“..อ๊าา ฮ..ธอร์ ช้า..ช้าลงหน่อย อ้ะ...” ร่างระหงส์ที่อยู่ใต้อานัตเจ้าของนามเปล่งเสียงปรามกระท่อนกระแท่นสลับกับเสียงครางด้วยอารมณ์อันยากจะระงับ เรือนผมยาวดำขลับสยายขยับไหวไปตามแรงที่เจ้าของร่างพามันไป
ใบหน้าเล็กรูปไข่เกลี้ยงเกลา ประดับด้วยจมูกรั้นเชิด เรียวปากบางที่แดงจัดจากความกระสันเผยอครางไม่หยุด ดวงตาสีนินประกายมรกตแวววาวด้วยน้ำตาคลอหน่วย กระนั้นก็พยายามเหลือบมองคนซึ่งคร่อมร่างตนด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
‘ช้าลงหน่อยเถอะ’
‘อย่าหยุด’
‘ข้าอยากมองหน้าท่านชัดๆ’
‘ท่านพี่’
“ธอร์..”
ได้ผล คนตรงหน้าผ่อนแรงเคลื่อนกาย นัยตาน้ำตาลคมกล้าประสานเข้ากับเขา...
ธอร์ใช้มือขวาเอื้อมจับมือเรียวขาวซีดที่พยายามเกาะเกี่ยวบ่ากว้างของตนตั้งแต่ก่อนหน้านี้มากุมไว้ สอดประสานนิ้วแทรกระหว่างกัน เจ้าของร่างใหญ่มองสำรวจคนใต้อานัติอย่างถือสิทธิ์
เรือนผมดำ ใบหน้าเล็ก ลำคอระหงส์ ปทุมถันคู่สวยที่สายไหวตามแรงกระทำของตน น่ามองทั้งนั้น จะเอวคอด หรือสะโพกกลมที่รองรับตามใจเขาอยู่นี่ก็ตาม
ธอร์เคลื่อนมือที่จับไว้มาจุมพิตอย่างรักใคร่ แล้วโน้มตัวลงจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน..ขมับ..พวงแก้ม เรื่อยมาจนถึงลำคอ ขบเม้มอย่างจงใจ ก่อนจะดันร่างตนขึ้นดังเดิม
“โลกิ..”
ร่างหญิงสาวเจ้าของนามปิดแพขนตาลง เขารู้ดีว่าความหมายของเสียงเรียก..สายตาเมื่อครู่คือสิ่งใด
‘น้องข้า’
‘ข้าต้องการเจ้า’
‘ต้องการ’
และข้าก็จะให้ท่านดังที่ท่านต้องการ..เป็นเช่นนี้มาเสมอไม่ใช่หรือ ท่านมันข่มเหงข้าจนเป็นนิสัย
.
.
.
ครืดดด เสียงรูดม่านเปิดดังเข้ามาในโสตประสาทพร้อมๆกับแสงสว่างแยงตา
“โลกิ! น้องข้าตื่นสิ แอสการ์ดยามเช้าช่างงดงามนัก!” ไม่พูดเปล่ายังตรงมาเขย่าตัวเขาอย่างตื่นเต้นอย่างกับเด็กได้ของเล่น
ทั้งที่เห็นอยู่ทุกวี่วันไม่รู้กี่ร้อยปีแล้วแท้ๆ อาา..ทำไมข้าต้องมาตื่นเพราะเสียงโง่ๆนี่ด้วยนะ
โลกิพลิกตัวตะแคงหันหลังให้อย่างนึกรำคาญพลางเอ่ยไล่
“เจ้าควรแต่งตัวแล้วก็ออกจากห้องของข้าไปได้แล้วธอร์ ข้าไม่เหมือนท่าน ต้องการความสงบในยามเช้า ข้าเพลีย”
คนโดนไล่หุบยิ้มกว้างเอียงคอฉงนในท่าทีของน้องชาย
“แต่ข้าอยากลงไปกินข้าวเช้ากับเจ้า” พูดแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆที่สะโพกบาง ที่ถึงแม้จะคืนร่างเป็นชายแล้วก็ยังเห็นส่วนโค้งเว้าน่ามอง..
แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะไปกระตุกเส้นหงุดหงิดของคนตัวบางเข้า โลกิยกตัวหันควับมาพร้อมกับชักกริชมาจอคอเทพสายฟ้าอย่างเอาเรื่อง ธอร์ยกสองมือขึ้นค่อยๆขยับถอยตามแรงกดดันลงจากเตียง เดินถอยไปตามทางที่ตนทิ้งเสื้อผ้าไว้ โลกิยังคงถือกริชไว้ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ขณะมองพี่ชายเก็บเสื้อผ้าขึ้นใส่..และไม่วายจาบจ้วงเขาด้วยสายตาเสียน่าเกลียด
“..โลกิ เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเจ้าล่อนจ้อนยิ่งกว่าพี่เสียอีก”
โลกิขยับกริชเข้าไปจ่อคอหอยเจ้าพี่ชายอีกครั้ง “ข้าไม่สน และท่านต้องออกไปจากห้องข้าเดี๋ยวนี้ ท่านพี่” สรรพนามท้ายประโยคถูกเน้นด้วยน้ำเสียงขู่ฟ่อ
“ได้ ได้เลยน้องข้า ข้าจะไปแล้ว เพราะงั้นเก็บของมีคมในมือเจ้าก่อนเถอะนะ” คนตัวโตพูดพลางเขี่ยปลายแหลมออกจากตัว ถึงจะหน้าตาเหมือนไม่ทุกข์ร้อนแต่โดนมีดเสียบมันก็เจ็บอยู่นะ แถมเขายังเคยถูกคนตรงหน้าแทงทั้งหน้ายิ้มๆมาแล้วด้วย ยังเป็นแผลใจอยู่เลย...
