เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิตนิสิตอักษรจุฬาแบบยำ ๆอะระฌิ
เทอม 1: Chula Arts Online
  • ก่อนจะเปิดเทอม

              เล่าตั้งแต่ประกาศผลมหาลัยเลยละกัน ก็ดีใจมากที่ติดอักษรหลังจากนั้นก็ไปหาช่องทางว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันรวมตัวที่ไหนเลยได้ไลน์กลุ่มมา ก่อนที่จะมี Openchat Official นี่แหละฮะยุคโควิดก็ต้องใช้โซเชี่ยลเป็นหลัก หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อน ส่วนมากก็ทำความรู้จักกับพวกจะเข้าเอกญี่ปุ่นเพราะตัวเราก็จะเข้าญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็มีเพื่อนใหม่ที่จะเข้าเอกอื่นด้วย เด็ก BALAC ก็มี ชีวิตประจำวันก่อนเปิดเทอมรุ่นออนไลน์ก็แซดนะ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมแบบที่รุ่นก่อนโควิดทำกัน จะมีก็รับน้องออนไลน์อะ แล้วก็มีไปฉีดวัคซีนกับเพื่อนในกลุ่ม555 มา ๆ ข้ามมารีวิววิชาเลยละกัน ช่วงนี้มันจะยังไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว

    รีวิววิชา

              สำหรับปี 1 อักษรก็จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เรียนวิชาบังคับโคตรเยอะ แล้วเรียนหลายสายด้วย คืองี้ จุดสำคัญของคณะอักษรที่ต่างกับมนุษย์และศิลปศาสตร์คือการที่เข้ามาแล้วยังไม่มีเอก ต้องมาเก็บเกรดให้ได้ตามเงื่อนไขก่อนแล้วจบปี 1 ค่อยเลือก ฉะนั้นบางคนอาจจะไม่เข้าอักษรด้วยเหตุผลนี้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เข้าเอกตามต้องการรึเปล่า ไม่เหมือนอีก 2 คณะที่เป็นสายเดียวกันแต่มีเอกตั้งแต่ปี 1 มันก็มีข้อดีนะ คือบางทีเราค้นหาตัวเองไม่ทัน ยังไม่รู้จะเรียนอะไรแต่รู้แน่ ๆ ว่าจะเรียนแนวนี้แหละ ก็เข้าอักษรมาก่อนแล้วดูว่าอยากเรียนอะไรเป็นเอก แต่ช้าก่อน มันก็ใช่ว่าจะเข้าได้ทุกเอกนะ ใครก็ตามที่สนใจจะเข้าอักษรควรดูหลักสูตรในเว็บนี้ด้วย บางเอกมี requirements ตั้งแต่ก่อนจะเข้าคณะมาเช่นผลคะแนนเป็นตัวเลข หรือระดับความรู้ นอกจากนี้ในปี 1 ก็ต้องลงวิชาตามที่เขาบอก แล้วทำเกรดให้ถึงเกณฑ์ด้วย
              เอาล่ะ เกริ่นมานานพอสมควร เข้าเรื่องรีวิว!

              English I
              -วิชาภาษาอังกฤษนั่นเอง บอกเลยว่าคณะอักษรเราจะต่างกับคณะอื่นในจุฬาตรงที่ได้เรียนวิชาอังกฤษเฉพาะของคณะ ไม่ได้เรียน Experiential English เหมือนทั่วมหาลัย สำหรับความยาก เราว่าคนที่แม่นไวยากรณ์ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเราก็ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนกัน ความโหดของมันคือเขียนพารากราฟและสอบกลางภาค ปลายภาคมากกว่า พารากราฟอะใช่ว่าจะเขียนอะไรไปก็ได้ ก่อนอื่นเลยก็ต้องให้ตรงกับที่เรียนมาว่ามีโครงสร้างยังไง ทำให้มันมีเอกภาพ ไม่นอกเรื่อง เราโดนเฉ่งเรื่องเขียนนอกเรื่องมาละ คะแนนส่วนมากไม่ว่าจะสอบรอบไหนเราได้กลาง ๆ ตลอดคะแนนไม่เคยเกิน 70% ทั้งที่เราถนัดอังกฤษที่สุดในบรรดาวิชาตอนมัธยมนะ555

