เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Our Fault #บาปของชกฟxpopularz
INTRO "ความรักไม่ผิด"
  • เสียงเปียโนของหนึ่งจักรวาลกำลังบรรเลงไปตามตัวโน้ต นักดนตรีมากหน้าหลายตาต่างกำลังจดจ้องกับหน้าที่ของตนเอง รวมถึงสองนักร้องที่ยืนอยู่บนเวทีในรายการชื่อดังในปีพุทธศักราชนี้ หน้ากากอีกาดำและหน้ากากทุเรียนที่สร้างกระแสรายการจนทำให้เรตติ้งของช่องขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากและชุดที่เป็นสีดำทมิฬกำลังโยกตัวไปตามจังหวะ โดยมีหน้ากากทุเรียนเป็นคู่ร้องในค่ำคืนนี้ยืนนิ่งๆอยู่ด้านข้าง เจ้าตัวนิ่งสนิทมีสมาธิที่แน่วแน่จนคนข้างๆอดชื่นชมไม่ได้ แต่เมื่อถึงท่อนที่ต้องร้องคนข้างๆกลับยืนนิ่งไม่แม้แต่จะยกไมค์ขึ้นมาด้วยซ้ำ
               
    เด็กนี่หลับในอีกแล้วเหรอ...

    "หน้ากากทุเรียน ตาคุณร้องแล้ว"

    เสียงคนที่เป็นถึงครูของคนในวงการนักร้องอย่างจักรวาลเอ็ดอย่างไม่จริงจังดังใส่ไมค์จนเจ้าของชื่อหน้ากากสะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนจะแล้วรีบก้มตัวโค้งแทบติดพื้นเป็นการขอโทษทุกๆคน ส่วนเขาได้แต่ยิ้มขำภายใต้หน้ากาก มองดูอีกฝ่ายที่ดูรู้สึกผิดแม้จะไม่เห็นหน้าก็ตาม

    "งานยุ่งนิช่วงนี้"จักรวาลพูดขึ้นอย่างแซวๆ

    ความน่ารักแบบเด๋อๆของหน้ากากทุเรียนทำเอาให้คนที่เก็บความลับเก่งๆอย่างหน้ากากอีกาดำเผลอหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงของคนข้างๆ เจ้าตัวเดินมาตีเเขนเป็นการเอาคืน และเพราะตามสัญญาพวกเขาไม่มีสิทธิ์พูด แต่เพราะเหตุนั้นท่าทางของหน้ากากทุเรียนก็ดูจะกวนมากกว่าตอนพูดสักอีก เจ้าตัวผายมือออกแล้วโยกตัวไปมาใส่บุคคลที่ผู้คนนับถือเป็นครู 

    การซ้อมร้องเพลงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพวกเขาสองคนต้องขึ้นแสดงจริงแล้ว แม้คู่ร้องอย่างหน้ากากทุเรียนออกจะอึนๆมึนๆและดูเหนื่อยตลอดเวลาก็ตามแต่ในวันนี้ก็คือวันตัดสิน 

    รายการนี้ทำให้ได้เจอคนที่มีความสามารถมากมาย จนปลุกไฟที่กำลังมอดลงไปให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งแต่ที่สำคัญที่สุดคือคนข้างๆที่อยู่ภายใต้หน้ากากหนามสีเขียว เป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่นเมื่อได้ฟังเสียงร้องในทุกๆครั้ง

    เมื่อซ้อมเสร็จทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันไปห้องแต่งตัวของตัวเอง ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากอีกาดำรู้อยู่แล้วว่าคืนนี้ใครจะชนะ กระแสในโซเชียลทายว่าคู่แข่งในค่ำคืนเป็นคนที่เขารู้จักมานานและสนิทมากๆซะด้วย แต่ที่จริงคือเขาเดาออกตั้งแต่ฟังเสียงในเทปแรกที่หน้ากากทุเรียนได้ออกสู่สาธารณะชน

    เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ยอมแพ้เพื่อจะมาถึงรอบนี้ 

    เรื่องที่ค้างคาในใจมากมายที่ติดค้างมานานหลายปีและน่าแปลกที่ในวันนี้เขาต้องการที่จะพูด เมื่อตัดสินใจได้ก็คว้าหน้ากากขึ้นมาสวมและเดินตรงไปยังประตูุแต่เมื่อเปิดประตูออกกลับเจอคนที่กำลังอยากเจอที่สุดพอดี

    หน้ากากทุเรียนที่กำลังยกมือจะเคาะประตูแอบผงะไปจนดูตลกในสายตาเจ้าของห้อง เสียงขำในลำคอดังออกมาโดยคนโดนหัวเราะเก็บมือลงแทบไม่ทัน หน้ากากอีกาดำคว้าแขนของอีกฝ่ายก่อนจะดึงเข้ามาในห้องพักของตัวเองเพราะกลัวจะมีใครผ่านมาเห็น

    "...."

