและใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ มีแต่ ได้ ได้ ได้ ทั้งๆที่ชั้นเองก็ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยเลอเลิศอะไร เพียงแต่มีเกรดเฉลี่ยดีและภาษาต่างประเทศค่อนข้างคล่อง จนบางทีก็อดนึกอิจฉาตัวเองขึ้นมาไม่ได้ เวลาส่องกระจกก็อดใจไม่ไหวที่จะต้องอวยว่า "โฮ้ย...ทำไมจะโชคดีได้ปานนี้คะ ขอบพระคุณมากค่ะ ที่เกิดมาเป็นตัวเอง"

      และในขณะนั้นความรักก็แสนหวานชื่น แฟนหนุ่มที่แสนดีคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งสามารถสอบเข้าทำงานในบริษัทอันดับต้นๆของประเทศได้ เราเก็บเงินในบัญชีด้วยกัน วาดความฝันว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน สุขบรมสุข ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ โลกนี้เป็นสีชมพูพาสเทล เราสองคนมีโครงการจะซื้อบ้านด้วยกัน ในความฝันฉันจะสวยมากเหมือน "นิโคลล์ คิดแมน" ใน "Stephord Wives"


    • แต่ความในแน่นอน...มันมีความไม่แน่นอนรออยู่!
    • คืนหนึ่ง ในขณะที่ฉันพาร่างอันสะโหลสะเหลกลับมาจากการทำงานอันแสนเหนื่อยล้า พยายามติดต่อคุณแฟนตามปรกติ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ก็โอเค...ชิลล์ๆ กลับบ้านเองก็ได้ ฉับพลันทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น 

      "วันงานเทศกาลผ่านมา แค่ปี๊กว่าๆไม่น่าลื่มกัน ในงาน...วันออกพรรษา" ...โชว์เบอร์เพื่อนสาว แอบเฟลนิดๆที่ไม่ใช่คุณแฟนโทรกลับมา
      "ทะโหลว..." ดัดเสียงสองรับโทรศัพท์ เป็นการอารยธรรมมาจากพี่สาว เห็นเค้าทำแล้วเกิดเลยลองมั่ง ติดยาวมาจนเดี๋ยวนี้

      "ฮัลโหล อีพิม" อีบีเพื่อนรักเบอร์หนึ่งร่วมเอกเดียวกันสมัยมหา'ลัยนั่นเอง ส่งเสียงมา "อยู่ไหนคะ คุณนาย"
      "อยู่ดอนเมืองค่ะ แม่สาวเมตรครึ่ง" นางสูง 150 ซ.ม.น่ะค่ะ "ว่าว่า..."
      "ไม่ว่าไงค่ะ" อีบีสำนอง "แต่มึงรีบมาร้านปาล์มสปริง ริมคลองประปาด่วนเลยนะคะ กูอยู่นี่"
      "โอ๊ย มึง กูเหนื่อย กูเมื่อย กูไม่ไปได้มะ จ๊อบนี้" ปฏิเสธทันควัน ทำงานมาเหนื่อยๆ จะไปเที่ยวอะไรสนุกกันคะ เสื้อแสงก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
      "ไม่ได้ค่ะ งานนี้ มึง-ต้อง-มา ให้เวลาสิบนาที" มีความเน้นเสียง และมีบางอย่างสะกิดใจ บอกไม่ถูก
      "เออ กูไป งั้นอีกสิบนาที เจอกัน" 
      "ตุ๊มๆ ต่อมๆ ตุ๊มๆ ต่อมๆ หัวใจเต้น ตุ๊มๆ ต่อมๆ ตุ๊มๆ ต่อมๆ อย่ามอง อย่างงั้นเสะ"...
      "พี่คนขับคะ ช่วยหรี่เพลงเกิร์ลลี่เบอร์ลลี่เพลงแรกหน้าเอ นี่หน่อยได้มั้ยคะ" ชั้นเริ่มมีอารมณ์
      "อ๊าว น้อง เห็นว่าจะไปที่เที่ยว ว่าจะช่วยบิวด์ให้ซักหน่อย ไม่ชอบเหรอ" แท็กซี่หน้ามดเหนื่อยออกปาก
      "ไม่ต้องค่ะ เห็นแค่หน้าพี่ ใจหนูก็บิวด์ไปถึงวัดเสมียนนารีแล้วล่ะค่ะ เบาหน่อยนะคะ อารมณ์หนูไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา อ้อ แล้วขับให้เร็วด้วยค่ะ หนูจะรีบไปปิดทองฝังลูกนิมิตร ดึกมากเดี๋ยวเจ้าอาวาสจะกลับไปจำวัดซะเปล่าๆ" ปากก็ว่าไป แต่ในใจผู้โดยสารคนนี้ก็ตุ๊มๆต่อมๆไม่ได้น้อยไปกว่าเพลงหรอกค่ะ 

