เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fictober 2019] Miracle in Octobernixsummer0531
Day 02 Mindless
  • ช่างว่างเปล่า ราวกับตุ๊กตาของจริง —

    อิมยองมินกอดอกมองเด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งนิ่ง มองมื้อเช้าด้วยแววตาเหม่อลอยราวกับไม่จดจ่อกับสิ่งใด

    ตั้งแต่ที่ได้กล่าวทักทายเมื่อวาน อิมยองมินยังไม่เคยได้ยินเสียงของจองเซอุนเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะถามคำถามมากมายขนาดไหน พูดได้ไหม มาจากไหน ตกใจหรือเปล่า สงสัยไหมว่าทำไมถึงโดนพาตัวมาที่นี่ ไม่ว่าจะถามสักเท่าไร เด็กหนุ่มก็ได้แต่นั่งเงียบ มองมาที่เขาด้วยแววตาเหม่อลอยราวกับตุ๊กตา และถึงแม้จะไม่ยอมปริปาก แต่กับเรื่องอื่นๆ เด็กหนุ่มกลับทำตามอย่างว่าง่าย หากสั่งให้อาบน้ำก็จะอาบ สั่งให้ทานก็จะทาน สั่งให้นอนก็จะนอน เพียงแต่ไม่ยอมพูด ก็เท่านั้น

    พอหาคำตอบไม่ได้ เขาเลยเรียกคิมดงฮยอนกลับมาอีกรอบ เพื่อถามว่าทำไมจองเซอุนถึงเป็นแบบนี้ ตอนแรกเด็กส่งของลีลาไม่ยอมตอบ แต่พอจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มก็เริ่มจ้อไม่หยุด บอกว่า จองเซอุนเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ถูกทิ้งไว้หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ต่อมาถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพออายุประมาณหกเจ็ดขวบก็มีผู้อุปการะรับไปดูแล แต่ต่อมาผู้ปกครองคนนั้นติดยากับติดการพนันอย่างหนัก เมื่อไม่มีเงินจ่ายหนี้ เลยตั้งใจจะขายจองเซอุนทิ้ง ซึ่งประจวบเหมาะกับที่คิมดงฮยอนไปเจอตัวพอดีเลยซื้อตัวจองเซอุนไว้ด้วยราคาที่ถูกแสนถูก ที่สำคัญ ตามเนื้อตามตัวของจองเซอุนก็เต็มไปด้วยรอยช้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงโดนญาติตัวเองลงไม้ลงมือมาบ้าง และเพราะเรื่องพวกนั้น เลยอาจทำให้จองเซอุนปิดกั้นตัวเองไม่ยอมพูดอะไรกับใคร

    อิมยองมินถอนหายใจแผ่วเบา สาวเท้าเข้าไปใกล้ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมถาม

    “ไม่อยากทานเหรอ”

    จองเซอุนช้อนสายตาจากมื้อเช้ามามองอิมยองมิน พวกเขาสบตากันอยู่ครู่ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหรุบสายตาลงต่ำ เริ่มต้นทานธัญพืชอบแห้งกับนมสดอย่างช้าๆ

    “อร่อยหรือเปล่า”

    อิมยองมินถาม แต่เด็กหนุ่มผมแดงยังคงเงียบ

    “เมื่อวานพวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร แต่ก็อย่างที่บอกไป ตั้งแต่นี้ตอนนี้เป็นต้นไป เธอต้องอยู่ที่นี่ รู้ใช่ไหม”

    จองเซอุนพยักหน้าโดยปราศจากเสียง

    “ไม่กลัวเหรอที่ต้องมาอยู่กับคนแปลกหน้า”

    เด็กหนุ่มกำช้อนในมือแน่นครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้าเบาๆ

    “ดีแล้ว เพราะงั้น ช่วยเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนบ้านแถวนี้ด้วยแล้วกัน พวกเขาคงรักเธอน่าดู”

    อิมยองมินหันไปมองซาลาแมนเดอร์ตัวสีส้มอวบอ้วนที่ไต่ขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร จองเซอุนเองก็เหมือนจะสังเกต เด็กหนุ่มเบิกตากว้างมองไปยังซาลาแมนเดอร์ที่คลานเตาะแตะไปใกล้มื้อเช้า

    “คุณ...ก็เห็นเหมือนกันเหรอ” 

    เสียงหวานใสฟังดูเย็นสบายที่ดังขึ้น ทำให้อิมยองมินเบิกตากว้างเล็กน้อยไม่ต่าง พอเห็นแววตาใสซื่อที่เฝ้ารอคำตอบ จอมเวทหนุ่มเลยอมยิ้มบาง พยักหน้าให้เบาๆ

    “เห็นสิ นี่คือซาลาแมนเดอร์ไฟ เป็นภูติที่จะช่วยจุดเตาพิงให้พวกเราเมื่อเริ่มเข้าหน้าหนาว”

    “ภูติเหรอ”

