สวัสดีค่า ก่อนจะเข้าเนื้อความหลัก เราก็มีธรรมเนียมของตัวเองในการทักทายหรือเล่าท้าวความอีกนั่นแหละ ฮ่าๆ หวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อกันนะฮะ ประเด็นที่จะมาเขียนวันนี้คือการท่องเที่ยวหรือการเทคเวเคชั่นไปเที่ยวของออแพร์ว่าไปที่ไหนได้บ้าง แล้วต้องทำยังไง ตัวเราเองไม่เคยออกนอกประเทศนะคะ เที่ยวแต่ในประเทศและเกาะในแคริบเบียนกับโฮสต์เท่านั้น แต่เราจะพยายามรวบรวมข้อมูลและเขียนออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ฝากด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มกันเลยเนอะ :)
ออแพร์อเมริกาเที่ยวไหนได้บ้าง?
เราขออนุญาตแบ่งออแพร์เป็น 2 ประเภทก่อนนะคะ จะได้อธิบายได้ให้เข้าใจง่ายที่สุด ซึ่งมีประเภทตามนี้เลยค่ะ
1) ออแพร์ปีแรก : อันนี้หลายๆคนน่าจะรู้ว่ามันน่าจะง่ายที่สุดในการท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะว่าตัววีซ่าเข้าอเมริกาของออแพร์ยัง validated อยู่ นั่นก็คือจะไปเที่ยวที่ไหนในโลกนี้ก็ได้ค่ะ ทั้งในประเทศและนอกประเทศเลยนะคะ แต่ก่อนจะออกเดินทาง เราก็มีข้อแนะนำเล็กน้อยมาให้เช็กค่ะ ยังไงก็เช็กดูก่อนที่จะออกเดินทางนะ ไม่งั้นอาจจะเที่ยวไม่สนุกเอาเพราะอาจโดนส่งกลับก็เป็นได้ เช็กลิสต์ตามด้านล่างนี้เลยนะคะ
- ให้เช็กดูตัว entry ด้วยว่าเป็น M (multiple) มั้ย ถ้าใช่ก็คือเข้าออกกี่ครั้งก็ได้ค่ะ ไม่จำกัด
- ให้เช็กจำนวนเดือนที่เหลือของวีซ่าในช่วงที่จะเดินทางไปยังประเทศนั้นๆด้วย ต้องมีเวลาเหลือมากกว่า 6 เดือนก่อนเดินทางกลับเข้าอเมริกานะคะ ถ้าน้อยกว่านี้คือไม่ได้ค่ะ เพื่อนเราเคยโดนส่งกลับมาแล้วค่ะ ยังไม่เหยียบเข้าประเทศเขาเลย เพราะวีซ่าเหลือน้อยกว่า 6 เดือน ยังดีที่โดนส่งกลับมาที่อเมริกา ยกเว้นประเทศไทย เราคิดว่าถ้าจะเทคเวเคชั่นกลับไทย อย่างน้อยขอให้เหลือวีซ่า 2-3 เดือนเป็นอย่างต่ำน่าจะดีค่ะ อีกอันที่น่าจะยกเว้นได้คือแคนาดา, เม็กซิโกและหมู่เกาะแถบแคริบเบียนค่ะ เดี๋ยวเราอธิบายข้อนี้ชัดๆอีกทีในส่วนของออแพร์ปีสองนะคะ
- อาจจะต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวไปในประเทศนั้นๆนะคะ ต้องเช็กดูว่าพาสปอร์ตเราไปไหนโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้บ้าง แต่ไปได้แน่ๆในปีแรกโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าเลยก็คือประเทศเม็กซิโกค่ะ แต่แคนาดาต้องใช้นะคะ เหมือนมีข้อถกเถียงกันสักพักว่าประเทศแคนาดาเนี่ย ไปได้เลยไม่ใช่เหรอ แต่ว่าเราเข้าไปเช็กกับเว็บ embassy ของแคนาดาแล้ว สรุปว่าขอวีซ่าไปดีกว่านะคะ เพื่อไม่ให้เกิดอะไรขึ้นค่ะ
