เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FAN GIRL MODE: ONMoondust
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน [SF] Thorki Modern AU fanfiction: Flaws

  • You have always worn your flaws upon your sleeve

    And I have always buried them deep beneath the ground

    เพลง Flaws วง Bastille




    จุดอ่อนของเขาคือความเชื่อมั่น

    เขาเชื่อมั่นมากเกินไป เคยเชื่อมั่นในตัวเองมากเสียจนหยิ่งผยองว่า ธอร์ โอดินสัน คือนักธุรกิจหนุ่มคลื่นลูกใหม่ที่ไม่มีใครขวางทางได้ เคยมั่นใจว่าด้วยวิสัยทัศน์และอำนาจของเม็ดเงินที่มีอยู่จะทำให้เขาพาเครืออาณาจักรแอสการ์ดคอเปอเรชั่นของตระกูลโอดินสันไปสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่มีคู่แข่งทางธุรกิจคนไหนจะเทียบเทียม

    เขาไม่เคยมองคู่แข่งคนอื่นๆ เป็นเสี้ยนหนาม ไม่เคยแม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำว่าผู้คนเหล่านั้นพยายามทุกวิถีทางทั้งวิธีสะอาดไปจนถึงเล่ห์กลสกปรกเพื่อหาทางโค่นล้ม ‘บัลลังก์’ ของแอสการ์ดคอร์ป เพราะเขาเชื่อมั่นว่าลำพังด้วยสติปัญญาของโลกิและการบริหารงานที่นำหน้าคนอื่นอยู่หลายก้าวเสมอของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทิ้งห่างคนเหล่านั้นชนิดไม่ติดฝุ่น

    แค่เขากับโลกิ สองคนก็เพียงพอแล้วที่จะนำแอสการ์ดคอร์ปไปสู่จุดที่รุ่งโรจน์กว่าที่เคยเป็นมาไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย

    แต่เขาคิดผิด

    ในวันที่ทุกอย่างพังทลายลงต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาแก้ไขอะไรไม่ได้เลย

    สักนิด เขาถึงได้รู้ว่าจุดอ่อนของตนยิ่งใหญ่แค่ไหน และมันกัดกินตัวเขาไปมากเสียจนเกือบจะสายเกินไป

    เพราะทะนงตนว่าอยู่เหนือทุกคน จึงทำให้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยนำมาซึ่งหายนะ

    ทั้งถูกบีบออกจากบริษัท ถูกผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาสมอ้างว่าเป็นลูกสาวคนโตของคุณพ่อบังคับให้เขาเซ็นโอนกรรมสิทธิ์หุ้นและบริษัทในเครือเพื่อแลกกับความปลอดภัยของน้องชายตัวแสบที่ถูกผู้หญิงบ้าคนนั้นจ่อปลายกระบอกปืนไว้ที่ขมับ แม้แต่โฉนดคฤหาสน์ก็ยังต้องจำใจยกให้นางนั่นไป

    สิ่งเดียวที่รักษาไว้ได้นอกจากชีวิตของพวกเขาสองพี่น้องก็คือบ้านพักตากอากาศหลังเล็กในชนบทของนอร์เวย์

    ทั้งๆ ที่สัญญากับคุณพ่อเอาไว้ก่อนท่านจะจากโลกนี้ไปว่าเขาจะปกป้องอาณาจักรโอดินสันนี้ไว้ให้ดีที่สุด แต่เขากลับเสียทุกอย่างไปในชั่วพริบตา แอสการ์ดคอร์ปพังครืนลงเพียงชั่วอึดใจ พนักงานหลายพันชีวิตล้วนได้รับผลกระทบโดยที่เขาไม่อาจอ้าแขนปกป้องใครได้เลยแม้แต่คนเดียว

    เขาทำพลาดเพราะเชื่อมั่นมากเกินไป และเขาเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดซ้ำอีก

    แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาเชื่อมั่นไม่ยอมปล่อยวาง เชื่อมั่นอย่างบ้าระห่ำเข้าขั้นโง่เขลา

    เขาเชื่อมั่นในตัวน้องชายของตน เชื่อมาตลอดว่าโลกิเป็นเด็กดีน่ารักที่แค่หลงทาง

    และเขาไม่มีวันหยุดเชื่ออย่างนั้น

    ต่อให้คนที่เขาเชื่อมั่นจะชี้ปลายมีดมาที่กลางอกเขาในตำแหน่งหัวใจอยู่ก็ตาม

    “โลกิ นายยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ” ชายหนุ่มพรูลมหายใจยาว มีไอควันสีขาวจางๆ ลอยตามออกมาด้วย ทั้งนี้เพราะบ้านไม้สองชั้นหลังเล็กกะทัดรัดนี้ยังไม่ได้เปิดระบบทำความร้อนภายใน ดังนั้นความหนาวเย็นอันโหดร้ายของฤดูหนาวในนอร์เวย์จึงคืบคลานเข้าปกคลุมทุกอณูของตัวบ้านได้อย่างไม่ยากเย็น

    เขาออกจะทึ่งอยู่สักหน่อยที่โลกิสัมผัสมีดเงินเย็นเฉียบนั่นได้โดนที่มือไม่สั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ฉันควรจะหายโกรธสินะ ควรจะยกโทษให้กับความผิดพลาดมหาศาลของนายที่โง่เง่าเดินเกมพลาดจนเราเสียทุกอย่างไปแบบนี้เพียงเพราะนายช่วยชีวิตฉันเอาไว้อย่างนั้นใช่มั้ย นายคิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ย พี่ชาย” น้ำเสียงของโลกิเรียบนิ่งแต่กลับทำให้คนฟังหนาวสะท้านไปถึงหัวใจ อีกทั้งแววตาที่มองกลับก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นเป็นเท่าทวี เพราะนัยน์ตาสีเขียวงดงามนั้นสะท้อนประกายความผิดหวัง เสียใจและตัดพ้อ

    อา...ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยดีพอสำหรับอีกฝ่ายเลย

    “เรายังมีกันและกัน กับบ้านหลังนี้ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ โลกิ เราปลอดภัยแล้วจากยัยเฮล่านั่น ไม่มีใครจะมาทำร้ายเราได้อีกแล้ว”

    “นี่รู้ตัวรึเปล่าว่าพ่นอะไรออกมา สมองยังใช้การได้อยู่มั้ย” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้าเริ่มมีน้ำโห มือเรียวกำรอบด้ามมีดแน่นจนขึ้นข้อขาว

    “นายไม่อยากมาที่นี่ใช่มั้ยล่ะ ไม่อยากมาติดแหง็กอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้กับพี่ ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรเลย ใช่รึเปล่า” ธอร์เฝ้ามองควันสีขาวลอยฟุ้งจากฝั่งเขาไปยังน้องชายที่เม้มปากแน่น สีหน้าเหมือนมีเรื่องมากมายอยากพูดออกมาแต่กลับเลือกที่จะเงียบ ปล่อยความลับนั้นตายไปกับตัวเอง

    “ถ้านายต้องการแบบนั้น พี่ก็จะไม่รั้งนายไว้”

    โลกิชะงัก เงยหน้าขึ้นมาเขาด้วยดวงตาโตเหมือนลูกแก้ว

    ทำไมเขาจะไม่รู้ ตั้งแต่เจ้าน้องชายรู้ความจริงเรื่องสายเลือดที่แท้จริง

    เจ้าเด็กนี่ก็แสดงอาการต่อต้านครอบครัวเขาออกมาอย่างชัดเจน จะมีก็แต่คุณแม่ที่สามารถพูดโน้มน้าวเตือนสติได้อยู่บ้าง เขาเคยพยายามทำความเข้าใจความเจ็บปวดของโลกิ การที่โตมาโดยถูกปิดบังมาตลอดว่าเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อแม่ เป็นน้องชายร่วมสายเลือดกับเขาทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่นั้นมันน่าอัปยศจนทนไม่ได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ

    แต่เขาก็ไม่เข้าใจ

    จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งชี้ทางให้ว่าที่โลกิทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาก็เพียงเพราะอยากพิสูจน์ตัวเองก็เป็นได้ การได้รับรู้ความจริงคงทำลายความเชื่อมั่นในใจโลกไปไม่มากก็น้อย หัวใจแสนซุกซนดวงนั้นคงบอบช้ำอย่างมากที่รู้ว่าตนเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งของศัตรูคู่อาฆาตทางธุรกิจของคุณพ่อที่เกิดกับภรรยาน้อยคนหนึ่งและคุณพ่อได้รับมาเลี้ยงเพียงเพราะหวังใจลึกๆ ว่าสักวันจะสามารถรวมธุรกิจทั้งสองฝ่ายได้โดยมีโลกิเป็นสะพานเชื่อม

    เจ้าหนูคงรู้สึกว่าชีวิตตนมีค่าแค่เป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานของผู้ใหญ่

    เพราะอย่างนี้ถึงได้ทำตัวเหลวแหลกให้พวกเขาทุกคนปวดหัวอยู่เสมอ

    และคนที่ไม่เคยสูญสิ้นความเชื่อมั่นในตัวเจ้าเด็กดื้อก็คือเขา

    ธอร์ โอดินสัน

    แต่เขาก็รู้มาตลอดอีกเหมือนกัน ว่าโลกิอยากแยกตัวออกไป ไม่อยากข้องแวะกับตระกูลของเขาอีก

