จำได้ลางๆว่าเราเริ่มดูบอลเป็น และ เชียร์ลิเวอร์พูลแบบจริงๆจังๆ ในปี 2002 - 2003
 ซึ่งตอนนั้นเป็นการคุมทีมของ Gerrard Houllier ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศษ
ฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูลทำได้เพียงจบอันดับที่ 5 ในลีก แต่คว้าแชมป์ลีกคัพด้วยชัยชนะเหนือแมนยู 2-0
และคนทำประตูแรกก็ไม่ใช่ใคร สตีเว่น เจอร์ราร์ด นักเตะขวัญใจตลอดกาลของเราเอง
แม้ปีนั้นจะเป็นที่ไม่ดีนักของลิเวอร์พูล แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารักและเชียร์ทีมนี้มานานกว่า 15 ปี
เจอร์ราร์ดเป็นนักเตะคนโปรดของเรา ไม่รู้จะบรรยายถึงนักเตะคนนี้ยังไงดีนะ
                                       รู้แต่เพียงว่าตอนเด็กๆเรามักจะบอกใครต่อใครว่าเจอร์ราร์ดคือรักแรกของเราเว้ย                                 เจอร์ราร์ดเป็นนักเตะในแบบที่เราชอบ บู๊แหลกลาน มีทีเด็ดด้วยลูกยิงไกล กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวอะไรใครๆก็เรียกว่าเขาว่ากองกลางพลังไดนาโม
                                           ฤดูกาล 2003 - 2004  เจอร์ราร์ดได้รับปลอกแขนกัปตันทีม                                                                 โดยหวังให้ เจอร์ราร์ด เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมันก็เห็นผลจริงๆนะ                                              เจอร์ราร์ดในฐานะกัปตันทีมกลายเป็นผู้เล่นที่คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลาที่ลงสนาม                เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนร่วมทีมมาโดยตลอด เขาคือหัวใจของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง
 
อย่างที่บอก ณ ตอนนี้เราเชียร์ลิเวอร์พูลมา 15 ปีแล้ว ไม่ได้เป็นตัวเลขที่เยอะอะไรถ้าเทียบกับคนอื่นๆ   แต่มันก็ไม่น้อยสำหรับเรา เวลาที่นั่งเชียร์ลิเวอร์พูลอยู่หน้าจอทีวี มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายเป็นตัวหนังสือไม่ได้ เราว่าเราเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมกับเกมมากคนนึงเลย                                                     วันไหนที่ทีมชนะ วันนั้นจะเป็นวันที่เราอารมณ์ดีสุดๆเลย                                                                       แต่กลับกันถ้าวันไหนทีมแพ้ อย่ามาชวนเราคุยอย่ามาเยาะเย้ย อย่า! อย่า!! อย่า!!! เราพร้อมระเบิดอะบ ไม่ต้องพูดถึงโซเชี่ยลต่างๆ งดเข้าเพจ งดอ่านคอมเม้น เห็นแล้วชวนหงุดหงิดทุกที
 
ไม่ลุ้นจนนาทีสุดท้ายไม่ใช่ลิเวอร์พูล เป็นแฟนทีมนี้คุณต้องมีหัวใจที่แข็งแรงพอควรเลยล่ะ                     ไม่สิ้นเสียงนกหวีดทุกอย่างยังไม่จบ จะมาวางใจ ดูชิวๆ ใสๆ เชียร์แบบสบายใจไม่ได้นะบอกก่อน         เราสามารถพลิกกลับมาชนะได้เสมอ และสามารถพลิกกลับมาแพ้ได้เช่นกัน
เกมที่ที่พลิกกลับมาชนะอย่างเหลือเชื่อยังอยู่ในความทรงจำของเรา                                                     และเชื่อว่าไม่มีเดอะค็อปคนไหนลืมเกมนี้ได้ลงคอแน่นอน                                                                         ค่ำคืนที่อิสตันบูลนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกกับเอซีมิลาน                                                           ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานขนาดไหน ก็ยังเป็นเกมที่สุดมหัศจรรย์ตลอดกาลของเรา
  
ส่วนเกมที่พลิกกลับแพ้แบบสุดช็อค ..... ไม่ค่อยอยากจะนึกถึงสักเท่าไหร่ พยายามลืมๆมันไปให้เร็วที่สุด แต่ที่ยังไม่ลืมเพราะมันเพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้เอง เกมกับบอร์นมัท นำ 3-1 แต่จบด้วยแพ้ 4-3 ........... (เราจะไม่พูดถึงแล้วกัน สมองเสื่อมชั่วคราว)
.
.
.
 
ตั้งแต่เป็นชื่อจากดิวิชั่น1 มาเป็นพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลยังไม่ได้สัมผัสถ้วยแชมลีกอีกเลย                       สถิติยังคงหยุดอยู่ที่ 18 สมัย หยุดนิ่ง ไม่ไหวติงใดๆ มานานกว่า 20 กว่าปีแล้ว                                       ทุกคนโหยหายถ้วยแชมป์ใบนี้เหลือเกิน โดยเฉพาะกองเชียร์อย่างเราๆ                                                   ที่ได้แต่นั่งทำตาปริบๆมองทีมอื่นคว้าไปทุกปีๆ
                                                    
เราไม่ใช่ทีมที่มีเงินขว้านซื้อผู้เล่นมากมายมาร่วมทีม                                                                           เราไม่ใช่ทีมที่มีนักเตะซุปเปอร์สตาร์อยู่ในทีม                                                                                       เราไม่ใช่ทีมที่มีนักเตะค่าตัวร้อยล้าน หรือค่าเหนื่อยเกิน 2 แสนต่อวีคขึ้น
  
แต่เรามีผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่กำลังทำทุกอย่างเพื่อลิเวอร์พูล                                                                 เรามีนักเตะที่ใครๆก็ว่ากากแต่ก็วิ่งลืมตายทุกครั้งท่ี่ลงสนาม                                                                     ที่สำคัญเรามีกองเชียร์ที่ดีที่สุดในโลก                                                                                                   กองเชียร์ที่ทำให้รู้ว่าบ้านของพวกเขาน่ากลัวขนาดไหนสำหรับผู้ที่จะมาเยือน                                         กองเชียร์ที่สนับสนุนทีมเสมอไม่ว่าจะไร้ถ้วยแชมป์ใดๆก็ตาม
 
เรารอเก่งนะ..มันต้องมีสักวันแหละหน่าที่มันจะเป็นของเราบ้าง ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ไม่ปีหน้าก็ปีต่อไป           ไม่ปีต่อไปก็ปีถัดๆๆไป มันจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันของเรา
 
จะรอนะลิเวอร์พูล. 
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in