              The Use of The Thai Language
              -กลับมาภาษาบ้านเกิดบ้าง ชื่อวิชามันคือ "การใช้ภาษาไทย" เพราะฉะนั้นมันจะไม่ใช่หลักภาษาหรืออะไรที่เคยเรียนตอนมัธยมหรอก แต่เป็นการใช้ภาษาไทยจริง ๆ ใช้ในเชิงปฏิบัติชีวิตจริง การเรียนสนุก อาจารย์ก็จะสอนหัวข้อตามสัปดาห์อะ การสอบก็เช่น ให้ทำบทความเต็ม ๆ เป็นการย่อสรุป ใจความสำคัญอะไรแบบนี้ ช่วงท้ายเทอมมีเรื่องการพูดในที่สาธารณะ ก็จะให้เลือกหัวข้อมาพูดหน้าชั้นเรียน(รุ่นเราก็คือในซูม) ชั้นเรียนนึงก็คือเซคนึง จำนวนคนพอ ๆ กับห้องเรียนตอนมัธยมนั่นแหละ อาจารย์ถือว่าให้คะแนนใจดี นิสัยก็เข้าถึงง่ายมาก ๆ แทบทุกคนในภาควิชาเลย

              Eastern Civilization
              -ประวัติศาสตร์มาแล้ว เทอมแรกเราจะเรียนประวัติศาสตร์ของโลกฝั่งตะวันออกกัน โดยการเรียนก็จะเป็นบรรยายในชั้นเรียน เล่าไปเรื่อย ๆ มีเทป แบ่งเป็น 4 อารยธรรมเรียงจากต้นไปจบคือ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งสอบกลางภาคปลายภาครอบละ 2 อารยธรรมตามที่เรียงเลย การสอบจะเป็นข้อกาเกือบทั้งหมดแล้วมีเขียนตอนท้าย ๆ ถ้าเป็นคนชอบฟังเรื่องราวอะไรสักอย่างวิชานี้น่าจะทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับเราผู้ซึ่งขี้เกียจและไม่ถนัดวิชาประวัติศาสตร์ก็พ่ายแพ้นะ ฮ่า ๆ

              Research and Computer Skills
              -อันนี้ของภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ วิชาที่จะขัดเกลาให้เราเขียนงานวิชาการเป็นเผื่ออนาคตต้องเขียน ต่อให้ไม่ได้ทำงานวิชาการเชื่อว่าก็คงได้เขียนอะไรสักวันนึงแหละเพราะงานเขียนเป็นของคู่กับเด็กอักษรเลย จะแบ่งเป็นควิซและงานทั้งเทอม สำหรับควิซก็เรื่องวิธีใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์อะ ตั้งใจเรียนเอา ส่วนงานทั้งเทอมคือการทำเรียงความเรื่องนึงแบ่งส่งตรวจเป็นรอบ ๆ เช่นบรรณานุกรม อ้างอิง โครงเรื่อง แล้วท้ายเทอมค่อยส่งทั้งเรียงความไป เลือกจากหัวข้อใหญ่ 4 ข้อมา 1 อย่าง เราเลือกเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศไป แต่เราทำไม่ค่อยดีเท่าไร บอกก่อนว่าวิชานี้หักคะแนนยิบย่อยมาก การพิมพ์ในทุกหน้าถ้ามีคำผิดก็โดน เว้นผิด จัดรูปแบบผิดก็โดน มันจะหักเป็นทศนิยมแต่พอไปรวมกันจะเยอะมากก มีงานนึงเราเกือบไม่ได้สักคะแนน