คลิก ทางฝั่งยุโรปเอง เราก็ต้องขอวีซ่าเชงเก้นไปนะคะ ส่วนประเทศอื่นๆลองใช้เว็บนี้เช็กดูนะ
คลิก - เช็ก DS-2019 ด้วยนะคะ ต้องดูวันหมดอายุของเรา แล้วก็ถ้าต้องการกลับเข้ามาในอเมริกาต้องมีลายเซ็นสำหรับ travel validation section ด้วย เราเห็นเพื่อนๆที่ไปเที่ยวนอกประเทศช่วงนี้ส่งมาถามเราหลายคน เราก็บอกไม่ถูกว่ามันต้องมีมั้ย แต่ว่ามีไว้เพื่ออุ่นใจก็ดีค่ะ ถ้าไม่มีก็คุยกับ Area Director (หรือ LCC ของเอเจ้นอื่นๆ) ดูนะคะว่าต้องส่งไปไหน ให้ใครเซ็นอะไรยังไงค่ะ
ช่องที่แสดงว่าเราอยู่ได้ถึงวันไหนในอเมริกาค่ะ
ส่วนอันนี้คือช่อง travel validation section ค่ะ ต้องมีลายเซ็นนะคะ (ที่มา คลิก)
ข้อมูลสำคัญที่ต้องเช็กก่อนเดินทางออกนอกประเทศก็มีประมาณนี้ค่ะ ส่วนข้อด้านล่างนี้คือข้อปฏบัติที่เราอยากให้ดูไว้ด้วยนะคะ จะได้ไม่ทำผิดกฎและจะได้ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกคนจะได้เที่ยวอย่างสนุกๆน้า ตามด้านล่างนี้เลยนะคะ
- เวลาไปเที่ยวนอกประเทศ ให้เตรียมเอกสารทั้ง DS-2019, I-94 และพาสปอร์ตที่มีวีซ่าไปให้เรียบร้อยนะคะ โดยเฉพาะ DS-2019 และพาสปอร์ตคือสำคัญมากๆ (DS ให้พกตัวจริงไปนะคะ) ส่วน I-94 ของเราตอนไปแคริบเบียนไม่ถามและไม่ดูเลยค่ะ แต่พกไว้ให้อุ่นใจได้นะคะ เข้าไปพิมพ์เอกสารได้จากที่นี่เลยค่ะ
คลิก - ห้ามอยู่นอกประเทศนานเกิน 30 วันนะคะ ถ้าไม่กลับเข้าอเมริกาภายใน 30 วันก็คือโดนยกเลิกวีซ่าและจะไม่สามารถกลับเข้าอเมริกาได้ค่ะ
- อันนี้ก็ให้ระวังนะคะ คือการดื่มแล้วขับ เพราะมันถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมได้เลย ถ้าดื่มไม่ควรขับรถ เรียกอูเบอร์เอาดีกว่านะคะ ไม่งั้นก็จะโดนยกเลิกวีซ่าแน่นอนค่ะ ให้ระวังกันไว้ด้วยน้า
2) ออแพร์ปีสอง : จริงๆอันนี้แบ่งเป็น 2 กรณีย่อยได้อีกแหละค่ะ แต่เราจะพูดถึงแค่กรณีที่เป็นกรณีสำหรับคนส่วนใหญ่มากกว่านะคะ ขอให้ข้อมูลทั้ง 2 กรณีตามนี้เลยค่ะ
+ กรณีที่ 1 เป็นออแพร์ปีสองแต่ renew visa แล้ว : ทุกอย่างจะเป็นเหมือนออแพร์ปีแรกเลยค่ะ เที่ยวไหนก็ได้ แต่การรีนิววีซ่าคือเราต้องกลับไปทำที่ประเทศไทยเท่านั้นและโอกาสผ่านวีซ่าตอนนี้เราก็ขอบอกว่า 50-50 แล้วกัน ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าวีซ่าเราจะผ่านแน่ๆ ถ้าใครคิดจะกลับไปไทยและรีนิววีซ่าเพื่อกลับมาที่อเมริกาอีกครั้ง ลองชั่งน้ำหนักดูดีๆนะคะ ตอนนี้คิวจองสัมภาษณ์วีซ่าก็ยาวไปปีหน้าแล้วด้วยค่ะ