    ตอนนี้ทุกอย่างประจวบเหมาะแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดถ้าจะดีดตัวออกจากวงโคจรอันพังพินาศของตระกูลโอดินสัน แต่เขาก็ยังลากน้องชายมาไกลถึงนอร์เวย์ ซุกหัวนอนอยู่ในบ้านไม้ทรงพื้นเมืองที่มีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์ที่เติบโตมาอย่างเทียบกันไม่ได้

    บางทีเขาอาจเห็นแก่ตัวเกินไป

    บางทีการช่วยชีวิตโลกิให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของยัยเฮล่าบ้าบออะไรนั่นอาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย เป็นสิ่งดีสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำได้

    บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่จะปล่อยมือโลกิไปจริงๆ

    “เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ”

    เขาหูฝาดรึเปล่า แต่เมื่อครู่ทำไมรู้สึกเหมือนหางเสียงของน้องชายจะสั่นเล็กน้อย โลกิเป็นอย่างนี้เสมอไม่ใช่เหรอ เวลาที่จะร้องไห้แล้วฝืนกลั้นเอาไว้

    เขาทำอะไรผิดอีกงั้นหรือ

    คิดได้อย่างนี้ ธอร์ถึงได้ขยับร่างสูงใหญ่ของตน ก้าวขาเข้าหาคนตัวเล็กกว่าโดยไม่ใส่ใจมีดคมวาวเล่มนั้น มือหนาเอื้อมออกแตะข้อมือบางก่อนจะออกแรงบีบเล็กน้อยตรงจุดที่เขาเคยเรียนมาว่าจะทำให้คนเราต้องปล่อยมือโดยสัญชาติญาณ

    เคร้ง!

    โลกิสะบัดตัวเพื่อให้พ้นจากวงแขนของเขา แต่ช้าเกินไป อ้อมแขนแข็งแรงของเขารั้งร่างโปร่งบางของน้องชายเข้าสู่อ้อมอก

    โลกิตัวใหญ่ขึ้นจากในความทรงจำแต่กระนั้นก็ยังบอบบางน่าทะนุถนอมอยู่ดี ความเปลี่ยนแปลงที่รับรู้ได้นี้ทำเอาหัวใจธอร์กระตุกวูบ เพราะสิ่งนี้ย้ำเตือนถึงความห่างเหินระหว่างพี่น้องที่เขาพยายามกลบเกลื่อนมาโดยตลอด รูปร่างที่เปลี่ยนไปแม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้มโนสำนึกของเขาระลึกได้ว่าโลกิตีตัวออกห่างจากเขามานานแค่ไหนแล้ว

    “พี่บอกว่า” เขาก้มลงจรดริมฝีปากกับใบหูเยียบเย็นของน้องชาย “ถ้านายไม่อยากอยู่ที่นี่ พี่ก็จะปล่อยนายไป”

    นิ่ง ไม่มีแม้เสียงหายใจ ราวกับโลกิได้กลายเป็นหุ่นขี้ผึ้งไร้ชีวิตไป ณ วินาทีนั้นเอง

    นานทีเดียวกว่าเสียงพ่นลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ จะดังขึ้นพร้อมกับอาการตัวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โลกิตัวสั่น และเพราะวงหน้าติดจะหวานนั่นซุกอยู่กับบ่าเขา ทำให้ธอร์ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของคนในอ้อมแขนได้

    โลกิกำลังโกรธเหรอ หรือว่ากำลังร้องไห้

    ได้โปรด อย่าร้องไห้

    “ไม่ดีใจเหรอ นายจะได้มีอิสระอย่างที่อยากมีมาตลอดไง” เขายังทำเป็นใจดีสู้เสือ ฝืนพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกออกไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทั้งๆ ที่หัวใจกำลังเกิดหลุมขนาดใหญ่ที่ไม่อาจฝังกลบได้ดังเดิม

    รู้ตัวอยู่ลึกๆ ว่าคราวนี้คงต้องเสียน้องชายไปจริงๆ

    โลกิยังคงเงียบ แต่อาการสั่นลดน้อยลงจนหายไปในที่สุด มันทำให้ธอร์กดยิ้มมุมปากด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยเขาก็คงพูดจาเข้าหูเจ้าเด็กเอาแต่ใจนั่นจนได้

    ทว่าเขาคิดผิดถนัด

    หมัดลุ่นๆ ของโลกิกระแทกเข้ามาที่ชายโครงด้านซ้ายจนเขาสะดุ้ง ยอมคลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็กกว่า แม้จะไม่ได้เจ็บหนักหนาสาหัสอะไร ออกจะตกใจมากกว่า แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหากยังไม่ปลดอาวุธไปก่อนหน้านี้ล่ะก็สิ่งที่เข้าปะทะชายโครงของเขาในตอนนี้คงไม่ใช่แค่กำปั้น

    “โลกิ...”

    สีหน้าของน้องชายที่ปรากฏแก่สายตาในตอนนี้ทำเอาหัวใจเขาด้านชาไปหมด เพราะดวงหน้างดงามเกินชายนั้นแสดงออกชัดว่ากำลังเสียใจเป็นอย่างมาก ทั้งเสียใจและเจ็บปวดใจแต่กลับพยายามฝืนข่มความรู้สึกทั้งหมด คงไม่อยากให้เขาพูดจาล้อเลียนเหมือนตอนเด็กๆ ใบหน้าสวยถึงได้บิดเบี้ยวเหยเก

    “รู้ตัวก็ดีแล้วนี่” โลกิสูดจมูกแรงๆ ปลายคางเรียวเชิดขึ้นอย่างไว้ตัว

    เป็นท่าทางอวดดีที่เขาเห็นจนชินตาเวลาที่เจ้าตัวคิดจะวางท่าข่มใคร “ฉันไม่เคยคิดอยากอยู่กับนายเลยแม้แต่วินาทีเดียว ตอนนี้แอสการ์ดคอร์ปล่มแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องอยู่กับคนไร้อนาคตอย่างนายอีก”

    คนฟังถึงกับสะอึก รู้สึกจุกไปทั้งตัว ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่การได้ยินจากปากของคนที่เขารักเหมือนน้องชายร่วมสายเลือดก็ทำให้สมองของเขาตื้อชาไปหมด

    ถ้ารังเกียจที่จะอยู่ด้วยกันขนาดนั้น ทำไมแววตาถึงได้ปวดร้าวนัก

    โลกิ นายรู้สึกอย่างไรกันแน่

    “ถ้างั้น...ก็ไปเถอะ ขอโทษที่ลากนายมาที่นี่โดยไม่ถามความสมัครใจ”

    คนเป็นพี่ไม่อาจทนมองดวงตาสีเขียวสดนั่นได้จึงต้องก้มหน้าลง เพ่งสายตาที่ปลายเท้าตัวเองแทน “ขึ้นไปเก็บของสิ เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งในเมือง”

    สิ้นคำ ร่างสูงใหญ่ของธอร์ก็ก้าวออกจากห้องครัวไปโดยไม่เหลียวกลับมามองคนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเป็น ‘น้องชาย’ อีก



    เขาทำพลาดอีกแล้ว

    ผิดพลาดอย่างที่เคยกระทำ เป็นความผิดพลาดที่เรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ไม่เคยจดจำ ไม่สิ ไม่เคยยอมรับจริงๆ จังๆ เสียทีว่าโลกิไม่เคยมองเขาเป็นพี่ชาย ช่วงเวลาดีๆ ที่มีเมื่อครั้งยังเด็กได้อันตรธานไปสิ้นจากจิตใจของลูกบุญธรรมตระกูลโอดินสันเมื่อนานมาแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าคงตั้งแต่เมื่อโลกิได้รู้ความจริงทั้งหมดและพัฒนาความรู้สึกแปลกแยกขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

    ทายาทของโอดิน อดีตอภิมหาเศรษฐีแถวหน้าของโลกถูฝ่ามือกร้านของตนเข้าด้วยกันเพื่อขับไล่ความหนาว โชคยังดีที่วันนี้แม้ฟ้าจะขมุกขมัวเป็นสีเทา อึมครึมชวนหดหู่ แต่ธรรมชาติก็ยังใจดีพอที่จะไม่บันดาลเกล็ดหิมะโปรยปรายลงจากฟากฟ้ามาซ้ำเติมความเจ็บปวดในหัวใจของเขา

    โลกิกำลังจะจากไป

    บุตรชายของโอดินเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเหม่อมองออกไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่บัดนี้กลายเป็นลานหิมะขาวโพลนจนแสบนัยน์ตา คงถึงเวลาที่เขาต้องทำใจยอมรับเสียแล้วว่าเส้นทางของเขาและโลกิสิ้นสุดลงตรงนี้

    ณ ดินแดนรกร้างไร้ชีวิต แห้งแล้งและหนาวเย็นไม่ต่างจากความรู้สึกในจิตใจของเขาในช่วงเวลานี้เท่าไหร่นัก

    ท้ายที่สุดแล้ว ธอร์ โอดินสัน ก็รักษาอะไรไว้ไม่ได้เลยสักอย่าง

    คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ เขามันคนมีจุดอ่อน และก็ถูกจุดอ่อนของตัวเองเล่นงานเข้าจนได้