      เวลาห้าทุ่มสิบห้านาที
      ชั้นซึ่งยังคงอยู่ในชุดทำงาน ไหล่สะพายกระเป๋าแจกของบริษัทสีดำอันใหญ่เทอะทะแสนโบราณ แถมยังสวมรองเท้าคัชชูดำพร้อมถุงน่องสีเนื้อตรงตามระเบียบบริษัทเป๊ะ ยืนจังก้าอยู่หน้าสถานบันเทิงที่เพื่อนรักนัดหมาย บอกตรงๆเลยว่าสภาพไม่ได้เหมาะสมจะมาสถานบันเทิงยามนี้เลย ทั้งสภาพร่างและสภาพหน้า แต่ยังไม่ทันได้โทรหาเพื่อน ฉับพลันนั้นก็มองเห็น

      "แฟนหนุ่มผู้แสนดี"

    •                    

    •  มาลองทายกันดูซิคะ ว่านางมาที่นี่ทำไมกันน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 

    • แถมนางยังไม่ชวนเอง แต่ให้ทนายหน้าหอคืออีบีเป็นคนโทรชวน เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน

      ข้อหนึ่ง นางมาเซอร์ไพรส์วันเกิดนี่ 
      ข้อสอง นางมาเซอร์ไพรส์ลองวันครบรอบที่แฟนกัน
      ข้อสาม นางมาเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานนี่

      พร้อมด้วยกุหลาบแดงช่อโตเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก!
      ตื่นค่ะ //พร้อมดีดนิ้วแบบพี่รุกขเยสแบบในรายการเดอะเฟซ ซีซั่นสอง
      ที่มีให้เลือก ผิดหมดทุกข้อ
      แฟนหนุ่มผู้แสนดีกำลังตระคองกอดสาวสวยผมสีน้ำตาลประกายทองยาวจรดกลางหลัง พร้อมเต้นรำอย่างออกรสออกชาดในเพลงแดนซ์ "ไม่ได้หนี ไม่ได้หาย ไม่ได้ย้าย แต่มันไม่มี"

      ชะรอย ณ. เวลานั้น ทั้งกระสือบัวคลี่ ทั้งปี๋ศีรษะมาร คงช่วยกันพลางกายนี่ ให้เดินไปได้ถึงโต๊ะที่นางกำลังสนานอารมณ์แบบชาตินี้ไม่เคยสุขเท่านี้มาก่อน ในแคมเปญ"โลกนี้มีเพียงสองเรา"

      ตื่นค่ะ //นี่ดีดนิ้วและปลุกนางให้ตื่นจากภวังค์รักอันแสนหวาน ด้วยกระเป๋าสะพาย(แจก)ของบริษัท ที่มันทั้งหนา ทั้งหนัก แถมด้านหน้า ยังมีแป๊ะๆเปิดปิดทำด้วยเหล็ก เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแจกกระเป๋าพวกนี้มาทำไม เอาไว้ตีผู้ชายเจ้าชู้นี่เอง อยากจะกราบเบญจางคประดิษฐ์ให้บริษัทซะตอนนี้เลย มันสารพัดประโยชน์อย่างนี้นี่เอง

