เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
0421 (os/sf) ; kaihunjayliebear
(os) ; 0412
  • ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ไม่ต่างจากคืนก่อน ๆ มากนัก พ่อกับแม่ยังคงพูดคุยกันเสียงดังเหมือนทุกครั้งแล้วจบด้วยการที่แม่เดินออกจากบ้านไป เซฮุนไม่แน่ใจว่าแม่กำลังร้องไห้หรือหัวเราะอย่างสุขสม และหลังจากนั้นจะมีเสียงบทรักของพ่อกับผู้หญิงสักคนดังอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งของบ้าน พวกเขาจะมีความสัมพันธ์เพียงแค่การร่วมรักกันเท่านั้น พอวันถัดมามันก็จะกลายเป็นแค่เรื่องที่พวกเขาไม่ใคร่ที่จะจดจำ กลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันหลังจากจูบครั้งสุดท้ายจบลง


    *


    เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกใครอีกคนที่อยู่อีกฝั่งฟากประตูให้ตื่น แล้วก็ไม่แปลกใจมากนักที่คนที่มาปลุกเขาในยามวิกาลแบบนี้เป็นเซฮุน และเขารู้ดีว่าเพราะอะไร ไคยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหลีกทางให้เซฮุนเดินเข้ามาในบ้านของตน ง่วงไหม จะนอนเลยรึเปล่า ไคเอ่ยถามหลังจากที่เดินตามเซฮุนเข้ามาในบ้าน แต่คำตอบกลับเป็นเพียงแค่การส่ายหัว แล้วก็พูดว่าจะเล่นเปียโนกล่อมไคให้หลับก่อน แลกกับการที่ทำให้อีกคนตื่น คนผิวแทนไม่ปฏิเสธอะไร เขาชอบเวลาที่เซฮุนเล่นเปียโน

    เซฮุนเดินไปยังเปียโนที่ถูกตั้งไม่ห่างจากเตียงมากนัก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ และเริ่มบรรเลงบทเพลงที่เขาเองก็ไม่เคยคิดที่จะตั้งชื่อให้มันอย่างเชื่องช้า ไคนอนหันข้างมองเซฮุนอยู่ที่เตียง แล้วไม่นานเขาก็หลับไป และนี่ก็คงเป็นความแตกต่างไม่กี่อย่างของพวกเขาทั้งสอง ไคจะนอนหลับง่าย หลับลึกและนาน ซึ่งคงอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา ต่างกับเซฮุนที่การข่มตาหลับนั้นช่างยาก และอยู่นอกเหนือกรอบความสามารถของเขาไปมากโข

    ไม่นานหลังจากที่ไคหลับไป เสียงเปียโนหยุดลงก่อนคนผิวขาวจะเดินไปทิ้งตัวลงที่ว่างข้าง ๆ ที่อีกฝ่ายเว้นไว้ให้เขาอยู่ก่อนแล้ว เซฮุนจับแขนไคให้มาพาดที่เอวของตัวเอง พรมจูบใต้คางของอีกคนอย่างแผ่วเบา

    “ฝันดีไค”


    เซฮุนเป็นนักช่างฝัน แต่ในบางครั้งก็กลัวเกินกว่าที่จะฝัน


    *


    โรงอาหารในวันนี้ก็ยังคงวุ่นวายเหมือนอย่างเช่นทุกวัน โปลีนเด็กสาวผมหยักศก สีน้ำตาลเข้ม ที่ตอนนี้กำลังบ่นถึงความยากของวิชาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสทั้งที่ในปากยังคงเต็มไปด้วยมันฝรั่งทอด เซฮุนผลักหัวอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะบอกให้เคี้ยวให้เสร็จก่อนค่อยพูด เพราะถ้าหล่อนยังขืนพูดต่อไปแบบนี้ มีหวังชิ้นมันฝรั่งคงได้กระเด็นมาใส่หน้าเขาเป็นแน่

    “บ่ายนี้ว่างนี่นา นายจะไปไหนไหม”

    “ฉันจะไปที่ห้องศิลปะ”