“ไม่” เล่นเอาคนฟังหน้าเจื่อนไปนิดนึง
โลกิจ่อกริชไล่คนหน้าเป็นที่เสื้อผ้ายังไม่เข้าท่ีไปยังประตู แต่ก่อนตัวจะออกไปพ้น ท่อนแขนกำยำก็คว้าบานประตูง้างเอาไว้ไม่ให้ปิดได้
“เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าพี่จะมาอีก”
“ข้าไม่ต้อนรับ!” โลกิกดเสียงรอดไรฟัน พลางใช้แรงทั้งหมดที่มีดันประตู
“แต่ข้าจะมา”
“ข้าจะให้คนมาติดกุญแจ!”
“เจ้านั่นมันคนของข้า..เจ้าไม่รู้หรือ?”
“ออกไป!! ข้าจะร่ายเวทกันคนโง่กับไอ้งั่งไว้ด้วยไม่ต้องห่วง!”
ตึงงงง.. ในที่สุดประตูก็ปิดลง
“หืม..คนโง่กับไอ้งั่งหรือ? โลกิ เจ้านี่ไร้เดียงสาจริงๆ” ขณะธอร์ที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าประตูกับคำของน้องชาย(ที่ไม่ได้คิดเลยว่าด่าตัวเอง)กำลังจะหมุนตัวเดินกลับห้องอยู่นั่นเอง ร่างสูงก็ชะงัก รีบก้มหลบกริชที่ลอยเฉียดหน้าเลยหายเข้าไปในห้วงมิติของวงเวทเล็กๆด้านหลังของเขา
“…เจ้านี่ใจร้ายกับข้าตลอดเลยนะ” ธอร์พูดขึ้นเบาๆแล้วเดินถอยหลังกลับออกไปตามทางเดินอย่างระแวดระวัง
“ฮึ ใครกันแน่”
โลกิหันหลังให้ประตู เดินเปลือยเปล่าผ่านโถงใหญ่กลับเข้าไปยังห้องนอน...
ม่านกำมะหยี่สีเขียวทึบยังคงเปิดกว้างทิ้งไว้ให้แสงตัดผ่านบรรยากาศมืดทึมของห้อง ร่างระหงส์สาวเท้าเข้าไปหยุดยืนอยู่ในเงาก่อนที่แสงแดดจะส่องมาถึงตัว แม้ปลายจมูกรั้นๆกับไหล่ขวาถูกไอร้อนโลมเลียน่ารำคาญ แต่สิ่งที่สะท้อนอยู่บนนัยตานั้นน่ารำคาญยิ่งกว่า
แอสการ์ดสีทองอันไพศาล
เขาเกลียดเจ้าก้อนสีทองที่แสร้งทำสงบเสงี่ยมนี่เต็มทน ความสงบสุขอันน่าหัวร่อที่กันให้ตัวตนของเทพแห่งการหลอกลวงอย่างโลกิเป็นส่วนเกิน
ทั้งที่ทุกคนก็หลอกตัวเอง หลอกลวงคนอื่นด้วยกันทั้งนั้น
โอดินที่แสร้งทำตัวยิ่งใหญ่อยู่บนบันลังก์
ท่านแม่ที่แสร้ง...ทำเป็นรักเขา
เจ้าพี่ชายงี่เง่าที่แสร้งเป็นคนดีวิ่งโล่ปกป้องเขาไปทั่วทั้ง9โลก
เจ้าคนงี่เง่าที่ดีแต่ข่มเหงข้า..
โลกินึกเย้ยหยันแอสการ์ดที่เขาเกลียดแสนเกลียด แต่แล้วกลับเห็นเงาของตนสะท้อนอยู่บนกระจกใสตรงหน้า คิ้วเรียวขมวดมุ่น แววตามรกตเข้มรีบเมินหนี..เขาก้มหน้าลงครุ่นคิด
แต่ก่อนจะเรียบเรียงสิ่งใดในหัวที่ว้าวุ่นนั้นได้ สัมผัสของผืนผ้าและฝ่ามืออุ่นๆก็ปรากฏขึ้นบนไหล่ลาด
โลกิสะดุ้งแล้วหันมาพบบุคคลที่ทำเอาหัวใจบีบแน่น
“ท่าน..”
“ถ้าเจ้าเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้เดี๋ยวจะจับไข้เอา…แม่เป็นห่วงเจ้า โลกิ..”
“ไม่…” โลกิเบือนหน้าหนีสายตา สองมือกำชุดคลุมบนไหล่เข้าห่อตัว “ข้ารู้ว่าท่านจะพูดสิ่งใด…ไม่” พูดพลางเดินอ้อมหลังฟริกก้าไปอีกฝั่งของเตียงสี่เสาที่ตั้งอยู่กลางห้อง
เขาหยุดเท้าก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องด้านใน หันกลับมามองหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของเด็กกำพร้าต่างเผ่าพันธุ์เช่นเขา
มารดาแค่เพียงในนามเท่านั้น
ฟริกก้านิ่งมอง รอคำจากปากลูกชายคนเล็กของเธอด้วยใจกังวล…
“ข้าแต่งตัวเสร็จจะลงไปร่วมโต๊ะด้วย ท่านไม่ต้องห่วง” พูดจบก็หันหลังเดินหายเข้าไป
นายหญิงแห่งแอสการ์ดได้แต่ถอดถอนใจ
“โลกิ ได้โปรดเถอะ…”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in