    ความนิ่งเงียบปกคลุมไปทั้งห้อง ความอึดอัดจนน่ารำคาญทำให้คนอาวุโสกว่าต้องเป็นฝ่ายเปิดปากพูดออกมาก่อน

    "มีอะไรหรือเปล่าครับ"แม้ต่างคนต่างจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่หน้ากากอีกาดำยังคงคีพลุคและดัดเสียงแหบดังเดิม

    "...มีฮะ"หน้ากากทุเรียนเดินผ่านเจ้าของห้องตรงไปนั่งโซฟาโดยทิ้งให้เจ้าของห้องยืนท่ามือไขว่หลังที่เป็นท่าประจำ 
              
    พอได้นั่งก็ทำท่าบิดขี้เกียจมองสำรวจนู่นนี่ทั้งๆที่ห้องนี้ก็เหมือนกับห้องของตัวเองโดยมีอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งจ้องมาอย่างหาเรื่อง เจ้าตัวเขียวเกาหัวเเกรกๆหันหน้ากากที่หน้าเด๋อๆอึนๆไปทางอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ยอมพูดทำแบบนั้นอยู่เกือบนาที

    "แล้วสรุปมีเรื่องอะไร?"

    "คือ.."

    ท่าทางเลิ่กลักเแต่ไม่นานก็นิ่งไปก่อนที่มือขาวที่สวมถุงมือหนามสีเขียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท ควักขนนกสีดำที่น่าจะหลุดออกมาจากชุดของหน้ากากอีกาดำยื่นให้เขา

    "ผมเอามาคืน"

    เจ้าตัวว่าด้วยเสียงงุ้งงิ้ง เขามองสลับขนนกกับหน้ากากทุเรียนงงๆ ไม่ยื่นมือไปรับคืนจนอีกฝ่ายตัดรำคาญโดยการลุกเดินมาจับมือเขาแล้วยัดขนนกนั่นใส่มือ หน้ากากอีกาดำมองขนนกในมือสลับกับหน้ากากทุเรียนที่กำลังจ้องขนในมือเขา แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ความรู้สึกเสียดายขนนกนี่ก็ลอยออกมาจนรู้สึกได้

    "ทำไมไม่คืนให้ตั้งแต่คืนก่อนที่ไปกินหมูกะทะด้วยกันล่ะ"

    "พูดเรื่องอะไร"เสียงแห้วใสเถียงทันทีที่จบประโยคก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อ คนตรงหน้าหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อนึกถึงสีหน้าภายใต้หน้ากากหนามเขียวนี่

    หลังจากแกล้งอีกฝ่ายสำเร็จ คนอายุมากกว่ากระแอมไอกลับมาคีพลุคดังเดิมพร้อมกับยื่นขนนกไปยังคนตรงหน้าที่น่าจะกำลังรู้สึกอับอายอยู่ 

    "ถ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ"น้ำเสียงแหบๆดังขึ้นเรียกสติอีกฝ่ายให้กลับมา 

    "เปล่าสักหน่อย"หน้ากากทุเรียนถอยหลังออกแล้วมองไปทางอื่นแทน แต่เจ้าของขนนกก็ยังยืนยันยื่นขนนกไปที่หน้าอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวหนามเขียวก็ยังคงหันหน้าหนีอีกเป็นอย่างนี้อยู่หลายนาทีจนหน้ากากทุเรียนทนไม่ไหวหยิบขนนกกลับไปใส่ในกระเป๋าเสื้อตัวเองเหมือนเดิม

    "ก็แค่นั้น"

    "แข่งเสร็จแล้วผมจะคืนให้พี่ละกัน"น้ำเสียงติดโมโหนิดๆสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องเฉยเลย

    ว่าแต่ถ่อมาถึงห้องเพื่อคืนขนให้แค่นั้นอ่ะนะ?