    *


    ในตอนที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม ไคและเซฮุนตัดสินใจว่าจะไปนั่งที่สวนสาธารณะแทนที่จะเดินตรงกลับบ้านเลย ทันทีที่มาถึง เนื่องจากเวลานั้นเย็นมากแล้วทั่วทั้งสวนจึงมีผู้คนนั่งอยู่ทุกซอกทุกมุม แล้วก็ยังคงมีกลุ่มลุง ๆ ที่มาบรรเลงเพลงแจ๊ส โดยนำทีมด้วยลุงพอล เพื่อเพิ่มความรื่นเริงใจให้กับผู้คนที่ต้องการความสบายใจในสวนแห่งนี้

    เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งแลก เล่า ความคิด ความฝัน หรือแม้แต่สิ่งที่เจอมาในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง เสียงหัวเราะดังขึ้นในยามที่มีเรื่องเล่าน่าขันถูกเล่าขึ้น

    เราสองคนมีอะไรที่ชอบคล้าย ๆ กัน เราชอบเพลงแนวเดียวกัน เราชอบดูหนัง เราชอบวาดรูป ในบางครั้งเราก็นั่งอ่านหนังสือกันคนละมุมของห้อง แม้ว่าความเงียบจะก่อตัวขึ้นระหว่างเรามากแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นความเงียบที่ทำให้เราทั้งสองสบายใจทุกครั้ง

    สายลมเย็นพัดมาเอื่อย ๆ มันเป็นเวลาที่นกเกือบจะทุกตัวเริ่มที่จะบินกลับเข้ารัง นักดูดาวจะเริ่มกางแผนที่ดาว กลุ่มคนเปลี่ยวเหงาจะเริ่มร้องไห้ ในตอนนี้ใบไม้เปลี่ยนสีเกือบจะหมดแล้ว พวกมันเริงระบำระริกระรี้ไปตามสายลม บ้างก็หลุดจากการเกาะเกี่ยว ปลีกตัว โบยบิน คล้ายกับจะเป็นอิสระ แต่แล้วก็ตกลงที่ไหนสักแห่ง


    *


    ในตอนที่ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของไค เด็กหนุ่มผิวแทนจึงเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายให้อยู่กับเขาที่นี่ โดยบอกว่าวันนี้เขาจะทำเฟรนช์โทสให้ทาน

    “จะอยู่ ถึงไม่มีเฟรนช์โทสก็จะอยู่”

    ทั้งสองหลุดขำออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้


    *


    อย่างที่รู้กันว่าไคได้รับเชื้อไวรัสจากแม่มาตั้งแต่เกิด เป็นมรดกชิ้นเดียวที่แม่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ก่อนท่านจะเสียหลังจากที่คลอดเขาได้สองวัน มันไม่สามารถรักษาหายได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้มีเพียงแค่การกินยาเพื่อควบคุมอาการเท่านั้น และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องไปตามนัดของหมอในทุก ๆ เดือนที่อยู่อีกฟากฝั่งของประเทศ ปกติการไปแต่ละครั้งจะกินเวลาเพียงแค่สี่ถึงห้าวัน แต่ครั้งนี้มันกินเวลาไปทั้งหมดหนึ่งเดือนเต็ม ๆ


    “หมอกับพ่อกักตัวไว้น่ะ”

    “แย่หรอ”

    “เดี๋ยวก็ไปแล้ว”

    “นานแค่ไหน”

    “ฉันอยากอยู่ให้ถึงคริสต์มาส อยากแกะของขวัญกับนายก่อน”


    *


    ในคืนวันที่สองหลังจากที่บทสนทนานั้นเกิดขึ้น ไคก็ได้จากเขาไป


    “นายอย่ากลัวที่จะฝันเลยนะเซฮุน”

    "..."

    “ฉันรักนายมากรู้ใช่ไหม”

    “อื้อ...รักนายมาก”

    หลังจากจบประโยคไคก็ถูกห้วงนิทรากลืนกินให้หลับใหล


    คืนที่ทั่วทั้งท้องฟ้าสว่างจ้าเพราะแสงของพระจันทร์และงานเต้นรำของดวงดาว เป็นคืนเดียวกับที่ไคหลับไหลโดยไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก, ตลอดกาล

    เซฮุนไม่โกรธที่อีกฝ่ายอยู่ไม่ถึงคริสต์มาสอย่างที่ได้พูดไว้ เขาขอบคุณการมีอยู่ของไคเสมอ


    ขอบคุณเท่าโลก ,เซฮุน


                                                                    


                                                                  Thank u ♥

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in