เราจะไม่พูดอะไรมากเกี่ยวกับกรณีนี้นะคะ เพราะส่วนใหญ่ออแพร์ปีสองจะไม่กลับไทยกันค่ะ หนึ่งก็เพราะไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะผ่านแน่นอน แถมตอนนี้ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าคิวยาวและผ่านยากมากๆ เราเลยขอพูดแค่นี้แล้วกันเนอะ ไปดูกรณีต่อไปกันเลยดีกว่าค่า
+ กรณีที่ 2 เป็นออแพร์ปีสองและไม่ได้กลับไทยไปรีนิววีซ่า : แน่นอนว่ามีข้อจำกัดเยอะมากขึ้น เที่ยวต่างประเทศไม่ได้มากเท่าออแพร์ปีแรก แต่ก็ยังสามารถเที่ยวได้ แถมเอ็นจอยการเที่ยวในอเมริกาทั้ง 50 รัฐแน่นอนค่ะ เรามาเริ่ม dig in กันเลยเนอะว่าออแพร์ปีสองเที่ยวที่ไหนได้บ้าง
- ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา : จริงๆเราควรเขียนถึงตั้งแต่ส่วนของออแพร์ปีแรก แต่ว่าเรารีเลทกับออแพร์ปีสองมากกว่าปีแรก เพราะถ้าใครตามไอจีเราอยู่จะรู้ว่าเราเที่ยวแหลกมากตั้งแต่เข้าปีที่สองมายันปีที่สาม แต่ปีที่สามนี่ไปสุดนะ ฮ่าๆ การเที่ยวในประเทศคือสนุกมากสำหรับเรา เพราะเราชอบเดินป่าเดินเขา เราชอบไปเที่ยว national parks ต่างๆค่ะ แถมการเดินทางก็ง่าย ไม่ต้องขออะไรเลย แม้กระทั่งการพกพาสปอร์ตก็แทบจะไม่จำเป็น (แต่ถ้าอยากอุ่นใจก็พกได้) ตอนนี้คือเรายังสามารถใช้ใบขับขี่ในการขึ้นเครื่องได้อยู่ ถึงแม้จะไม่ใช่แบบ real ID นะคะ แต่ตั้งแต่ 3 พฤษภาคม 2023 เป็นต้นไป จะไม่อนุญาตให้ใช้แค่ใบขับขี่แล้ว ต้องใช้ใบขับขี่ที่มีดาวบนบัตรด้วย (มันคือเรียลไอดีนั่นเอง) หรือเรียลไอดีในการขึ้นเครื่องเท่านั้นค่ะ คือหลายๆรัฐก็ให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศแม้จะไม่ใช่พลเมือง (permanent resident หรือ citizen) สามารถทำเรียลไอดีได้ ซึ่งสามารถทำได้ DMV ในรัฐนั้นๆที่เพื่อนๆอาศัยอยู่เลยนะคะ แต่ต้องดูดีๆนะว่า eligible มั้ย เพราะของเราก็ไม่ใช่เรียลไอดี ยังไม่เคยทำค่า ที่เคยเห็นมีคนมารีวิวคือรัฐนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียนะคะ ยังไงลองถามเจ้าหน้าที่ดูอีกทีค่ะ
-
นอกประเทศสหรัฐอเมริกา : ออแพร์ปีสองสามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ในประเทศแคนาดา, เม็กซิโกและหมู่เกาะในแคริบเบียนเท่านั้นค่ะ ดูรายชื่อประเทศในหมู่เกาะแถบแคริบเบียนได้ตามนี้เลยนะคะ
คลิก (แหล่งอ้างอิงที่เราหามา เขาบอกว่าไปได้หมดยกเว้นคิวบา แต่ยังไงลองเช็กกับเว็บไซต์ทุกๆประเทศดูอีกทีนะคะ) มีหมายเหตุตัวโตๆให้อ่านนิดนึงนะคะ ถ้าจะไปแคนาดาต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวด้วยน้า ซึ่งสามารถขอออนไลน์ได้เลยค่ะ