              Reasoning
              -หลังจากระทมกับวิชาที่เราไม่ถนัดไป 2 ตัวข้างบนก็มาถึงวิชาที่เรารักกันบ้าง! วิชานี้เป็นของภาคปรัชญา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้เหตุผลในชีวิตประจำวันยังไงให้เป๊ะ ถูกต้องตามตรรกวิธี เราก็เคยศึกษาเรื่องตรรกวิบัติมาก่อน(เอาไว้เถียงคนและป้องกันตัวน่ะ แหะ ๆ)เลยค่อนข้างชอบวิชานี้ ก็จะได้เรียนตรรกวิทยาเชิงสัญลักษณ์แบบมินิ แน่นอนว่ามินิเพราะมันจะมีวิชานี้แบบเต็ม ๆ อีกทีสำหรับใครที่อยากจะเอกหรีือโทปรัชญา พอพ้นจากกลางภาคก็เปลี่ยนจากตรรกวิทยาเชิงสัญลักษณ์ไปเป็นการเขียนเหตุผลจริง ๆ ให้วิจารณ์อะไรสักอย่าง สอบกลางภาคไม่ยากเท่าไร ไม่รู้เป็นที่เราเซคเดียวรึเปล่าแต่ฟีลเหมือนควิซ 20 ข้อ 20 คะแนนจบปิ๊ง เห็นคะแนนเลย ปลายภาคจะดูใหญ่กว่าเพราะให้อ่านเหตุผลหลาย ๆ เคสแล้ววิจารณ์การให้เหตุผลของเคสนั้น ๆ เซคอื่นมีให้ทำงานแล้ววิจารณ์งานเพื่อนด้วย คล้ายการโต้วาที แต่เซคเราไม่มีนะ

              Japanese I
              -จบไปแล้วกับวิชาบังคับ ทีนี้มาวิชาเข้าเอกเราบ้างดีกว่า คนที่จะเข้าเอกญี่ปุ่นต้องเรียนวิชาญี่ปุ่น 2 ตัวต่อเทอมคือไวยากรณ์และสนทนา นี่คือตัวไวยากรณ์ ระดับความยากคือไวยากรณ์มาเรียนเอาในหนังสือกับในคาบได้ไม่ต้องกลัว กลัวอย่างเดียวคือใช้ผิดตอนสอบ ฮ่า ๆ ส่วนคำศัพท์ถือว่ายากประมาณนึงนะ คันจิเยอะ ควรจะรู้ญี่ปุ่นสักระดับกลางก่อนแล้วชีวิตจะง่ายขึ้น การสอบถือว่าเคร่งที่สุดในนี้แล้วเพราะเป็นวิชาเข้าเอก ความจริงภาควิชาญี่ปุ่นของอักษรก็ดุจะเป็นภาควิชาที่เคร่งมากที่สุดอยู่แล้ว คือให้สอบตั้งกล้องเหมือนกล้องวงจรปิดอะแล้วทำเขียนในกระดาษ สิ่งสำคัญที่ควรทำคือจำไวยากรณ์ให้ได้ก่อนเพราะมันน้อยกว่าศัพท์และเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องใช้ตอบ รองลงมาคือจำศัพท์เพราะมันเยอะ เอามาทั้งบทนั่นแหละ ศัพท์ที่ออกไม่ใช่แค่ในหน้าคำศัพท์ประจำบทนะ แต่ที่อยู่ในตัวอย่างและบทอ่านก้เอามาออกได้เช่นกัน

              Basic Japanese Conversation I
              -เครียดไปแล้วมาผ่อนคลายกันที่วิชาสนทนา *เราไม่ได้จบศิลป์ญี่ปุ่นมาและแทบไม่เคยคุยญี่ปุ่นกับใครนอกจากไอดอล* เพราะฉะนั้นทักษะการสนทนาเราค่อนข้างต่ำ เพิ่งจะมาฝึกก็ในคาบนี้แหละ เป็นคาบที่จะได้พูดญี่ปุ่นกันตลอด ฝึกพูดเรื่องที่จะเจอในชีวิตประจำวัน มีควิซทุกสัปดาห์ เป็นควิซศัพท์ในบท เวลาทำก็จะมาลุ้นกันกับเพื่อนว่าได้กี่คะแนน นอกจากนี้ก็จะมีสอบข้อเขียนแล้วก็สอบพูด แน่นอนตามที่เราบอกว่าไม่ถนัดสนทนาก็ค่อนข้างยับ แล้วก็มีอีกอย่างที่ชอบคือ speech เป็นการพูดคนเดียวยาว ๆ หัวข้อที่รุ่นเราได้พูดคือ "ของสำคัญในชีวิต" 