    “ใช่ พวกเขาคือ เพื่อนบ้านที่แสนดี ของเรา”

    “คุณคืออะไรเหรอครับ แล้วผมเหมือนคุณหรือเปล่า”

    คำถามที่ถาม ทำให้แววตาของอิมยองมินอ่อนแสงลง ทั้งเข้าใจว่าทำไมเด็กตรงหน้าถึงถามคำถามแบบนี้ เพราะเท่าที่ฟังมาจากคิมดงฮยอน นอกจากจะโดนจับขายแล้ว ความสัมพันธ์ของจองเซอุนกับคนในบ้านและคนรอบตัวนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเป็นสเลย์เบก้า เลยสามารถมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นได้ พอเป็นแบบนั้น เลยโดนหาว่าเป็นตัวตลก ตัวประหลาด หรือไม่ก็พวกเสียสติ ทั้งที่ความจริง มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

    “เธอเหมือนกับฉัน แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่าง” อิมยองมินบอก ยื่นมือออกมาด้านหน้า เพียงพริบตาก็มีลูกไฟสีแดงเพลิงลุกโชติช่วงภายในมือ ดวงตากลมโตของจองเซอุนเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม ขณะที่จอมเวทหนุ่มพูดต่อ “ในโลกของพวกเรา มีสิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ กับ คาถา ถ้าพูดง่ายๆ ในนามของวิทยาศาสตร์แล้ว คาถา คือสิ่งที่พ่อมดใช้ ในขณะที่สิ่งที่จอมเวทใช้กันคือเวทมนตร์ ยืมพลังจากแฟรี่ ภูติ วิญญาณ ปีศาจ มาเพื่อสร้าง ปาฏิหาริย์ ซึ่งฉันเองจัดอยู่ในประเภทหลัง และเธอเองก็เหมือนกัน จัดว่าเป็นจอมเวทแบบเดียวกับฉัน” 

    “แต่คุณบอกว่า ผมมีบางอย่างที่แตกต่าง”

    “ใช่ เพราะเธอเป็นอะไรที่พิเศษยิ่งกว่า”

    “พิเศษ?”

    “สเลย์เบก้า”

    จองเซอุนขมวดคิ้วมุ่น สื่อว่าไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    “สเลย์เบก้าคือสิ่งมีชีวิตที่หายากมากๆ เพราะสเลย์เบก้าสามารถดึงดูดสิ่งทั้งปวงได้แม้กระทั่งยึดครอง ถ้าให้เปรียบก็คงจะคล้ายๆ กับ นางพญาผึ้ง จะดึงดูดพวกสิ่งลี้ลับ ไม่ว่าจะเป็นแฟรี่ ภูติ วิญญาณ หรือปีศาจ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะรักและหลงใหลสเลย์เบก้าอย่างยิ่ง และการเป็นที่รัก ก็หมายความว่าหาคนช่วยเหลือได้ไม่ยาก เพราะการที่จอมเวทจะใช้เวทมนตร์ได้ จำเป็นต้องยืมพลังของพวกเขา” อิมยองมินดับเปลวไฟในมือ ประจวบกับที่ซาลาแมนเดอร์สีส้มเดินเตาะแตะเข้าไปคลอเคลียต้นแขนของจองเซอุนเบาๆ “หรือก็คือ เธอจะเป็นจอมเวทที่ดีได้อย่างแน่นอน”

    “ผมคิดมาตลอด ว่าพวกเขาเกลียดผม” จองเซอุนพึมพำ ขณะที่ตามองซาลาแมนเดอร์ไฟ

    “อาจเพราะตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เลยไม่รู้ว่าความรู้สึกของพวกเขาเหล่านั้นคืออะไร”

    “คือว่า...” จองเซอุนตะกุกตะกัก ดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมา พร้อมกับแก้มสองข้างที่แดงระเรื่อ

    “อะไรเหรอ” อิมยองมินถามเสียงอ่อนโยน อดคิดในใจไม่ได้ว่าปฏิกิริยาของคนตรงหน้าตอนนี้ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง

    “คุณช่วยสอนผมได้ไหม สอนผมใช้เวทมนตร์เหมือนกับคุณ” 

    เด็กหนุ่มผมแดงถามด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ ดูแตกต่างจากเด็กหนุ่มที่มีแววตาว่างเปล่าราวกับตุ๊กตาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง อิมยองมินหัวเราะอุบเบาๆ กับความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย พร้อมตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม

    “ได้สิ เพราะนั่นคือเหตุผล ที่ฉันพาเธอมาอยู่ที่นี่ไง”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Chada815 (@Chada815)
เพิ่งได้อ่าน2ตอน เราชอบพล็อตเรื่องมากๆ ชอบแฟนตาซีค่ะ
อนิเมะที่นำมาเป็นREF.เราไม่เคยดู แต่จะไปตามดู เผื่อจะได้อ่านรู้เรื่องมากขึ้นค่ะ สู้ๆนะคะ