    เขาอยากจะรั้งโลกิเอาไว้ แต่รู้ดีว่าการทำแบบนั้นคือเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด โลกิฉลาด ยังเด็กและมีอนาคต เด็กมีความสามารถและพรสวรรค์มากมายขนาดนั้นย่อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ไม่ยาก จะให้มาล้มลุกคลุกคลานอยู่กับคนหมดอนาคตอย่างเขาก็คงไม่ใช่เรื่องดี

    แต่ลึกๆ แล้ว เขาก็หวัง หวังว่าริมฝีปากหยักสวยสีสดที่มักเอ่ยคำโกหกอยู่เป็นนิจของน้องชายจะยอมพูดความจริงสักครั้ง แค่คำคำเดียว บอกเขาสักคำว่าอยากอยู่ด้วยกัน บอกเขาว่าเขาคิดผิดที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปในเส้นทางที่ดีกว่า

    ขอเพียงเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ธอร์สาบานว่าเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายๆ ที่กำลังหมดอาลัยในชีวิตให้กลับมามีแรงฮึดสู้

    พร้อมเผชิญหน้ากับโลกอันโหดร้ายเพื่อแผ้วถางเส้นทางที่ราบรื่นและสวยงามให้กับน้องชายที่เขารักมากที่สุด

    แน่นอนว่าโลกิไม่พูดออกมา

    อันที่จริง ถ้าโลกิพูดว่าอยากอยู่กับเขา เขาอาจไม่เชื่อก็ได้ เด็กคนนั้นโกหกบ่อยเสียจนต้องฟังหูไว้หู เชื่อหมดใจไม่ได้ว่าสิ่งที่เอ่ยออกมานั้นเป็นความจริงจากใจ

    แต่ก็อีกนั่นแหละ ธอร์พร้อมและยินดีที่จะถูกหลอกไปอย่างนี้ตลอดชีวิต

    ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างกันเหมือนตอนเด็กๆ

    เพียงเท่านั้นจริงๆ

    เสียงกระพือปีกของนกท้องถิ่นดึงธอร์ออกจากภวังค์พร้อมกับเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่าโลกิกำลังเดินมาหาเขา คนเป็นพี่จึงสูดหายใจเข้าลึก ปรับสีหน้าให้ร่าเริง กลบเกลื่อนความเศร้าภายใน

    “เก็บของเร็วดีนี่ ไปกันเลยมั้ย”

    !!!

    แรงกระแทกที่ซีกหน้าด้านซ้ายทำให้เขามึนงงไปหมด เหมือนจะเห็นดาวระยิบระยับอยู่ต่อหน้า ร่างสูงหนาซวนเซเล็กน้อยแต่ก็ตั้งหลักได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อปรับสายตาได้แล้วจึงเห็นว่าร่างสูงโปร่งของน้องชายตัวแสบยืนอยู่ตรงหน้า มือขวากำแน่นเป็นหมัด เงื้อขึ้นสูงคล้ายคนเตรียมชกอะไรก็ตามเบื้องหน้า ใบหน้าเรียวสวยนั่นดูเดือดดาลจนน่ากลัว น้อยครั้งที่โลกิจะแสดงความรู้สึกทางสีหน้าที่เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริงอย่างนี้

    โลกิโกรธเขาจริงด้วย

    “อยากให้ไปนักใช่มั้ย ไม่ต้องการกันแล้วใช่มั้ย!!!” เจ้าน้องตัวแสบตะคอก เสียงทุ้มน่าฟังแม้ยามโกรธสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ

    “...” เขาไม่ตอบ ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะตอบอะไร แต่เพราะยังไม่ทันเอ่ยตอบ ร่างสูงโปร่งตรงหน้าก็ตะโกนใส่เขาอีก

    “อยากให้ไปมากก็จะไป จะไม่มาให้เห็นหน้าอีก ลาขาดกันทั้งชีวิต!”

    “ไม่ใช่ว่านายต้องการอย่างนั้นหรอกเหรอ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาโต้ตอบออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งกระพือไฟในใจโลกิ เพราะน้องชายทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้ามาต่อยเขาอีกสักหมัดแต่ยั้งตัวเองไว้

    “หึ ใช่สินะ พอหมดประโยชน์แล้วก็ไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา”

    เขาสับสนไปหมด อะไรทำให้โลกิคิดอย่างนั้น เขาไม่เคยคิดจะไล่อีกฝ่ายไปเลย ก็เจ้าเด็กแสบคนนี้เองไม่ใช่เหรอที่ทำท่าว่าไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลโอดินสันมาตั้งแต่รู้ความจริง

    เขาพลาดตรงไหนอีกหรืออย่างไร

    “โลกิ พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น...”

    “หุบปาก!” โลกิตวาด นัยน์ตาสีเขียวมรกตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

    เห็นอย่างนั้นแล้วหัวใจของธอร์เหมือนถูกบีบอย่างแรง เขามันเลวไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ทั้งเป็นต้นเหตุของความล่มสลายของแอสการ์ดคอร์ป ทั้งทำให้โลกิต้องร้องไห้

    เพราะโลกิเคยบอกกับเขาไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้กับอะไรอีกหลังงานศพของคุณแม่ผ่านพ้นไป

    ณ วินาทีนี้ โลกิกำลังร้องไห้

    “นายไม่เคยเข้าใจเลย ไม่เคยเลยสักนิด ทำไมฉันต้องมาทนอยู่กับคน

    งี่เง่าที่เห็นว่าตัวเองคือศูนย์กลางจักรวาลอย่างนายด้วย ทำไมฉันต้องรั--- “น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของโลกิหยุดไปเสียดื้อๆ คนพูดเองก็ดูจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าตนเกือบหลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยออกไป

    คนฟังเองแม้จะตกใจและมึนงงอยู่มาก แต่ก็ตัดสินใจที่จะปิดปากเงียบเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับพายุอารมณ์ของคนตัวเล็กอย่างไรดี เขาไม่อยากให้การจากลาระหว่างพวกเขาทั้งสองเป็นเรื่องขมขื่นที่เมื่อเวลาผ่านไป

    หากหวนย้อนกลับมาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความรู้สึกผิดและระทมทุกข์จะได้ไม่โถมเข้าเกาะกุมจิตใจพวกเขาทั้งสองคน

    “พี่ไม่เคยคิดจะหาประโยชน์จากนาย” หลังจากเงียบอยู่ชั่วอึดใจ ธอร์ก็หาเสียงตัวเองเจอในที่สุดและเลือกที่จะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงทอดนุ่ม

    “พี่อยากให้นายมีความสุข”

    “...” น้องชายตัวแสบไม่เอ่ยตอบ ทำเพียงมองเขาตาขวางด้วยดวงตานองน้ำตาที่บัดนี้บางส่วนได้ไหลรินลงอาบแก้มขาวซีดราวกระเบื้องเนียนละเอียด

    น้ำตาไม่เหมาะกับโลกิ

    “พี่ขอโทษ” เขาพูดได้เท่านั้นจริงๆ ขอโทษหากทำให้เข้าใจผิด ขอโทษหากที่ผ่านมาทำให้ต้องขุ่นเคืองใจมาตลอด

    คนฟังหลับตาลง หยาดน้ำใสราวคริสตัลร่วงรินเป็นทาง

    นานทีเดียวกว่าแพขนตาสีดำขลับจะกระพือขึ้น พายุอารมณ์ของโลกิดูจะสงบลงบ้างแล้วเพราะเมื่อเอ่ยถ้อยคำต่อมาก็หาความเกรี้ยวกราดอย่างตอนแรกในน้ำเสียงไม่เจออีก

    “คำว่า ‘เรา’ ไม่เคยมีที่อยู่ในใจนายเลยสินะ”



    จุดอ่อนของเขาคือการโกหก

    ทั้งการถูกคนอื่นหลอกลวง และการใช้เล่ห์ลวงคนอื่น

    ที่ตลกร้ายคือ เขาโกหกอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่งเขาเองก็แยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคือการหลอกคนอื่นหรือกำลังหลอกตัวเอง

    ตลอดชีวิตของเขา โลกิถูกห้อมล้อมด้วยคำโป้ปดมดเท็จ ความจริงที่ถูกปิดบังและความบิดเบี้ยวของความรู้สึก คำลวงเหล่านั้นโอบอุ้มเขาแผ่วเบา นุ่มนวลเหมือนผ้าไหมเรียบลื่นให้ความอบอุ่นสบายกายในยามที่เขายังโง่งม หลงเชื่อสิ่งที่ถูกป้อนให้เข้าใจอย่างนั้น แต่แล้ววันหนึ่งแพรไหมนิ่มลื่นที่เคยโอบไล้อยู่รอบกายก็กลับกลายเป็นเชือกป่านเส้นเขื่อง ทั้งหยาบกร้าน บาดลึกไปกับผิวในทุกที่ที่มันสัมผัส และเชือกเหล่านี้เองที่ผูกมัดเขาเอาไว้ไม่ให้มีอิสระ ทั้งดึงรั้งและเสียดสีจนสร้างบาดแผลไปทั้งกาย