              Strategy of Life
              -เจนเอ็ดตัวแรกที่ลง ก่อนหน้าสับสนมากนะว่าจะเรียนอะไรดี คิดอยู่ว่าจะเรียนวิชาเข้าเอกอื่นดีไหมเช่นของเอกศิลปการละครเพราะเราก็อยากเข้าเอกนั้นอยู่ประมาณนึง หรือจะลงเจนแลงดี หรือจะลงเจนเอ็ดดี ก็มีเปลี่ยนหลายรอบนะ ตอนแรกลงภาษาเวียดนามเป็นเจนแลงแต่คิดจะเปลี่ยนตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนแล้ว เปลี่ยนเป็นเจนเอ็ด General Oceanology ทีนี้คนเรียนน้อย เราเลยไปลง Strategy of Life เพราะเพื่อนลงเยอะแล้วเปลี่ยนเป็นภาษารัสเซียแล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นวิชานี้อีกที งงมะ เปลี่ยนอะไรกันนักหนาเป็นบุฟเฟ่ต์เลย ในช่วงที่ให้เพิ่ม-ลดวิชาเราก็ลองเรียนไปทั่วอะนะ เพราะวิชาเข้าเอกเราก็ลงตามต้องการแล้ว สุดท้ายก็จบที่วิชานี้ ลักษณะวิชาคือมีเทปให้ดูทุกสัปดาห์ไม่ต้องเข้าเรียน ไปดูแล้วทำควิซซะ นอกจากนี้ก็จะมีสอบกลางภาคและปลายภาคที่ไปอ่านมาก็พอ แล้วก็งานกลุ่ม ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกันทั้งเทอม งานกลุ่มให้ตั้งควิซกัน ตั้งง่าย ๆ ก็ได้ แล้วท้ายเทอมจะมีคล้าย ๆ พรีเซนต์หัวข้อนึงที่เลือกกันเอง อัดคลิปตอนคนในกลุ่มพูดนำเสนอแล้วส่ง แนะนำให้หาเพื่อนไปเรียนด้วยเพราะไปเรียนคนเดียวแล้วไม่ค่อยได้คุยกับคนในกลุ่ม มีความสัมพันธ์กันแบบเข้ามาทำงานแล้วจากไป อึดอัด555 

    กิจกรรมและอื่น ๆ
              
              เทอมนี้มันออนไลน์หมดเลยเราก็จะมีข้อจำกัดเรื่องกิจกรรมหน่อย ทุกอย่างต้องทำเป็นออนไลน์ นอกจากรับน้องเราก็จะมีกิจกรรมซูมอื่น ๆ บ้าง แต่ที่เราชอบที่สุดคือชมรม EQ Club ของจุฬา เป็นชมรมแนวพัฒนาอารมณ์(เอ้า ขายของ) พัฒนาชีวิตให้มีความสุข เปิดอกเปิดใจพูดคุยกับคนอื่นแล้วคนอื่นก็จะรับฟังเรา ชมรมนี้นอกจากจะได้รู้จักกับคนในจุฬายังได้รู้จักกับชมรมเดียวกันที่มหาลัยอื่นด้วยเพราะชมรมเราไม่ได้มีแค่ที่จุฬา มันเป็นเครือข่ายเลย นอกจากนี้ก็อยู่ชมรมกีฬา เราอยู่หลายอย่างนะแต่ที่ไปเล่นบ่อย ๆ ก็วอลเลย์บอล ถ้าเอาแค่เทอม 1 ก็เคยเล่นแค่ครั้งเดียวเพราะมันยังไม่ปลดล็อกมาตรการเท่าไร นอกจากนี้เราก็อยู่หอในนะ แต่เทอมแรกยังไม่ย้ายเข้าไปอยู่ อยู่บ้านไปก่อนเพราะเรียนออนไลน์ พอเลิกเรียนก็จะชอบไปปั่นจักรยานสูดอากาศชมธรรมชาติของแต่ละวัน สุนทรีย์ดีนะว่าไหม555 แต่มันเป็นวิธีลดความเครียดที่ดีที่สุดของเราเลย นอกจากนี้ก็จะพบปะกับเพื่อนในดิสคอร์ดเป็นประจำ ก็เป็นเทอม 1 เทอมที่พูดได้เต็มปากว่าออนไลน์ เหอะ ๆ เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องเทอม 2 อีกทีรับรองว่า "ยำ" กว่าเดิมหลายเท่า เพราะเราเพิ่งจะผ่านมันมาเดือนเดียว


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in