    เจ้าของห้องยืนมองประตูที่เพิ่งถูุกปิดนิ่งคิดเรื่องของฝ่ายที่เดินหนีออกไปเมื่อสักครู่ แต่ราวกับส่งความรู้สึกถึงกันได้เพราะเจ้าตัวเขียวมีหนามเดินกลับมาเปิดประตูยื่นหน้าเข้ามาหาอีกครั้ง

    "ถ้าได้ถอดหน้ากากกันแล้ว ไปกินหมูกระทะกันอีกนะครับ"




    one week later..
    "หน้ากากทุเรียน เชิญถอดหน้ากากครับ!"

    เสียงกันต์พิธีกรหนุ่มหล่อว่าด้วยเสียงเร้าอารมณ์คนดู วินาทีนี้แม้จะรู้ว่าภายใต้หน้ากากหนามแหลมนั่นเป็นใครแต่ก็อดไม่ได้ที่จิรากรจะตื่นเต้นกับการถอดหน้ากากแชมป์ในตอนนี้ ร่างเล็กในชุดหนาบิดตัวตามจังหวะรอเปิดหน้ากาก วินาทีที่ทุกคนรอคอยใกล้มาถึงเต็มทีได้มาถึงเมื่อพิธีกรหนุ่มหล่อพูดผ่านไมค์ให้เขาถอดหน้ากากได้

    "ทอม room39!!!"

    เมื่อการถ่ายทำสิ้นสุดลงเหล่าคณะกรรมการและนักร้องท่านอื่นๆเดินเข้ามาชื่นชมและขอถ่ายรูปคู่อย่างคับคั่ง แต่มีเพียงคนเดียวที่แค่ยืนมองเขาในวงนอก เมื่อทั้งคู่ได้สบสายตากันคนแก่กว่าพยักหน้าและยิ้มให้เพื่อแสดงความยินดี ยังไม่ทันที่อิศราจะพูดอะไรอีกฝ่ายก็เดินจากไปกับครอบครัวเสียแล้ว และเพราะมีงานแสดงต่อทำให้คนเป็นแชมป์ต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า 

    ก่อนจะได้ถอดหน้ากาก อิศราก็ยังคงต้องอยู่ในห้องพักส่วนตัวโดยที่นักร้องท่านอื่นๆที่มาร่วมแสดงในค่ำคืนนี้อยู่อีกห้องนึงที่เป็นห้องรวม ตัวเขาอยากจะไปพูดคุยกับคนอื่นๆแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่นั่งเหงาอยู่ในห้องเพียงคนเดียวเพราะภรรยาของเขาในวันนี้ไม่ได้มาด้วย

    "จะสายไหมเนี่ย"อิศราบ่นอุบอิบกับตัวเองเพราะเขาต้องขึ้นร้องเพลงตอนห้าทุ่มและตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มได้แล้วแต่ยัังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย

    อิศราถอดเสื้อตัวนอกขนาดใหญ่ที่มีหนามประดับอยู่ตั้งแต่ทางเดิน แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะด้วยความตกใจเพราะใครบางคนที่กำลังนั่งรอเขาอยู่

    "พี่เอ๊ะ?"

    คนหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะอีกฝ่ายสวมชุดพร้อมหน้ากากอย่างเต็มยศ หน้ากากอีกาดำยกนิ้วแตะริมฝีปากและส่งเสียจิ๊จ๊ะใส่เขาและชี้มาที่หน้ากากทุเรียนที่เขาถืออยู่

    "ใส่ได้ไหม ถ่ายรูปกัน"เสียงแหบสากพูดออกมานิ่งๆแต่สัมผัสได้ถึงการอ้อนวอน อิศราเกาหัวอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย

    "ได้ดิพี่"อิศราว่าด้วยสีหน้ายิ้มๆยกหน้ากากขึ้นมาสวมดังเดิม

    "พี่จะถ่ายเซลฟี่เหรอ ไม่เห็นมีใครให้ถ่ายเลย"หน้ากากทุเรียนมองซ้ายขวามองหาบุคคลที่สาม แต่ก็ว่างเปล่า เจ้าตัวเลยเอียงคอมองอีกฝ่ายงงหนักกว่าเดิม เพราะพี่เขาไม่ยอมตอบอะไรเลย

    "ทุเรียนครับ..."เสียงแหบสากเปร่งออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าแปลกๆ มือเรียวยาวคว้ามือบางไปกุมพร้อมก้มลงมองมือไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากับเด็กตรงหน้า
     
    "พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?"

