คนคนนั้นจากไปแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าไปที่ไหน แต่ก็ไปตามคำสัญญา
จองเซอุนกระชับเสื้อโค้ทตัวหนาที่มักสวมประจำให้แนบชิดตัว เหม่อมองใบไม้เปลี่ยนสีด้านนอกเรือนกระจกด้วยแววตาล่องลอย หลังจากที่เขาร้องขอให้อิมยองมินไป นับจากที่พวกเขาสองคนได้ จูบ กัน เขาก็ไม่เห็นจอมเวทหนุ่มผมสีแดงส้มคนนั้นอีกเลย ตอนแรกเขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงพูดเล่น อาจจะแค่หายไปไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็คงกลับมา แต่พอเขาเข้านอนแล้วตื่นมาในรุ่งเช้า เขาก็ยังพบแต่ความว่างเปล่า
อิมยองมินไม่อยู่ที่ส่วนไหนเลยของบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องปรุงยา ไม่มี ไม่มีแม้แต่เงาของคนคนนั้นแม้แต่น้อย ยืนยันว่าชายหนุ่ม ได้จากเขาไปแบบไม่มีวันกลับมา
“นายน้อยคะ วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติ ยูจินว่านายน้อยควรไปนั่งเล่นข้างในจะดีกว่า เดี๋ยวยูจินทำช็อกโกแลตร้อนที่นายน้อยชอบให้” อันยูจินที่เดินเข้ามาหาบอกเสียงหวานใสด้วยรอยยิ้มหวานดั่งปกติ ขัดกับดวงตากลมโตที่ยังคงแดงระเรื่อแบบคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
จองเซอุนเคยถาม ว่าทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่ อันยูจินได้แต่เพียงตอบว่า
“เป็นคำสั่งของนายท่านคะ นายท่านได้สั่งเอาไว้ล่วงหน้า หากนายท่านไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป ยูจินจะต้องปกป้องดูแลนายน้อยด้วยชีวิต” และพอเขาถามต่อว่า ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งก็ได้ เธอก็ได้แต่ตอบออกมาสั้นๆ “ยูจินได้ทำพันธะสัญญากับนายท่าน หากเป็นคำสั่ง ยูจินจำเป็นต้องปฏิบัติ และหากต้องการจะปฏิเสธ มีแต่ต้องแลกด้วยความตายเท่านั้น” แน่นอน ตอนที่ได้ยิน เขาโกรธแทนอันยูจินอย่างหนัก แต่พอเธอบอกว่า เธอเป็นคนขอทำพันธะสัญญากับอีกฝ่ายเอง ถือเป็นคำขอบคุณที่จอมเวทหนุ่มเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ พอได้ยินแบบนั้น เขาเลยไม่กล้าต่อว่าอะไรต่อ
แม้จะแอบเห็นใจอันยูจินที่ต้องทนอยู่กับเขา แต่ใจหนึ่งจองเซอุนก็สงสารตัวเอง
ในตอนที่เขาบอกว่า ไม่อยากอยู่กับอีกฝ่าย ไม่อยากเห็นหน้า ในตอนนั้นเขาหมายถึง เขาจะจากอีกฝ่ายไปด้วยตัวเอง ไม่ได้คิดเหมือนกัน ว่าคนคนนั้นจะเป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านหลังนี้ พอบอกเรื่องนี้กับอันยูจินว่า ให้อิมยองมินกลับมา ส่วนเขาจะไปเอง เธอก็บอกเพียงแค่ว่า “นายท่านได้ยกบ้านหลังนี้ให้นายน้อยเซอุนแล้วค่ะ อย่างน้อยก็ถือเป็นคำขอโทษที่ทำให้นายน้อยต้องเจ็บปวด”
คำขอโทษอะไรกัน ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการเลยสักนิด —
ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มแดงระเรื่อเล็กน้อย เมื่อนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายบอกผ่านเด็กสาวผมน้ำตาล
“นายน้อยเซอุนคะ...” อันยูจินเรียกเสียงเบา เมื่อเขายังไม่ตอบคำถามเธอ
จองเซอุนสูดน้ำมูกเล็กน้อย ใช้ปลายนิ้วถูจมูกแก้เก้อ พร้อมบอก
“ครับ เดี๋ยวผมกลับเข้าบ้านแล้วกัน รบกวนยูจินชงช็อกโกแลตร้อนให้ผมทีนะครับ แล้วก็ยกไปไว้ที่ห้องนอนผมก็ได้ ว่าจะขึ้นไปอ่านหนังสือสักหน่อย”
“รับทราบค่ะ” เธอขานรับด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะเดินกลับเข้าไปให้ห้องครัวเพื่อเตรียมช็อกโกแลตร้อนให้
จองเซอุนเหม่อมองด้านหน้าเรือนกระจกอยู่อีกพัก จากนั้นจึงตัดสินใจยันตัวลุกขึ้น และเดินไปยังชั้นสอง
ขณะที่ก้าวขึ้นบันได ในห้วงความคิดของเขายังคงมีแต่ใบหน้าของชายหนุ่มผมสีแดงส้มคนนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเขากำลังมีความรู้สึกแบบไหน ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร แต่อีกใจเขาก็ปรารถนาจะให้อีกฝ่ายได้กลับมา
วินาทีที่ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน เขายอมรับ ว่าเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ทั้งอยากให้เวลาที่เดินหยุดลง
