ตอนแรกว่าจะรีวิวปีสามเทอมสองต่อ แต่ว่าเดี๋ยวก่อนดีกว่า มันมีสิ่งน่าสนใจที่เราอยากจะพูดมากกว่า นั่นก็คืออออ คือออ "โทวิจัย (สามตัวแรก)" ของเราเอง เห็นว่าน้องหลายคนลังเลใจบ้าง กลัวบ้างแหละว่าจะเลือกดีมั้ยคะ มันโหดจังเลยค่ะ หรือเพื่อนในรุ่นในภาคเองที่อาจจะสนใจ(กริบ) นี่คือพื้นที่ขายโทตัวเอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าจริงๆแล้วอะ โทเราเนี่ยภาคอื่นเลือกลงได้นะใครไม่ชอบโทตัวเองเปลี่ยนตอนนี้ยังทัน :D แล้วก็ต้องขอบอกอีกหละว่าาาา ปกติแล้วโทในคณะมันต้องเรียนทั้งหมด 6 ตัวใช่มั้ย แต่ตอนนี้เราเรียนไปแค่ "สาม" ตัวเอง เราเลยอาจจะพูดได้ไม่ครอบคลุมมากเท่าไร แต่ก็จะพูดไอ่สามตัวเนี๊ยยย ให้ละเอียดที่สุดละกัน หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่เนอะ :) อ่อออ อ่านให้จบด้วยตั้งใจเขียนมาก
โทวิจัยต่างจากโทตัวอื่นยังไง?
จริงๆแล้วพูดได้ไม่มากหรอกเพราะเราก็ไม่เคยลองเรียนโทตัวอื่นเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ไม่ว่าจะเรียนโทตัวไหนมันก็ซัฟเฟอร์เหมือนกันหมดนั่นแหละ แค่รูปแบบการซัฟเฟอร์จะต่างกัน อย่างวิชาไออาร์บางตัวเพื่อนก็จะซัฟเฟอร์กับเปเปอร์ กับ text อังกฤษ กันเป็นส่วนใหญ่, รปศ. จะซัฟเฟอร์ช่วงสอบมากกว่าเพราะข้อสอบส่วนใหญ่เน้นท่องจำไปเขียน ท่องจำไปวิเคราะห์ต่ออะไรก็ว่าไป ดังนั้นแล้วช่วงระหว่างเรียนพวกโทรปศ.จะค่อนข้างว่างถ้าไม่มีงานหรือควิซกรุบกริบ, ปกครองก็จะเป็นเปเปอร์เหมือนๆกับไออาร์ แต่สำหรับโทวิจัย เราว่ามันซัฟเฟอร์เพราะในงานวิจัยหนึ่งชิ้น เราจะต้องอยู่กับมันไปตลอดทั้ง2-3เดือนนั้น มันไม่มีเดทไลน์ที่ชัดเจนเหมือนการเขียนเปเปอร์ ดังนั้นถ้าแบ่งเวลาไม่ดีมันจะทำให้เราเหลิง แล้วท้ายเทอมก็ต้องมาซัฟเฟอร์รับกรรมหนัก แบบเรา 5555555555
วิจัย vs เปเปอร์
อย่างที่บอกไป ตามประสบการณ์ที่เราทำเปเปอร์มามันก็ซัฟเฟอร์แหละ แต่ความซัฟเฟอร์นั้นมันมีขอบเขต อย่างมากก็หนึ่งเดือนครึ่ง แต่สำหรับวิจัยที่เราต้องอยู่กับมันไปตลอดทั้งเทอมแล้ว อย่าลืมนะว่าปีสามเทอมสองเรียนโทวิจัยสองตัว ก็แปลว่าต้องทำวิจัยสองชิ้นเช่นกัน(ซึ่งจริงจังมากเว่อร์) นี่ยังไม่รวมวิชาภาคซึ่งก็เน้นหนักไปที่วิจัยอีก ดังนั้นเทอมสองที่เราผ่านมานี่ได้ทำวิจัยจริงๆประมาณ 4 ตัว สำหรับปริญญาตรีเราถือว่าหนักนะ // กลับมาๆโฟกัสที่โทกันต่อ ความท้าทายมันอยู่ที่การคิดหัวข้อเนี่ยแหละว่าเราจะเลือกทำหัวข้ออะไรดี ที่มันไม่โอเวอร์เกินไป ซึ่งใช้เวลานานมาก