    และวันนี้เองที่เส้นเชือกเหล่านั้นพร้อมใจกันร้อยเรียงเป็นห่วงขนาดยักษ์บีบรัดลำคอเสียจนเขาหายใจไม่ออก

    การโกหก คำโป้ปดและการลวงหลอกที่เคยเป็นเหมือนยาหอม เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ไว้ใจได้ บัดนี้กลับทำร้ายเขาจนเจ็บปวดเจียนตาย

    วินาทีที่ได้ยินพี่ชายเอ่ยปากให้แยกกันอยู่ โลกิรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผลักลงสู่หุบเหวดำมืดไร้ก้นบึ้ง ดำดิ่งอยู่อย่างนั้นอย่างไร้หนทางตะเกียกตะกายขึ้นมาอีก หัวใจของเขาเหมือนถูกฉีกทึ้ง ปริแยกออกเป็นชิ้นส่วนขาดวิ่นนับพันนับล้าน

    สุดท้ายแล้ว ธอร์ก็เลือกที่จะทอดทิ้งเขา

    ทั้งๆ ที่แสดงออกชัดมาตลอดว่าอยากอยู่ด้วยกัน จะไม่มีวันทิ้งกันไปไหน แต่ทำไมถึงปล่อยมือกันได้ง่ายดายถึงขนาดนี้

    บางทีตัวเขาคงมีค่าไม่มากไปกว่าหมากบนกระดานธุรกิจที่ธอร์วางเอาไว้ก็เป็นได้

    หลุดจากการเป็นหมากของพ่อ แต่ดันเผลอไผลตกเป็นหมากของพี่ชายจนได้

    เพราะอย่างนี้เขาถึงได้โกรธนักเมื่อร่างสูงหนาเหมือนกำแพงดึงเขาเข้าไปกอด เจ้าหมีโง่นั่นจะทำแบบนี้ไปทำไม ในเมื่อความจริงแล้วคงจะดีใจจนเนื้อเต้นที่สลัดเขาหลุดเสียที เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ต่อยหมอนั่นเข้าที่สีข้าง

    นึกไม่ถึงว่าหมีโง่ก็ยังคงเป็นหมีโง่ นอกจากจะจับความรู้สึกไม่เก่งแล้ว ยังคิดเองเออเองว่าเขาอยากแยกตัวออกไปลำพัง แล้วยังมีหน้ามาบอกให้เขาไปเก็บของอีก

    หัวใจที่เจ็บช้ำของโลกิเกือบจะทนไม่ไหว เพราะอย่างนี้สิ่งที่โพล่งออกไปถึงได้เป็นคำโกหกที่ตรงข้ามกับความรู้สึกภายใน

    ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กันพี่ชายของเขาถึงจะเข้าใจเสียทีว่าคำพูดของเขานั้นไม่ได้หมายความตามที่พูดออกไปเลยสักนิด มันก็แค่คำลวงที่เอ่ยออกไปให้อีกฝ่ายหงุดหงิดใจเล่น โลกิชอบที่จะเห็นธอร์เดือดดาลกับความคิดที่ว่าเขาจะตีตัวออกห่าง ชอบทุกครั้งที่เห็นเจ้าหมียักษ์ทำตัวงุ่นง่านวุ่นวายเวลาที่เขาแกล้งบอกว่าจะหนีออกจากบ้านแล้วหายตัวไปสองสามวัน

    แต่ทุกครั้ง โลกิจะกลับไปหาธอร์

    ทุกอย่างมันชัดขนาดนี้แล้ว เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมพี่ชายของตนที่เก่งแสนเก่ง ทะนงตนว่ามีความสามารถเหนือคนเป็นร้อยเป็นพันถึงมองไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไร

    เป็นไปได้ไหมว่าเพราะการโกหกนับครั้งไม่ถ้วนมีส่วนทำให้พี่ชายเข้าใจเขาผิดไป

    เขาอยากจะบอกธอร์เหลือเกิน อยากจะกู่ร้องให้ดังก้องไปทั่วฟ้าว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาเกือบจะหลุดพูดออกไปแล้วด้วยซ้ำ แต่มโนสำนึกบางอย่างรั้งเขาเอาไว้ ความกลัวเล็กๆ ในจิตใจกระซิบบอกเขาว่าหากพูดออกไปแล้ว พี่ชายกลับคิดว่าเขาโกหกไม่เสื่อมคลายล่ะก็คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือเขาเอง

    เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันความทุกข์ใจที่อาจได้รับ ชายหนุ่มผมดำจึงยั้งถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์นั่นเอาไว้แล้วเก็บมันลงไปลึกสุดใจ ซุกซ่อนไว้ใต้ผืนพรมแห่งคำโป้ปดพันชั้น ไม่มีวันที่คนซื่อบื้ออย่างธอร์จะหาเจอ

    ทว่า เขาคิดผิด

    วินาทีที่เขายกหลังมือเรียวขึ้นหมายจะปาดน้ำตาน่ารำคาญที่เอ่อทะลักขึ้นมาพร้อมคลื่นอารมณ์ของตนทิ้งนั้น มือหยาบกร้านของพี่ชายก็เอื้อมมาดึงมือเขาเอาไว้ กอบกุมมือข้างนั้นไว้อย่างทะนุถนอมราวกับเป็นของล้ำค่า เขากะพริบตา พยายามไล่น้ำตาที่เกาะอยู่กับแพขนตายาวของตน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงมากลางหน้าผาก นำพาความร้อนแผ่ซ่านจากร่างใหญ่มาสู่เขา

    หัวใจของโลกิเต้นรัวจนแทบกระดอนออกมานอกอก

    ธอร์จูบเขาหรือ ใช่ แต่เป็นจูบหน้าผากอย่างที่เจ้าหมียักษ์ชอบทำในตอนที่พวกเขาสองคนยังเป็นเด็ก ทุกครั้งที่เผลอเล่นกันแรงเกินไป หรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจแล้วเขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ลูกชายของโอดินมักจะโน้มหน้าลงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากเขาเสมอ เป็นจุมพิตแห่งการเยียวยา จุมพิตที่ปลอบประโลมเขาเสมอมา

    เขาชอบที่ธอร์ทำแบบนั้น ชอบมากเสียจนอยากเรียกร้องความสนใจให้อีกฝ่ายโน้มลงมาแนบริมฝีปากกับหน้าผากของเขาบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแน่นอนว่าธอร์ก็บ้าจี้พอที่จะทำอย่างนั้น ความทรงจำวัยเด็กของเขาจึงมีจุมพิตที่หน้าผากเป็นเหตุการณ์หลักที่จำได้

    นานวันเข้า เป็นเขาเองที่เปลี่ยนไป

    โลกิรู้ดี ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจของเขามาตั้งแต่ตอนนั้น

    เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น หัวใจหนุ่มน้อยของโลกิก็เริ่มเรียกร้องให้พี่ชายทำมากกว่าแค่จุมพิตที่หน้าผาก

    เขาเคยพูดทีเล่นทีจริงไปว่าขอให้ธอร์จูบเขา ซึ่งพี่ชายก็เข้าใจว่าเขาแค่ป่วนไปเรื่อย จูบแรกที่รอคอยมาเนิ่นนานจึงไม่เกิดขึ้น

    บอกไม่ถูกว่าเขาทั้งเสียใจและโล่งใจมากแค่ไหน ความรู้สึกสองขั้วปะทะกันรุนแรงในอกจนรู้สึกเจ็บแปลบ

    ยิ่งเมื่อความจริงเรื่องสายเลือดปรากฏ การที่เขาค้นพบว่าตัวเองเป็นบุตรนอกสมรสของคู่แข่งตัวฉกาจของโอดิน ไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกับคนผมทองตัวใหญ่ที่เขาเรียกว่า ‘พี่ชาย’ มาตั้งแต่เกิด ความคิดชั่วร้ายและเป็นบาปก็แล่นวาบเข้ามาในสมอง

    เพราะเหตุนี้เขาถึงต้องตีตัวออกห่าง ทำตัวเย็นชาห่างเหินและร้ายกาจใส่พี่ชายที่คอยวิ่งตามเขาต้อยๆ เหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เพราะเขารู้ดีว่าหากล้ำเส้นไปแล้วจะไม่อาจถอยกลับได้อีก

    ไม่มี ‘พี่ชาย’ ‘น้องชาย’ อย่างที่เป็นมาตลอดอีกแล้ว

    และคนที่จะเสียใจที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณแม่ฟริกก้า คุณแม่ที่แสนดี อ่อนหวานแต่เข้มแข็ง คนที่โลกิรักและเทิดทูนให้เป็นแม่แท้ๆ ของตน

    คุณแม่พูดอยู่เสมอว่าเขากับธอร์คือ ‘พี่น้อง’ คือลูกชาย ‘ทั้งสองคน’ ของคุณแม่ สำหรับคุณแม่ เขาไม่ใช่ลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเพื่อหวังใช้เป็นหมากต่อรองทางธุรกิจอย่างที่คุณพ่อคิด แต่เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขคนหนึ่งของบ้านโอดินสัน