และถึงจะไม่อยากยอมรับความรู้สึกส่วนนี้เท่าไร แต่เขารู้ว่าตัวเอง รัก อิมยองมิน
ในตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ ทั้งเข้าใจว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีให้อีกฝ่าย มันคือ ความเคารพรัก แบบเดียวที่เขามีให้กับซิสเตอร์ แต่เพราะเหตุการณ์ที่ดินแดนสุดท้ายของมังกร ตอนที่พยายามช่วยเหลือเวอร์นอนกับเฮเลน ความรู้สึกแยกจากของทั้งสองที่หลั่งไหลเข้ามาในตัว มันทำให้เขาทรมานแทบขาดใจ และเมื่อคิดว่าสักวันต้องจากกับอิมยองมิน เขาแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดให้ได้ มันเลยทำให้เขาตระหนัก ว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นั้น มันเป็นอะไรที่มากยิ่งกว่า ความเคารพรัก แต่มันคือ ความรัก
ไม่อยากแยกจากไปไหน อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และทุกครั้งที่อยู่ด้วย ก็มักจะอุ่นใจเสมอ
แต่เพราะแบบนั้น เพราะความรู้สึกไม่อยากแยกจาก เขาเลยเริ่มกลัว ว่าความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่าย แท้จริงแล้ว มันเป็นของ เขา หรือว่า เธอคนนั้น กันแน่ และเมื่อยิ่งคิดว่าอาจจะเป็นของเธอคนนั้น คิดว่าอิมยองมินเองก็คงมองเขาเป็นแค่ตัวแทน ไม่สิ เขาเป็นเพียงเธอที่กลับชาติมาเกิด ไม่ว่าจะพยายามหรือแตกต่างแค่ไหน ในเงาสะท้อนของดวงตาอีกฝ่าย ก็คงมีแต่ภาพของ หญิงสาวผมแดง นัยน์ตาฟ้า ที่ชื่อว่า เอสเธอร์ เท่านั้น
เจ็บจัง —
จองเซอุนเหยียดยิ้มด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้ กระชับเสื้อโค้ทตัวหนาแน่นยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่ามันคืออ้อมกอดที่จะสามารถปกป้องเขาได้ เด็กหนุ่มเตรียมเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนของตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ เขาก็หมุนตัวไปยังห้องหนังสือห้องเล็กที่เชื่อมติดกับห้องนอนของอิมยองมิน
หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป จองเซอุนเคยตัดสินใจว่าจะไม่มาเหยียบห้องนี้อีก เพราะถึงแม้จะไม่อยู่แล้ว แต่ข้าวของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันยังหลงเหลือเค้าไอการคงอยู่ จนชวนให้หลงคิด ว่าบางที อีกฝ่ายอาจจะกลับมา
จองเซอุนเดินตัดไปยังห้องหนังสือ สาวเท้าไปยังตู้หนังสือขนาดใหญ่ และหยิบกล่องที่วางอยู่บนชั้นมาเปิดดออก
ภายในกล่องเต็มไปด้วยภาพสเก็ต ภาพถ่าย จดหมาย สมุดไดอารี่ และสร้องสายสีเงินประดับอัญมณีทรงรีสีแดง
เด็กหนุ่มหยิบภาพสเก็ตและภาพถ่ายขึ้นดู ใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้นในภาพ เหมือนกับที่เขาฝันเห็นไม่มีผิด ยกยิ้มสดใสอย่างมีความสุข ราวกับว่าได้รับความรักความอบอุ่นจากโลกทั้งใบ เด็กหนุ่มไล่ดูภาพทีละใบทีละใบ จนกระทั่งมาหยุดที่ใบสุดท้ายที่เป็นภาพถ่ายขาวดำที่อิมยองมินยืนคู่กับเอสเธอร์
ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี —
จองเซอุนอมยิ้มน้อยๆ น่าแปลกเหมือนกัน พอเขาได้เห็นภาพนี้ ความรู้สึกร้อนรุ่มภายในอกก็เหมือนจะบรรเทาลง
ดวงตากลมโตของเขาเลื่อนไปยังจดหมายกับสมุดไดอารี่ที่วางอยู่ในกล่อง เขายืนชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจยกกล่องไม้ทั้งกล่องไปวางบนโต๊ะหนังสือ ทิ้งตัวลงนั่ง และหยิบบันทึกต่างๆ ที่ผ่านกาลเวลามาหลายสิบปีหรืออาจร้อยปีมาวางลงตรงหน้า แต่ก่อนที่จะได้อ่าน เขาหยิบสร้อยสีเงินประดับจี้อัญมณีทรงรีสีแดงขึ้นสวม
ในตอนนั้น เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่รับสร้อยเส้นนี้มาสวม เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงตัวแทน แต่เมื่อนึกในมุมที่ว่า สร้อยเส้นนี้ คือสิ่งสุดท้ายที่อิมยองมินตั้งใจจะมอบให้เขา บางที เขาควรจะเก็บมันเอาไว้
แม้จะเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่อย่างน้อย สิ่งนี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญของอิมยองมิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in