เสร็จแล้วเราก็ต้องไปหาหนังสือ หรืองานวิจัยอื่นๆที่เอามาอ้างอิง ซึ่งเรียกสั้นๆว่า Lit review แล้วเอกสารพวกนั้นไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆนะ บางทีต้องอ่านเป็นสิบกว่าเรื่องเพื่อเฟ้นหาเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องมาใช้ ไหนจะสร้างแบบสอบถามซึ่งเราว่าเป็นส่วนที่พีคที่สุดละ แบบสอบถามเอาเข้าจริงแล้วกว่าจะสร้างขึ้นมาได้หนึ่งชุด(ที่มีคุณภาพ) มันยากมากเลยนะ ต้องมาดูว่าเห้ยถ้าตั้งอย่างงี้คุณจะวัดอะไร ถามงี้ได้มั้ย ภาษาควรใช้ระดับไหน แล้วถ้าใช้อันนี้จะเอาไปคำนวณในspssยังไงใช้โปรแกรมไหน เกินกำลังเรารึเปล่า ฯลฯ แต่ข้อเสียอย่างนึงของเด็กโทนี้คือเวลามีคนอื่นมาแจกแบบสอบถามให้ทำ เราจะวิจารณ์ว่าแบบสอบถามเค้าไม่สมเหตุสมผลนะ ทำไมถามงี้ เรียงงี้ โครงสร้างไม่ดีเลย บลาๆ ซึ่งค่อนข้างโรคจิตและจริงจังเบาๆ แต่ก็ทำไงได้ละเฮ้อออ 5555555 // สร้างแบบสอบถามว่ายากแล้ว แจกแบบสอบถามยากกว่าค่ะคุณ หน้านี่เตรียมฉาบปูนรอไว้เลย บางคนก็ดีอะยอมทำให้ แต่บางคน เหอะๆ... ขั้นตอนนี้เหนื่อยมากกกกกก วิ่งวุ่นนานมากกกก ร้อนแต่ก็ต้องทน จะเห็นช่วงนึงที่เราวิ่งแจกแบบสอบถามวุ่นมาก นั่นแหละ จ้ะ // เสร็จแล้วก็ต้องเอามาคีย์ลงโปรแกรม เยอะแยะมากมาย อ่านผล เขียนเล่ม ซึ่ง... ไม่ได้ทำแค่ตัวเดียวค่ะคุณ เห็นมั้ยว่ากว่าจะได้งานวิจัยเล่มนึง นานแค่ไหน
เพื่อน
เรียนโทวิจัย เพื่อนสำคัญนะ เชื่อเหอะเราทำวิจัยคนเดียวไม่ได้ ถึงแม้อาจารย์จะอนุญาตให้ทำ1-3คน แต่เราก็ไม่แนะนำให้ทำคนเดียว เพราะมันเหนื่อยมากแล้วยูอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้นะ 5555555 งานวิจัยเราว่าเป็นงานที่แบ่งกันทำไม่ได้ ไอ่พวกแบบ "มีงานอะไรก็แบ่งมาแล้วกัน" ไม่ได้นะเพราะเราจำเป็นต้องรู้โพรเซสตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนการเดินสามขา เริ่มต้นไปด้วยกันก็ต้องก้าวผ่านเส้นชัยไปด้วยกันทำนองนั้นอะ ดังนั้นถ้าเพื่อนร่วมวิจัยของเราไม่พร้อม เราก็ต้องหยุดรอ แล้วทำไปพร้อมๆกัน ง่อววว ซึ้งไปค่ะอีดอก
นิสิต-อาจารย์
โทวิจัยเป็นโทที่ร้าง 55555555 รุ่นเรามีอยู่ด้วยกัน9คน (อย่าทิ้งกันไปไหนน้าาาา) แล้วด้วยความที่มีคนน้อยมันก็เลยทำให้อาจารย์ดูแลเราได้อย่างทั่วถึงขึ้น เห็นพัฒนาการเราชัดขึ้น รู้ว่าเราอ่อนตรงไหน ต้องพัฒนาตรงไหนขึ้นอีก แต่ว่าอาจารย์เป็นพวกรักนะแต่ไม่แสดงออก5555ก็เลยชอบแอ๊บโหด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in