      "โครม" ฟาดไปเต็มกำลัง ทั้งๆที่เห็นแต่ข้างหลังนี่แหละค่ะ รักกันมา คบกันมาเจ็ดปี ทำไมจะจำไม่ได้คะ ทั้งส่วนสูง ทั้งรูปร่าง ทั้งสรรพางค์กาย ดิชั้นจำนางได้ แบบ "ม่ายยยยยยยยยยยย ลืม...(ไม่ลืม ไม่ลืม ไม่ลืม)"//ทำซาวด์พี่ต๊อก ในมนต์รักทรานซิสเตอร์ ไม่ว่าจะมืด จะสว่าง จะสลัว หรือว่าจะหันหลังแบบในเวลานี้ก็ตาม

      "ไอ้เลว" เป็นคำทักทายแรกที่ชั้นออกปากทักทายนาง พอนางหายงง ก็หันกลับมาเห็น ตานางเบิกโพลงเหมือนเห็นยมบาลถือไอแพดเตรียมพิพากษาชีวิตนางว่าจะต้องไปขุมไหน ขุมไหนก็ได้ค่ะ แค่ขอให้มีต้นงิ้วเอาไว้ให้มันปีนเล่นก็พอนะคะ 

      "พิม" คำเศร้าๆ พูดเบาๆก็เจ็บ "มาได้ยังไงเนี่ย"
      "มึงไม่ต้องถามว่ากูมาได้ยังไง แต่กูควรถามว่ามึงทำแบบนี้ได้ยังไง" แทบจำเสียงตัวเองไม่ได้
      แฟนหนุ่มผู้แสนดี กึ่งลากกึ่งจูงชั้นออกมาจากอัครสถานแห่งความบันเทิงนั่น เพราะโต๊ะเราในเวลานี้ แลดูจะเป็นโต๊ะที่หรรษายิ่งกว่าโต๊ะอื่นๆทั้งปวง โดยทิ้งยัยนั่นไว้อย่างไม่ใยดี 

      "พิม กลับมาตั้งแต่กี่โมง หึงอะไรรุนแรงอีกแล้วเนี่ย คิวเจ็บนะ"
      "เจ็บสิดี ไอ้เหี้ย มึงจะได้รู้ว่ากูเจ็บกว่ามึงเป็นสิบๆเท่า" มีความนางเอกที่แท้จริง รู้เลยนะคะ ตอนเด็กๆ พี่เลี้ยงชอบฟังละครวิทยุ สำบัดสำนวนยังเข้ามาไม่ถึงรังสิตดี
      "คนเมื่อกี๊เค้าเพื่อนคิวเอง ไม่มีอะไร" เรื่องธรรมดาค่ะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต้องบอกว่าแค่เพื่อนไว้ก่อนเสมอ
      "เพื่อนแม่มึงน่ะสิ ทั้งโอบ ทั้งหอม ทั้งจับมือ จูงมือ นี่ถ้ากูเชื่อ เอาหญ้ามาให้กูแดกเถอะค่ะ"
      "ไปพิม กลับบ้านกันเถอะ ชอบคิดอะไรไปเองอยู่เรื่อย เจ็บหัว เจ็บคอไปหมดแล้วเนี่ย พรุ่งนี้จะทำงานได้รึเปล่าก็ไม่รู้" จุดๆนี้ต้องมีดราม่าตามมาด้วย ดราม่าเรื่องการงานสำคัญนะคะ เพราะมันกระทบกับเศรษฐกิจประจำบ้านของเรา ไม้นี้ดิชั้นมักจะตาย #ทุนนิยมนี่มันเหี้ยจริงๆ

      เข้าใจว่าตอนออกจากบ้าน แฟนหนุ่มผู้แสนดีของชั้น คงจะก้าวเท้าออกมาผิดข้างเพราะ...นังผู้หญิงคนนั้นมันดันวิ่งตามออกมาค่ะ! เอาเซร่ เอากับนาง