คลิก ค่าบริการทั้งหมดจะประมาณ 180$ ไม่รวมค่าส่งเอกสารนะ 100$ คือค่าขอวีซ่าออนไลน์ ส่วนอีก 80$ คือค่าไปพิมพ์ลายนิ้วมือค่ะ ถ้าจะออกไปแคนาดาช่วงนี้แนะนำให้ขอวีซ่าไว้ 1-2 เดือนเป็นอย่างต่ำก่อนจะบินไปเที่ยวนะคะ (หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะได้ยินว่าช่วงนี้ใช้เวลานานมากๆ) แนะนำว่าให้จองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมเป็นแบบ free cancellation ไว้ก่อน เผื่อวีซ่าออกไม่ทันนะคะ จะไม่ได้ต้องเสียเงินฟรี ส่วนเม็กซิโก ถ้ามีวีซ่าแคนาดาแล้วไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าอีกค่ะ แต่ถ้าอยากขอวีซ่าของเม็กซิโกเองก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ต้อง walk-in ไปขอเท่านั้น ไม่มีขอออนไลน์เหมือนแคนาดานะคะ สามารถดูตำแหน่งสถานฑูตใกล้บ้านได้จากที่นี่เลยนะคะ
คลิก ส่วนการขอ เราไม่แน่ใจนะ เพราะยังไม่เคยทำ แต่มีพี่เราที่เขาขอวีซ่าแคนาดาแล้วไปเม็กซิโก คือไปได้ปกติค่ะ ยังไงถ้าจะขอวีซ่าเม็กซิโกโดยตรง ลองหาข้อมูลดูจากตรงนี้แล้วกันนะคะ
คลิก
อีกอันที่เราจะเสริมคือเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวกับโฮสต์ที่ St. John มาค่ะ ซึ่งเป็นหมู่เกาะในแถบแคริบเบียน แต่เป็นเกาะ USVI คือยังเป็นเกาะที่เป็นสมบัติของสหรัฐอเมริกา ที่แน่ๆเราก็พกเอกสารทั้ง DS-2019, I-94 และพาสปอร์ตไปด้วย ตอนขาออกจากอเมริกาก็มีต้องลงทะเบียนว่าเราจะเข้า St. John นะ โดยที่เขารีเควสว่าเราจะต้อง fully vacinated และต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบใน 72 ชั่วโมงค่ะ ต้องอัปโหลดเอกสารทั้ง 2 ในเว็บไซต์เพื่อให้เขาตรวจสอบนะคะ แต่ใช้เวลาไม่นานค่ะ 10 นาที ก็ approved แล้ว เรากับโฮสต์ไม่รู้มาก่อน เลยไปกรอกกันหน้าเกทเลยค่ะ ฮ่าๆ ส่วนขากลับ TSA ขอดู DS-2019 ของเราค่ะ ใช้เวลานิดนึงประมาณ 2-3 นาทีในการพูดคุย แล้วเขาก็ให้เรากลับเข้ามาปกติค่ะ นั่นหมายความว่า DS สำคัญมาก อย่าลืมพกไปนะคะ สำหรับใครจะไปเที่ยวที่ไหนที่ไม่ใช่ภายในสหรัฐอเมริกา (ที่เป็นส่วน land นะคะ ยกเว้น Alaska, Hawaii ที่ตอนนี้ไม่มีข้อจำกัดอะไรแล้ว ไปได้ปกติเหมือนรัฐอื่นๆเลยค่ะ) ต้องตรวจสอบกับเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของประเทศนั้นๆดีๆนะคะ จะได้ไม่ผิดพลาดอะไรค่ะ และถ้าใครจะไป USVI แล้วอยากสอบถามอะไรเรา ก็สามารถทักมาได้ทางทวิตเตอร์เหมือนเดิมน้า
สำหรับออแพร์ปีสองก็จะประมาณนี้ค่ะ ใดๆก็ตามเรื่องเอกสารจะยังเหมือนออแพร์ปีแรกนะคะ ต้องพก DS-2019, I-94 และพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ จะได้กลับเข้าอเมริกาได้อย่างปลอดภัยและสบายๆนะคะ เดี๋ยวก่อน... ทุกคนอาจจะคิดว่ามันหมดแล้ว แต่ยังค่ะ เหลืออีกข้อสุดท้ายที่เราจะเขียนถึง นั่นก็คือ grace period สำหรับออแพร์ที่กำลังจะจบโครงการนะคะ ไม่ว่าจะเป็นออแพร์ปีแรกที่ไม่ต่อปีสองและออแพร์ปีสองที่จะจบโครงการ (ซึ่งไม่สามารถขยายระยะเวลาอยู่ต่อในฐานะออแพร์ได้แล้ว) เดี๋ยวเรามาเขียนถึงคร่าวๆให้แล้วกันนะคะ :)