    และการที่ลูกทั้งสองของคุณแม่จะก้าวล้ำความเป็นพี่น้องไปก็เป็นบาป

    โลกิถึงต้องทนเก็บความลับ ความรู้สึกโหยหาที่ไม่ได้รับการเติมเต็มไว้ภายใต้คำโกหกว่าเขานั้นเกลียดแสนเกลียดคนที่เขาเรียกว่าพี่ชาย

    นับว่าโชคช่วยที่ธอร์เข้าใจว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ของเขานั้นเกิดจากการบอบช้ำทางความรู้สึกหลังรับรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิด

    ถึงจะไม่ใช่ แต่เขาก็ยินดีจะปล่อยให้ธอร์คิดแบบนั้น

    เขายอมได้ทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างอีกฝ่าย

    แต่มาวันนี้ ในวันที่ธอร์อ่อนแอที่สุด ในวันที่ไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้วนอกจากเขาคนเดียว พี่ชายงี่เง่ากลับเลือกที่จะผลักเขาออก

    จะไม่ให้เขาโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ได้อย่างไร

    ไอ้หมีโง่ นั่นไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาทั้งเป็นห่วง ทั้งดีใจแค่ไหนเมื่อเจ้าตัวยอมเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ให้เฮล่าโดยแลกกับการที่คนเป็นน้องชายอย่างเขาจะไม่ถูกทำร้าย

    อย่างกับฉากในหนังรักที่พระเอกช่วยนางเอกจากผู้ร้าย

    เสียแต่ว่าในตอนจบของเรื่อง พระเอกกลับขอให้นางเอกไปมีชีวิตใหม่โดยไม่มีตน

    ให้เขายอมรับเรื่องนี้ก็บ้าแล้ว!!!

    เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตน ชายหนุ่มผมดำจึงไม่ทันสังเกตเลยว่า ริมฝีปากอิ่มใต้หนวดเคราของพี่ชายได้ไล้เรื่อยจากหน้าผากลงมาที่เปลือกตา จูบซับเอาหยาดน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ออกให้ก่อนจะไล้เลยมาที่ปลายจมูก

    มารู้ตัวเอาอีกทีก็ตอนที่หมียักษ์ทาบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางของเขานั่นแหละ

    วินาทีนั้นความคิดทั้งหมดก็พลันหยุดชะงัก

    สมองของโลกิขาวโพลน

    ในตอนนี้ เป็นเขาที่ไม่เข้าใจการกระทำของคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย

    เนิ่นนานทีเดียวกว่ารสจูบแผ่วเบาราวปุยนุ่นจะละจากไป ทิ้งไว้เพียงสัมผัสอ้อยอิ่งที่นำเอาความอบอุ่นแล่นวาบไปสู่หัวใจอันแสนเจ็บช้ำของเขา

    นัยน์ตาต่างสีกันประสานนิ่ง คู่หนึ่งเป็นประกายราวกับเปลวไฟอันอบอุ่น อีกคู่สั่นระริกคล้ายไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    ธอร์ระบายยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว รอยยิ้มที่เขามักเสียดสีเสมอว่ามันทำให้อีกฝ่าย ‘ดูโง่’

    เป็นหมีโง่ที่โลกิไม่อยากจะปล่อยมือจากไป

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดหรือตอบสนองอย่างไร ใบหน้าคร้ามคมรกเรื้อด้วยหนวดเคราแต่กลับทำให้ดูเซ็กซี่จนใจเต้นรัวนั่นก็โน้มลงมาอีก พริบตาเดียวกลีบปากบางของเขาก็ถูกรุกรานอีกครั้ง คนตัวใหญ่บดขยี้ริมฝีปากอย่างร้อนแรงเกินกว่าที่ควรจะเป็น

    ธอร์มอบจูบแรกที่เร่าร้อนเสียจนอุณหภูมิติดลบของนอร์เวย์แทบไม่ส่งผลกับคนที่ยืนท้าอากาศหนาวอยู่ในที่โล่งกว้างรายล้อมด้วยหิมะหนาถึงหัวเข่าเลยสักนิด

    โลกิรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขายินดีที่จะตกลงไปในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนั้น

    ดังนั้นเมื่อคนตัวใหญ่ผละออกไป ชายหนุ่มผมดำถึงได้ถอนหายใจด้วยความเสียดาย

    แต่ธอร์ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง ใบหน้ารกครึ้มนั่นซุกไซ้ไปเรื่อย จากพวงแก้มสู่ใบหู จากใบหูสู่ซอกคอและลาดไหล่ ก่อนที่จะเอนศีรษะซบลงกับบ่าที่บอบบางกว่าของเขา

    คนเป็นน้องถึงกับต้องปรายตามอง คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

    นับว่าเป็นชัยชนะของ ธอร์ โอดินสัน ที่ทำให้คนท่ามากปากไม่ตรงกับใจอย่างเขายอมทิ้งหน้ากากทุกอย่างเพื่อจูบแรกที่เฝ้ารอมาเนิ่นนานนี้

    ใบหน้าของเจ้าหมียักษ์เปื้อนยิ้มมีความสุข ดวงตาคมเข้มเปล่งประกายหวานซึ้งเสียจนโลกิใจกระตุกวูบ เขาเคยเห็นสายตาแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

    ทุกครั้งที่พี่ชายคบกับสาวคนรัก ดวงตาสีฟ้าของเขาก็มักจะฉายแววหวานซึ้งอย่างที่เป็นอยู่นี่

    โลกิไม่เข้าใจ

    หมายความว่าพี่ชาย...ก็มีใจให้เขา...เหมือนกันเหรอ!?

    “โลกิ” เสียงทุ้มห้าวที่เปล่งออกมาแผ่วเบาแทบจะฟังเหมือนเสียงคราง ทั้งแสลงหูและชวนให้รู้สึกวาบหวิวในเวลาเดียวกัน

    “...” คนถูกเรียกไม่ตอบ พยายามรักษาสีหน้าเรียบเฉยแต่ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้

    คงเพราะเขาเสียการควบคุมตัวเองไป รอยยิ้มของธอร์ถึงได้กว้างขึ้นอีก ดวงตาคมจ้องเสี้ยวหน้าของเขาไม่วางตาจนโลกิรู้สึกทำตัวไม่ถูก

    “โกรธรึเปล่า”

    “...” ไม่ตอบ อย่างไรเขาก็จะไม่ตอบ หัวใจรู้สึกพองฟูประหลาดที่ได้รู้ว่าพี่ชายใส่ใจความรู้สึกเขาขึ้นมาบ้างแล้ว

    หมีโง่คงเริ่มคิดได้

    “ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากตอบคำถามที่นายถามเอาไว้ก่อนหน้านี้”

    สีหน้าเปี่ยมสุขของลูกชายคนโตของเจ้าสัวโอดินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาในพริบตาจนคนเป็นน้องเกือบปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

    โลกิขมวดคิ้ว ออกจะงุนงงหน่อยๆ ก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายคงหมายถึงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้

    ‘คำว่า ‘เรา’ ไม่เคยมีที่อยู่ในใจนายเลยสินะ’

    คิดได้ถึงตรงนี้ เสียงในหัวของโลกิก็เริ่มร้องเตือน เขาไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว ที่พูดออกไปก็แค่น้อยใจที่ถูกผลักไส วินาทีนี้เขามีความสุขแล้ว ถึงแม้

    จูบแรกแสนร้อนแรงนั่นจะสั่นคลอนรูปแบบความสัมพันธ์ดั้งเดิมของพวกเขา

    แต่คนเป็นน้องชายไม่สนใจอีกต่อไป ขอเพียงเขายังมีที่อยู่ข้างกายคนตัวใหญ่

    จะอยู่ในฐานะอะไรก็ไม่สำคัญ

    เพราะลึกๆ แล้ว โลกิหวาดกลัวมาตลอดว่าคำตอบของธอร์คือ ‘ไม่’

    “ไม่ต้องตอบก็ได้” ชายหนุ่มโพล่งออกไปแบบนั้น ทำเอาคนที่ยังเอนศีรษะซบไหล่เขาอยู่ถึงกับเลิกคิ้วใส่

    “ไม่อยากรู้จริงเหรอ” น้ำเสียงรื่นเริงเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าของธอร์เหมือนจะต้อนเขาจนมุม โลกิอยากหนีจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด แต่ขาเจ้ากรรมกลับปักหลักนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพี่ชายเอ่ยคำตอบออกมา ช้า ชัดแต่สั่นสะท้านไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

    “สำหรับพี่... ‘เรา’ คือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เคยมี ‘พี่’ หรือ ‘นาย’ มาตั้งแต่แรกแล้ว มีแค่ ‘เรา’ ”

    วินาทีนั้น รอยยิ้มฉายฉาบไปทั้งใบหน้าและนัยน์ตาของโลกิ




    แผ่นหลังของโลกิเอนลงกับเบาะรองพนักโซฟาทำจากผ้านุ่มฟู

    เส้นผมสีดำดุจแพรไหมแนบลู่ไปกับลายปักพื้นเมืองของผ้าคลุม เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ แต่เป็นการเสียสติที่เกิดขึ้นเพราะความสุขที่ล้นปรี่จนเกินขนาด หัวใจของเขาเต้นรัวผิดจังหวะ แรงเสียจนเขามั่นใจว่าพี่ชายต้องรู้สึกได้ โลกิไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานอนกับผู้ชาย แต่เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่ความปรารถนาลึกล้ำของเขาจะได้รับการเติมเต็ม

    จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองพี่น้องก้าวล่วงประตูแห่งบาปไปด้วยกันอย่างเต็มใจ

    เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ตื่นเต้นเป็นพิเศษ อะดรีนาลีนและเลือดฉีดพล่านไปทั่วร่างจนผิวขาวซีดเรื่อสีแดงก่ำไปทั้งตัว ธอร์ดูจะชอบสัมผัสผิวเขาเป็นพิเศษและออกจะใจร้อนอยู่สักหน่อย เพราะบุตรคนโตของโอดินไม่เสียเวลาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในของเขาเลยสักนิด หลังโยนเสื้อโค้ตและดึงสเว็ตเตอร์ตัวนอกออกให้พ้นทาง สิ่งที่พี่ชายทำคือการกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างแรงจนรังดุมขาดวิ่น เสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังแพงระยับตัวโปรดของเขาเลยกลายสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว

    “ใจร้อนจัง พี่ชาย” คนเป็นน้องอดแขวะไม่ได้ แม้เสียงที่เปล่งออกมาจะเจือเสียงครางและแฝงแววล้อเล่นอยู่ในที ธอร์ตวัดดวงตาสีฟ้าสดขึ้นสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

    “อยากรู้รึเปล่าว่าใจร้อนของจริงน่ะเป็นยังไง”

    คนถูกถามไม่ตอบ ทำเพียงอมยิ้มปริศนาแล้วส่ายศีรษะเบาๆ คล้ายเอือมระอากับคนพูด แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มร่างใหญ่จะแปลความหมายภาษากายของเขาเป็นอย่างอื่น เพราะริมฝีปากหนาอุ่นจัดใต้หนวดเครานั่นพรมจูบไปทั่วแผ่นอกของเขา ทั้งขบทั้งเม้มจนเกิดเสียงน่าละอายนับครั้งไม่ถ้วนราวกับจงใจจะตีตราจองเขาเอาไว้ทั้งด้วยรอยบนร่างกายและเสียงที่ประทับลงในความทรงจำของเขาอย่างไม่มีวันจางหายไปไหน

    เขากำลังจะเป็นของธอร์...

    ...อย่างที่เฝ้าฝันมาตลอด

    ฝ่ามืออุ่นร้อนของธอร์ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเขา นุ่มนวลในทีแรก ก่อนจะค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนแทบจะเรียกได้ว่าขย้ำ โลกิสะดุ้งขึ้นน้อยๆ เมื่อมือใหญ่บีบคลึงอย่างแรงจากสะโพกของเขาสู่บั้นท้ายเนียนทันทีที่กางเกงผ้าเนื้อดีถูกกระชากออก แรงจิกหนักๆ อย่างไม่ออมแรงทำเอาเขานิ่วหน้า แม้จะเจ็บ แต่โลกิกลับส่งเสียงครางในคอ ความหฤหรรษ์ที่อธิบายไม่ได้ส่งผลให้ร่างกายของเขาเรียกร้องมากกว่านี้

    มากกว่านี้อีก ความโลภกำลังครอบงำเขา และเขาต้องการทุกสัมผัส

    ไม่ว่าจะอ่อนหวานหรือทารุน ทุกสัมผัส ทุกรูปแบบ ขอเพียงผู้ให้คนนั้นคือ

    ธอร์ โอดินสัน

    “โลกิ--- “เสียงของธอร์แหบพร่า เจือด้วยความต้องการอย่างไม่คิดปิดบัง เจ้าหมียักษ์หายใจแรง มีความลุ่มลึกในแววตาอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดแต่

    โลกิก็รู้ดีว่าพี่ชายต้องการอะไร

    และเพราะความต้องการที่ตรงกันนี้ทำให้โลกิมีความสุขจนรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

    เป็นความฝันที่ร้อนระอุขึ้นตามอุณหภูมิของร่างกายและกิจกรรมที่ทำอยู่

    ลิ้นร้อนของธอร์ลากวนสร้างความวาบหวามจากแอ่งสะดือไปสู่ต้นขาด้านในของเขา หยอกเย้าในสติของโลกิกระเจิดกระเจิงด้วยฟันคมๆ ที่ครูดผ่านผิวเนื้ออ่อนแผ่วเบา คนเป็นน้องขนลุกซู่ เพิ่งตระหนักเป็นครั้งแรกว่าตัวเขาเปิดเปลือยต่อหน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหน อีกเพียงนิดเดียว เพียงแค่ยื่นปลายนิ้วเท้าข้ามเส้นกั้นบางๆ ที่เขาขีดไว้เองมาตลอดนี่ไป ชายหนุ่มผมดำตระหนักดีว่าเพียงแค่ปลายนิ้วก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาถูกดูดเข้าสู่ดินแดนที่ตนพยายามหักห้ามใจมาโดยตลอด และวินาทีที่ก้าวล้ำเข้าไป สถานะของตัวเขาและพี่ชายในใจเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งตัวเขาแทบรอไม่ไหวให้เป็นอย่างนั้น

    เสียงดูดดุนที่ฟังดูเฉอะแฉะหยาบโลนดังแว่วมา ทำเอาคนเป็นน้องต้องปรือตาขึ้น ทิ้งดินแดนแห่งความฝันและจินตนาการเพริดแพร้วดำมืดเอาไว้เบื้องหลัง เพื่อจะค้นพบความเป็นจริงของสถานการณ์ปัจจุบัน...

    ว่าริมฝีปากเซ็กซี่ของธอร์ โอดินสันกำลังปรนเปรออยู่ที่กลางกายของเขา ปลายลิ้นร้อนลากวน หยอกเอินอยู่กับส่วนสงวนที่เขาไม่เคยเปิดเผยให้พี่ชายเห็นมาก่อน

    เพราะความช่ำชองของชายหนุ่ม เพียงไม่นานก็ทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องแอ่นสะโพกเข้าหาสัมผัสนั้นอย่างปราศจากความเขินอาย

    โลกิเปล่งเสียงพึมพำในคออย่างจับความไม่ได้ มือข้างหนึ่งขยุ้มผ้าปักคลุมโซฟาจนยับย่น ขณะที่มือเรียวอีกข้างลูบเรือนผมสั้นสีบลอนด์อย่างรักใคร่

    อันที่จริงเขาออกจะเสียดายเส้นผมสีทองสลวยของพี่ชายอยู่มากทีเดียวในวันที่เจ้าตัวแวะเข้าร้านตัดผมไปโดยไม่เอ่ยถามเขาสักคำ แล้วก้าวออกมาพร้อมกับทรงผมใหม่ที่ดูแปลกตาแต่ขับเน้นความคมเข้มชวนมองและเสน่ห์อย่างบุรุษที่มีมากอยู่แล้วให้มากขึ้นเป็นเท่าทวี

    จนถึงวันนี้ โลกิยอมรับว่าเขายังไม่ชินกับทรงผมใหม่ของพี่ชายนัก แต่ก็ต้องยอมรับอีกเหมือนกันว่าเมื่อตัดผมสั้นแล้วเจ้าหมียักษ์ของเขาดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเป็นกอง

    คนมีศักดิ์เป็นน้องชายเกือบจะเกร็งตัวเมื่ออารมณ์เข้มข้นใกล้ปะทุถึงขีดสุด ทว่าตอนนั้นเองที่ธอร์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ใบหน้าคมมีเสน่ห์ยั่วเย้าผละออกห่าง โลกิหอบหายใจ แผ่นอกขาวสะท้อนขึ้นลงอย่างแรง รู้สึกสับสนจนไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดได้ แต่ทว่ายังไม่ทันเอ่ยถาม คนตัวใหญ่กว่าก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แม้การปลดเปลื้องเสื้อที่ใส่อยู่จะเชื่องช้าอ้อยอิ่งราวกับจงใจแกล้งให้เขาเผชิญพายุคลั่งเพียงลำพัง

    มันทำให้โลกิหงุดหงิด

    แน่ละ ด้วยความที่ไม่ชอบถูกขัดใจและนิสัยไม่ยอมแพ้ใครของเขา

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจึงเอื้อมมือเรียวออก ตะปบหมับเข้าที่ขอบกางเกงยีนส์ของพี่ชาย พริบตาต่อมาก็ลงมือถอดเข็มขัดและปลดซิปด้วยท่วงท่าลื่นไหลชวนมอง

    ธอร์ดูจะถูกใจท่าทีของเขาเป็นพิเศษ อาจเพราะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาสิ้นฤทธิ์ถึงขนาดนี้ ยอมแสดงอารมณ์และความต้องการที่แท้จริงออกมาโดยปราศจากคำลวงเคลือบแฝง

    ทันทีที่กางเกงยีนส์ถูกปลดออกไป ร่างใหญ่หนาราวกำแพงของธอร์ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ แขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามตึงแน่นค่อยๆ ดันคนเป็นน้องให้เอนลงนอนราบ ร่างเพรียวบางถูกกักเอาไว้ในวงแขน โลกิเม้มปากเล็กน้อยพลางช้อนสายตาขึ้นสบนัยน์ตาคมเข้ม รู้ตัวดีว่าท่าทีอย่างนี้ดูยั่วยวนและเชิญชวน แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาตั้งใจ เขาตั้งใจจะล่อลวงให้พี่ชายเติมเต็มไฟปรารถนาของเขาให้เร็วที่สุด ก่อนที่โอกาสนี้จะหลุดลอยไป