      "พี่คะ ขอโทษค่ะ นี่น้องหนูนะคะ น้องหนูเป็นกราวด์ค่ะ" ว่าพลางกระพุ่มมือไหว้
      "เรื่องของมึงค่ะ อีผีจีน" ชั้นกล่าวเรียบๆ แต่เดี๋ยวก่อนมันชักจะยังไงๆนะคะ ออกมาแนะนำตัว
       อย่างงี้ คือ...อะไร พูดซิ
      "น้องหนูกลับไปก่อน" อีแฟนหนุ่มผู้แแสนดีพยายามจะแยกชั้นออกมา แต่ช้าก่อน...กูสงสัย

      "น้องว่ายังไงนะคะ" ฉันถามซ้ำ
      "น้องหนูเป็นกราวด์ของ xxxx นะคะ เห็นพี่คิวบอกว่าพี่เป็นพี่สาว แล้วไม่ชอบให้พี่คิวคบกับใคร เพราะกลัวเจอคนไม่ดี พี่คะ น้องหนูกับพี่คิวรักกันค่ะ น้องหนูทำงานแล้ว ไม่ได้หลอกพี่เค้าแน่นอน ขอให้เราคบกันเถอะนะคะ" ยอมใจกับความมาเต็มของนาง
      "อ๋อ เหรอจ๊ะ คิวเค้าว่าอย่างงั้นเหรอ" ชั้นหันไปมองตัวต้นเรื่องเล็กน้อย พ่อตัวดีตอนนี้ก้มหน้างุดอยู่ริมที่จอดรถเหมือนเป็นแค่ไม้หมอนไร้ชีวิตชีวา
      "พี่สาวเตี่ยมันสิคะ พี่เป็นแฟนมันค่ะ น้องคะ น้องก็หน้าตาดี มีการมีการทำ มายุ่งกับแฟนคนอื่นทำไมคะ นี่พี่ไม่อยากจะว่าอะไรนะคะ เพราะคนชั่วมันคือแฟนพี่ แต่อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลยนะคะ บางทีนิยายที่ผู้ชายเล่า มันก็คนละเรื่องกับเรื่องจริง โอเคมั้ยคะ ตกลงยังจะรักกัน จะคบกันต่อไปอีกมั้ยคะ"
      "พิม พอได้แล้ว...กลับบ้าน" พ่อตัวดีพยายามกึ่งลากกึ่งจูงชั้นไปที่รถ 
      "บ้านใคร" ชั้นถาม
      "ก็บ้านเราไง ไปสงบสติอารมณ์เถอะ คนมองกันเยอะแยะหมดแล้ว อายคนเค้า"
      "เอาความกล้ามาจากไหนมาพูดคำว่าอายคะ ทีนัดผู้หญิงอื่นมาเที่ยวไม่อาย พอจับได้ว่าอายเค้า ไม่ต้องอายค่ะ ควรอายตัวเอง อุบาทว์ชาติ"
      "อ้าว แล้วนั่นจะไปไหน" นางถามเมื่อเห็นชั้นเดินย้อนไปทางถนนอีกครั้ง
      "กลับบ้าน" ยอมรับค่ะ ว่าตอนนั้นใจเหลือแค่ติ๊ดเดียว แต่ต้องกลั้นไว้ 
      "ก็นี่ไง ก็จะพากลับบ้านเรากันไง"
      "มันไม่มีบ้านเราอีกแล้ว คิว" จำเสียงตัวเองแทบไม่ได้ ณ.วินาทีนั้น "มันมีแต่บ้านของชั้นคนเดียว"

    • ต้องแกร่งแค่ไหน แค่ไหนที่ต้องแกร่งคะ ที่ชั้นจะเรียกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาได้ พร้อมเชิดหน้าขึ้นแบบ คิม บาซิงเจอร์ใน 9 1/2 Weeks เพื่อประคองน้ำตาในดวงตานั้นไว้ ไม่ให้มันไหลออกมาให้คนเห็น ถึงตอนนี้แล้ว ชั้นคงต้องยอมรับให้ได้ว่า ต่อไปนี้ชีวิตของชั้นจะเหลือแค่ตัวชั้นแค่คนเดียว 


    • ...กับใจที่สลายไม่เหลือดี 

      แถมยังหาอีบี...ไม่เจอ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in