บรรยากาศหนักอึ้งชวนให้ก้าวขาไม่ออกอบอวลไปทั่วบริเวณ ควันขมุกขมัวลอยละล่องหมุนวนเป็นเกลียว
ราวกับอยู่ในความฝัน
ลำแสงสีสว่างตัดผ่านส่องสว่างไปยังบางสิ่งที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ บรรดาม่านหมอกควันต่างพากันแหวกทางให้สิ่งนั้นอย่างน่าพิศวง
สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นมนุษย์มองมาทางเขา ก่อนจะโบกมือทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
ความรู้สึกคุ้นเคยก่อตัวขึ้นในช่องอกอย่างน่าประหลาด ขาก้าวเดินไปหาสิ่งนั้นก่อนที่สมองจะทันได้คิด
ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงจนสามารถเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้
คุณนั่นเอง.. ไม่เปลี่ยนไปสักนิดเลยแฮะคนตรงหน้าหัวเราะเสียงใส พูดตอบเขาราวกับอ่านใจได้ “ฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ”
ก่อนที่อีกคนจะเป็นฝ่ายลดระยะห่างระหว่างพวกเขาจนรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน
เธอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
และทะลุผ่านตัวของเขาไป
“เห็นไหม ฉันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ” เธอพูดเจื้อยแจ้วอย่างน่ารักก่อนจะหลุดขำอีกครั้ง
เขาเอื้อมมือ พยายามจะสัมผัสเธอ แต่มือของเขากลับเลื่อนผ่านอากาศ
เธอยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันสว่างยิ่งกว่าดาวเคราะห์ดวงไหนๆ
ก่อนที่ร่างกายของเธอจะจางหายไป
เขาสะดุ้งตื่น กอบโกยอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ปากหลุดเรียกชื่อของเธอคนนั้น
เขาหยุดคิดถึงเธอไม่ได้เลย
แย่ชะมัด
____________
อีกครั้งที่เขามาอยู่ในกลุ่มหมอกและบรรยากาศที่ชวนหนักอึ้ง แต่ก้อนเนื้อในอกเขากลับเต้นรัวเร็วราวกับมีใครมารัวกลองอยู่ในนั้น
เขาออกเดินสะเปะสะปะไม่รู้ทิศทาง ตะโกนเรียกชื่ออีกคนในห้วงคำนึง ไวเท่าความคิด เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สัมผัสเข้าที่ไหล่ซ้ายของเขา เขาหันกลับไปมอง เธออยู่ตรงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนมุมปาก
เธอสัมผัสมือเขา (แน่ล่ะไม่ใช่การสัมผัสโดยตรง) กึ่งจูงกึ่งลากเขาผ่านกลุ่มม่านหมอก ก่อนที่ภาพขมุกขมัวตรงหน้าเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจีของทุ่งหญ้า เธอหันมายิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะออกวิ่งนำไป
พวกเขาวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าสีเขียวและทุ่งดอกแดฟโฟดิลสีเหลือง ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวลงบนสีเหลืองเหล่านั้น
สีเหลืองช่างเหมาะกับเธอเหลือเกิน เขาคิด เขานึกเสียดายที่ไม่ได้หยิบกล้องตัวโปรดมาด้วย ก่อนจะขำกับตัวเองที่คิดจะพากล้องเข้ามาในฝัน
เขามองเธอ นอนอยู่ท่ามกลางกลุ่มดอกไม้สีเหลือง พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างของสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้แล้วเมมโมรี่มันลงในสมองเขาให้มากที่สุด นัยน์ตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายแข่งกับบรรดาดอกไม้สีเหลืองรอบตัว ราวกับที่นี่คืออวกาศสีเหลือง แล้วสีฟ้าของเธอคือดวงดาว
แต่ไม่นานนัก ความรู้สึกวูบโหวงในอกก่อตัวขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเวลาระหว่างเขากับเธอกำลังจะหมดลง เธอพยายามเอื้อมมือมาหาเขาก่อนร่างกายของเธอจะจางหายไป อีกครั้ง
อีกครั้งที่เขาสะดุ้งตื่น มือควานหาโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียง หน้าจอแสดงเวลาตีสามห้าสิบสองนาที
ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องลุกไปทำงาน แต่เขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับต่อได้ลง
ความคิดที่ว่าเขาจะไม่มีวันได้เจอเธออีกแล้ววิ่งวนอยู่ในหัว
____________
เกือบเดือนที่เขาไม่ฝันถึงเธออีก
เวลาที่เขารู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนานเหลือเกิน
เขาพร่ำเรียกชื่อเธอในความฝันทุกวันแต่เธอก็ยังไม่มาปรากฎให้เขาเห็น
เขาพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังเพื่อมาปรากฎตัวอีกครั้ง
แต่เขารู้ตัวดีว่ามันเสียเวลาเปล่า เธอไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง
แต่แค่ได้เห็นเธออีกครั้งมันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in