    ธอร์ระบายยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่มักมีให้เขาเสมอมา ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากอิ่มกับกลีบปากบาง ตักตวงช่วงชิงเอาอากาศหายใจและความหอมหวานละมุนละไมไปจากน้องชายของตน โลกิแทบจะคิดอะไรไม่ออกเมื่อปลายลิ้นซุกซนกวาดเข้ามาในโพรงปาก สำรวจไปทั่วราวกับนักสำรวจขี้สงสัย รุกล้ำและถือดีเสียจนแทบจะหลอมละลายสติของเขาไปกับจุมพิตในครั้งนี้

    นานทีเดียวกว่าพี่ชายจะยอมปล่อยริมฝีปากเขาเป็นอิสระ แต่นั่นก็หลังจากที่ถูกเขาจิกเล็บเข้าที่หัวไหล่หนาเพื่อเรียกร้องขออากาศนั่นละ และแม้จะยอมผละออกไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังคลอเคลียราวกับอยากมอบจุมพิตที่ร้อนแรงกว่าเดิมให้เขาอีก กลีบปากล่างของเขาก็ถูกขบกัดอย่างหมั่นเขี้ยวและโลกิรู้สึกว่าท่าทีของพี่ชายช่างยั่วเย้าให้เขาอยากยอมสิโรราบโดยไม่มีเงื่อนไข

    “พี่ไม่อ่อนโยนหรอกนะ โลกิ” เสียงหายใจหนักๆ ดังขึ้นข้างหู

    เป็นคำเตือนที่ฟังดูเอาแต่ใจ แต่โลกิกลับรู้สึกรักทุกถ้อยคำที่พี่ชายของเขาเอ่ยออกมา มันทำให้เขารู้ว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังห่วงใย เป็นการแสดงความรักรูปแบบหนึ่งที่คุ้นเคยของธอร์

    โลกิจึงสูดหายใจเข้า เตรียมตัวสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ

    ความเจ็บปวดและอึดอัดจากสิ่งแปลกปลอมที่ชำแรกปากทางอ่อนนุ่มเข้ามาทำเอาโลกินิ่วหน้า เผลอกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียง เขาไม่อยากให้ธอร์รู้ว่าเขาเจ็บ เพราะหากพี่ชายรู้ ความร้อนแรงที่รุกรานคืบคลานเข้ามาในกายเขาจะผ่อนลงเป็นอ่อนโยน

    โลกิไม่ต้องการอย่างนั้น เขาต้องการอารมณ์ดิบทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ธอร์ได้ฉายาว่าไฮโซสุดฮอต ผู้มีเสน่ห์ทางเพศล้นเหลือและสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์กับทั้งธุรกิจและความบันเทิงส่วนตัว

    เขาเคยได้ยินคู่ควงคนก่อนๆ ของพี่ชายพูดคุยกันเรื่องความดิบที่ทำเอาพวกเธอร้องไม่เป็นภาษา

    โลกิต้องการแบบนั้น

    คงเพราะเขาไม่แสดงออกว่าเจ็บ เจ้าหมียักษ์ถึงได้ใจ ขยับเรียวนิ้วเสียดสีกับช่องทางของเขาอย่างไม่เกรงใจ ยิ่งปราศจากตัวช่วยอย่างเจลลื่นใส

    ความคับแน่นจนปวดหนึบจึงชัดเจนกว่าทุกครั้ง ถึงอย่างนั้นโลกิกลับรู้สึกตื่นเต้นและวาบหวามที่ท้องน้อยมากกว่าครั้งไหนๆ

    มากเสียจนเขาเกือบแตะขอบสวรรค์ เสียแต่ว่าธอร์กลั่นแกล้งเขาอีกครั้ง นิ้วแกร่งที่เคยมอบประสบการณ์หฤหรรษ์ให้เขาเมื่อครู่ถอนออกไปช้าๆ จงใจเน้นย้ำทุกสัมผัสราวกับจะตอกย้ำให้รู้ว่าพวกเขากำลังจะกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ ‘พี่น้อง’ อย่างที่เป็นมาตลอดตั้งแต่จำความได้

    ชายหนุ่มผมทองกระตุกยิ้มยั่ว ช้อนสายตามองเขาด้วยแววตาลึกล้ำอ่านไม่ออก เป็นครั้งแรกที่โลกิพ่ายแพ้จนหมดรูป เขาไม่สามารถเดาทางพี่ชายได้อย่างที่ทำได้มาโดยตลอด แต่นั่นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ใช้ชีวิตร่วมกับอีกฝ่ายและมอบกายมอบใจให้ทั้งหมดจนตัวเขาเองไม่เหลืออะไรเลย

    เป็นความรักที่บ้าคลั่งและบิดเบี้ยว แต่โลกิไม่สนใจ

    ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาถูกหล่อหลอมมาด้วยอารมณ์ที่ม้วนงอผิดรูปผิดร่าง ทั้งยุ่งเหยิงไร้ระเบียบและอันตรายจนน่ากลัว แต่ความบ้าคลั่งที่บิดเบี้ยวนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา และในตอนนี้เขาพร้อมที่จะกางแขนออกโอบกอดความบ้าคลั่งอันหอมหวานรัญจวนใจ

    เพราะอย่างนี้ แขนเรียวสมส่วนจึงเอื้อมออก รั้งให้ร่างใหญ่ของพี่ชายโน้มลงมาเล็กน้อย อาศัยบ่าแข็งแรงที่ตึงแน่นไปด้วยมัดกล้ามนั่นเป็นหลักยึดพยุงตัว ดันร่างช่วงบนของตนขึ้น ดวงตาหรี่ปรือมองใบหน้าหล่อเหลาของธอร์ กลีบปากบางทาบลงกับเรียวปากคนตรงหน้า มอบสัมผัสที่สื่อความรู้สึกทั้งหมดของตนให้กับพี่ชาย

    นานทีเดียวกว่าคนอ่อนวัยกว่าจะเคลื่อนเรียวปากมาสู่ต้นคอและลาดไหล่หนาแกร่ง ทิ้งความร้อนรุ่มเอาไว้ทุกที่ที่เรียวลิ้นลากผ่าน ใบหูสดับเสียงครางในคอด้วยความพึงพอใจจากเจ้าหมียักษ์ โลกิลอบอมยิ้ม รู้สึกลิงโลดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเมื่อมือใหญ่กร้านของพี่ชายเค้นคลึงสัมผัสกลางกายของเขาอย่างจาบจ้วง เกือบจะเรียกได้ว่ารุนแรง ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกดี ยิ่งพี่ชายพึมพำชื่อของเขามากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกเป็นที่รักของอีกฝ่ายมากเท่านั้น

    คิดถึงตรงนี้ ฟันขาวราวไข่มุกที่เรียงตัวกันอย่างไร้ที่ติของเขาจึงได้ฝังลึกลงบนไหล่ซ้ายแน่นตึงของพี่ชาย เพื่อสร้างหลักฐานยืนยันและพันธสัญญาของการเปลี่ยนแปลงสถานะที่ต้องแลกมาด้วยราคาแสนแพง

    คนตัวใหญ่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า เอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ชอบแบบนี้รึไง โลกิ งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ”

    สิ้นคำ ร่างเพรียวก็ถูกผลักลงนอนราบอีกครั้ง เรียวขาถูกจับให้แยกออกจากกันกว้างขึ้น การกระทำของธอร์นั้นรวดเร็วและรุนแรงจนคนเป็นน้องตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่ใบหน้าสวยก็มีรอยยิ้มพราวพราย รอยยิ้มที่บอกธอร์ว่าเขาพร้อมแล้ว

    แม้จะบอกตัวเองให้ผ่อนคลาย แต่เมื่อถึงเวลาที่พี่ชายแทรกกายเข้ามาจริงๆ ชายหนุ่มก็กลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่เมื่อความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นไปตามไขสันหลัง ทั้งเจ็บปวดและอึดอัด มือเรียวที่จิกลึกลงกับเบาะโซฟาถึงได้สั่นสะท้านอย่างนั้น

    ธอร์คงจะสังเกต เพราะพี่ชายไม่ได้ฝืนดันตัวเข้ามาอีก ตรงกันข้าม กลับจูบซับน้ำตาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า พลางกระซิบคำรักแผ่วเบาข้างหูเขา ฟังดูคล้ายเสียงพรายที่สะท้อนก้องมาจากความฝัน ทั้งยั่วยวนชวนให้หลงใหล ทรงอำนาจและปลอบประโลม

    โลกิสูดหายใจเข้าช้าๆ แม้จะขาดห้วงในทีแรกแต่ก็กลับเป็นปกติได้ในชั่วอึดใจต่อมา มือเรียวสวยลูบหัวไหล่และแผ่นหลังของพี่ชายที่บัดนี้กลายเป็นคนรักของเขาเบาๆ