Grace Period
สำหรับ grace period พูดง่ายๆก็คือช่วงเวลาดีๆที่ทางสหรัฐอเมริกาขยายเวลาให้ตัวออแพร์ (ผู้ที่ถือวีซ่า J-1) สามารถท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีก 30 วันหลังจากวันสุดท้ายที่แสดงใน DS หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนะคะ มีข้อจำกัดคือเที่ยวได้แค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ไม่สามารถเที่ยวนอกประเทศได้และหลังจากที่ครบกำหนดต้องบินกลับประเทศต้นกำเนิดของตนค่ะ
เอาจริงๆนะ คือมันมีหลายประเด็นถกเถียงกันมามากว่าสามารถให้เอเจนซี่จองตั๋วต่างรัฐในการกลับประเทศไทยได้มั้ย ของเราที่มากับ AuPairCare จะบอกว่าได้ค่ะ คือพี่เราเป็นออแพร์อยู่จอร์เจีย แต่ว่าให้เอเจ้นจองตั๋วกลับให้ที่นิวยอร์ก เพราะกะจะมาเที่ยว คือทำได้นะคะ ไม่ได้เสียค่าส่วนต่างอะไรเพิ่มเติม แต่มีคนมาแชร์ว่าของ CC ทำไม่ได้ ต้องขึ้นกลับจากรัฐที่ตนอยู่เท่านั้น ยังไงก็ลองถามกับคนดูแลเอานะคะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันทำได้ทุกเอเจ้นมั้ย ฮ่าๆ
สุดท้ายแล้ว มีคนถามอีกแหละว่าถ้าไม่กลับได้มั้ย ได้ค่ะ... ก็ทำเรื่องเปลี่ยนสถานะที่นี่ไปเลย แล้วพอจบโครงการก็ออก แจ้งเอเจ้นไว้ก่อนว่าจะอยู่ จริงๆเขาก็พอรู้กันแหละว่าตามกฎนั้นเราต้องกลับไปพำนักที่ไทยเป็นระยะเวลา 2 ปีก่อนจะกลับเข้ามาใหม่ได้ แต่ถึงแจ้งคนดูแลไป คนดูแลก็ไม่ได้อะไรค่ะ เพราะมันก็ชีวิตของเรา เราไม่เบลมใครเลยนะ เพราะรู้ว่าทุกคนก็ต้องการชีวิตที่ดีเนอะ ในท้ายที่สุดไม่ว่าจะเลือกทางไหน เราก็ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขกับทางที่เลือกนะคะ ส่วนตัวเราขอกลับไปหาแม่กับน้องก่อน ฮ่าๆ คิดถึงบ้านไม่ไหวแล้วจ้า T_T
ก่อนจากกันวันนี้ เราก็ได้แต่หวังว่าบล็อกของเราจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้ใครก็ตามที่หาข้อมูลในการท่องเที่ยวอยู่ในช่วงนี้นะคะ enjoy your vacation and have a safe trip นะคะ ไว้เจอกันในอีพีต่อไปค่า :)
ข้อมูลอ้างอิงในอีพีนี้
- AuPairCare (คลิก , คลิก)
- Au Pair in America (คลิก)
ติดต่อเราเพิ่มเติมได้ที่ (คลิกที่ตัวอักษรเหลืองได้เลยนะคะ)
- ทวิตเตอร์ คลิก
- อินสตาแกรม (ส่วนตัว, สาธารณะ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in