    "คำพูดที่บอกว่าเราปิดอีกอย่างเพื่อเปิดอีกอย่าง นายกล้าทำ กล้าลองในสิ่งที่ท้าทาย นายสุดยอด ร้องดีมากจริงๆ รู้ว่าเหนื่อยที่ต้องร้องเพลงหลายเพลง แต่ก็ยังสู้"

    หน้ากากอีกาดำกุมมืออีกฝ่ายแน่นเพื่อให้กำลังใจรุ่นน้อง และเพื่อย้ำเตือนความรู้สึกตัวเอง

    "พี่เอ๊ะ...?" 

    "ตอนนี้เป็นอีกาดำ"

    "พี่จะเล่นไรเนี่ย"

    หลังจากนิ่งคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว หน้ากากอีกาดำสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความกล้าของตัวเองออกมา ไม่ได้อยากทำลายความสัมพันธ์ที่เฝ้าอดทนมาแต่แค่วันนี้ที่เขาแค่อยากบอกความรู้สึกที่มีออกไปเท่านั้น     

    "พี่ชอบทุเรียน.."

    ไม่ทันพูดจบประตูห้องถูกเปิดออกมาโดยสตาฟของรายการ มือที่กุมอีกฝ่ายไว้ปล่อยอย่างรวดเร็ว แล้วเปลี่ยนไปไขว่หลังเช่นเดิม 

    "อ้าว ผมนึกว่าพี่ออกไปแล้ว จะมาเอาชุดน่ะครับ"

    "อ่อ.. ขอโทษทีฮะพอดีถ่ายรูปอยู่ เดี๋ยวจะรีบเปลี่ยนชุดให้นะครับ"สตาฟพยักหน้าก่อนจะปิดประตูจากไป หน้ากากทุเรียนหันกลับไปมองคนตรงหน้าเพื่อรอฟังคำพูดจากอีกฝ่ายที่กำลังจะพูดเมื่อสักครู่ให้จบ

    "เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะฮะ?"

    คนตัวสูงด้วยส้นรองเท้าถอนหายใจอย่างขำๆ ได้แต่คิดว่าสวรรค์ไม่อยากให้เขาทำบาปจนส่งมารมาขัดจังหวะ

    "กูชอบที่มึงร้องวันนี้"คนแก่กว่ายกมือขึ้นมาตบบ่าอีกฝ่ายเพื่อให้กำลังใจ "มีงานต่อไม่ใช่หรอ กูไม่กวนมึงแล้ว"

    "อ้าว พี่ไม่ถ่ายรูปก่อนหรอ"

    คนใต้หน้ากากอีกาดำชะงักลืมข้ออ้างเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถือโอกาสโอบไหล่ร่างเล็กมาถ่ายรูปคู่ด้วย เจ้าตัวเขียวชูสองนิ้วใส่กล้องอย่างตะมุตะมิเหมาะสมกับคำที่แฟนคลับบัญญัติให้
     
    "ไปก่อนนะ"

    หน้ากากอีกาดำกลับมาคีพลุคเหมือนเดิม ทำให้คนอายุน้อยกว่าภายใต้หน้ากากทุเรียนยิ้มขำกับท่าทางอีกฝ่ายคนเดียว เมื่อผู้มาเยือนเปิดประตูกำลังจะก้าวขาออกจากห้องด้วยท่าทางหงอยๆแปลกๆ พอดีกับที่อิศรานึกถึงคำพูดในตอนที่พูดไว้ก่อนแข่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้

    "อย่าลืมสัญญาที่เดี๋ยวว่างๆไปกินหมูกะทะกันนะพี่เอ๊ะ เอ้ย พี่กาดำ"
      
    อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าและชูมือสัญลักษณ์โอเคใส่และเดินออกจากห้องไป โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าภายใต้หน้ากากอีกาดำนั้นเผยรอยยิ้มกว้างดีใจมากขนาดไหน




    TBC
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in