    “ขยับสิ ธอร์ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

    แค่ถ้อยคำสั้นๆ แต่ส่งผลอย่างมากกับคนฟัง เพราะหลังจากนั้น

    ธอร์ โอดินสัน คนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรมของเขาอย่างที่คนทั้งโลกรับรู้ก็เริ่มแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง เปลี่ยนอากาศหนาวเหน็บกลางฤดูหนาวของนอร์เวย์ที่ยังไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อนให้ร้อนระอุจนเม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั้งตัว

    โลกิส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข ลืมสิ้นถึงความสำนึกบาปและความละอาย

    เขาไม่จำเป็นต้องสนอะไรอีกแล้ว

    ต่อให้โลกทั้งใบหันหลังให้เขา ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับทุกคนบนโลก เขาก็ไม่สน

    ในเมื่อก้าวเดินสู่เส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีก เขาก็เลือกที่จะมีความสุขไปกับการตัดสินใจของเขาและธอร์

    ด้วยการมอบความรักให้กันอย่างนี้ เติมเต็มกันและกันด้วยความเต็มใจ

    และจับจูงกันไปสู่แดนสวรรค์ที่มีเพียงพวกเขาสองคนจะได้พบ

    ...ทั้งจากนี้และตลอดไป

    โลกิแทบจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อพายุอารมณ์เข้มข้นระเบิดออกในที่สุด ราวกับมีดวงดาวนับล้านอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างช่างเจิดจ้า พร่าตาจนมองอะไรไม่ชัด สิ่งเดียวที่ชัดเจนในคลองสายตาก็คือใบหน้าหล่อเหลาจนใจกระตุกที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่ของธอร์ โอดินสัน ผู้ชายที่เขาหลงรักหมดหัวใจมาเนิ่นนาน

    เสียงหอบหายใจที่สอดประสานกันของพวกเขาฟังดูยั่วอารมณ์เสียจนคนตัวเล็กกว่าต้องรีบพลิกตัวหนี ด้วยหวั่นใจว่าหากยังปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่ในอ้อมกอดแข็งๆ ของเจ้าหมียักษ์ของเขา แต่มีหรือที่หมีโง่เอาแต่ใจตัวนั้นจะยอม แม้จะพลิกตัวหนีมาแล้ว แต่อ้อมแขนแข็งแรงนั่นก็ยังตามมาตอแยไม่ห่าง

    ธอร์บรรจงจูบที่หลังคอของเขาแผ่วเบา เป็นสัมผัสที่ทำเอาคนขี้น้อยใจถึงกับใจอ่อนยวบ ยอมเอี้ยวหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย

    เพื่อที่จะถูกมอมเมาด้วยรสจูบเร่าร้อนราวกับจะหลอมละลายหิมะของนอร์เวย์ให้หายไปในพริบตา

    “พอแล้ว ธอร์” แม้โลกิจะแสร้งทำเป็นหงุดหงิด แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเจือเสียงครางออกมาด้วยอย่างห้ามไม่ได้

    เจ้าของชื่อยิ้มชอบใจ พลางจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าเป็นประกายคล้ายท้องฟ้ายามไร้หมู่เมฆ นิ้วแกร่งเกลี่ยปอยผมสีดำชื้นเหงื่อที่ลู่แนบแก้มใสของเขาออกให้พ้นทาง เพียงแค่การกระทำเรียบง่าย

    ไม่สลักสำคัญอะไร แต่โลกิกลับรู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ

    เพราะความรักที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของธอร์นั้นมากล้นเหลือเกิน

    “ธอร์ พี่ว่า...” ยังไม่ทันจะเอ่ยจนจบประโยค ก็ถูกนิ้วกร้านของคนตัวใหญ่แตะริมฝีปากเป็นเชิงห้าม คิ้วเข้มขมวดเข้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    “ไม่ใช่ ‘พี่’ อีกต่อไปแล้ว”

    คำพูดของคนตรงหน้าหนักแน่นจนคนอ่อนวัยกว่ารู้สึกสะท้านไปทั้งใจ ก็รู้ดีอยู่หรอกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่การได้ฟังคำยืนยันจากปากอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้

    ในที่สุด ฝันหวานแสนอันตรายของเขาก็กลายเป็นเรื่องจริง

    ไม่มีคำว่า ‘พี่น้อง’ อีกต่อไป

    มีแค่ ‘ธอร์’ กับ ‘โลกิ’

    “ธอร์” คนตัวเล็กกว่าขยับปากเปล่งชื่อที่คุ้นเคยออกมา เสียงที่เอ่ยนุ่มนวล ละมุนละไมเกือบจะอ่อนหวาน เพราะถึงจะเป็นชื่อที่เขาเรียกมาตั้งแต่เด็กจนคุ้นชิน แต่ในครั้งนี้กลับแฝงความหมายที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง

    เขากำลังเรียกชื่อธอร์ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่เขารักจนหมดใจ

    คนถูกเรียกพึมพำตอบรับ ก่อนจะเคลื่อนตัวมาแนบชิด แผ่นหลังบางของโลกิแนบไปกับแผงอกและหน้าท้องที่มีมัดกล้ามสวยของเจ้าหมียักษ์ คนตัวเล็กกว่าเลิกคิ้ว รอคอยสิ่งที่อีกฝ่ายจะเอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ตนก็ไม่รู้ว่าคืออะไร

    แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจกลับเป็นสัมผัสเย็นเฉียบของโลหะที่นิ้วมือข้างซ้าย แม้จะไม่ใช่นิ้วนาง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตวัดดวงตาโตสีเขียวสดคล้ายลูกแก้วลงมองสิ่งนั้น

    ประกายวิบวับที่สะท้อนกลับมาจนแสบนัยน์ตานั่นคือแหวนเพชรวงโปรดของคุณแม่

    วงที่เขาเข้าใจมาตลอดว่าถูกยัยเฮล่านั่นยึดไปพร้อมทรัพย์สินอื่นๆ ในบ้าน

    “เหมาะกับนาย” ธอร์ยิ้มจนตาหยี จับมือเขาขึ้นมาพิจารณาแหวนวงน้อยบนเรียวนิ้วงดงาม ทุกอย่างดูเหมาะเจาะลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นนิ้วเรียวดุจลำเทียน หรือแหวนตกทอดประจำตระกูลฝั่งคุณแม่ที่สวมเข้านิ้วก้อยของชายหนุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    “ธอร์...”

    ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร ปากอิ่มอุ่นจัดของคนตัวใหญ่ก็ทาบทับลงมาดูดซับเอาเสียงและความคิดของคนในอ้อมกอดไปจนหมดสิ้น

    โลกิมีความสุขจนรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือความฝัน

    แต่จุมพิตดูดดื่มหวานล้ำที่ธอร์มอบให้เขาอยู่ในขณะนี้ย้ำเตือนว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นจริง เป็นความจริงที่หอมหวาน โอบอุ้มพวกเขาทั้งสองเอาไว้ราวกับปีกที่อ่อนนุ่มของเทวทูตบนสวรรค์

    “ถือว่าเป็นแหวนแต่งงาน ใส่แล้วห้ามถอดนะรู้มั้ย”

    แววตาของธอร์ไม่คาดคั้น ออกจะเว้าวอนด้วยซ้ำ สำหรับคนอย่างธอร์

    มีน้อยครั้งนักที่เขาจะอ้อนวอนใคร

    และโลกิคือหนึ่งในกลุ่มคนผู้โชคดีเหล่านั้น

    แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้วุ่นวาย โลกิรู้ดีว่ามีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่เขาจะมอบให้ชายคนรัก

    และมันจะเกี่ยวกระหวัด ผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกันตลอดกาล

    “...จะไม่ถอดเด็ดขาด....ชั่วชีวิต”


    FIN


    _______________________________________

    สวัสดีค่ะ ทุกคน Fuyuki นะคะ รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เขียนฟิคนี้เผยแพร่แก่สาธารณะ >////< แฟนฟิคนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม #บัดดี้ธอร์กิ ในทวิตค่ะ เนื่องจากบัดดี้ได้รับของแล้ว เราเลยเอามาลงให้ทุกคนได้อ่านกันเนอะ
             ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชันเรื่องแรกในชีวิตของเราเลยค่ะ ไม่เคยเขียนแฟนฟิคมาก่อน ผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ 
             โจทย์ที่ได้มาก็ท้าทายมากๆ บัดดี้บอกว่าหื่นๆ แล้วเราเป็นคนไม่อ่านฟิคเรท ไม่เคยแต่งฟิคเรทมาก่อนเลยด้วย แทบกุมขมับ คิดหลายตลบมากว่าเอาไงดี จะเขียนแนวที่ตัวเองถนัด หรือจะลองท้าทายตัวเองด้วยการเขียนฉากเรทดูซักครั้ง สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า จะลองท้าทายตัวเองดูค่ะ!
             เรื่องนี้เป็น Modern AU พี่ท้อกับน้องกิเป็นลูกเจ้าสัวโอดิน เนื้อเรื่องอาจจะไม่ค่อยมีอะไร เพราะเราอยากท้าทายตัวเองคูณสองด้วยการเขียน Porn without plot ดูน่ะค่ะ ปล่อยมันไปอย่างที่ใจต้องการ
            หวังว่าจะถูกใจคนอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ,,^   ^,,

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in