เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My story travellingaratair
ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง The Phukradueng Conqueror
  • หลังจากตกปากรับคำชวนไปภูกระดึงแบบงงๆ ทั้งทริปไปกันเจ็ดคนแต่ทั้งกลุ่มรู้จักอยู่คนเดียวที่เหลือไม่รู้จักใครเลย แต่กลายเป็นพวกเขาคือรุ่นพี่ที่เคยเรียนมอเดียวกัน ตลอดทั้งทริปประทับใจมาก ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่พี่ๆก็ดีกับเรามากถ้าพวกพี่เขาได้มาอ่านบล็อกนี้ก็อยากบอกว่าหนูรู้สึกขอบคุณมากเป็นทริปที่ประทับใจจริงๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีก ขอบคุณมากๆนะคะ


    มาถึงอุทยานตอนสองทุ่มกว่าๆ เสียค่าเข้าคนล่ะ40บาทแล้วก็ค่ายานพาหนะ30บาท คืนนี้ต้องนอนในรถก่อน พอตีห้าก็ตื่นไปอาบน้ำแต่งตัว ที่นี่เขามีห้องอาบน้ำให้สะอาดดีมากแต่เราได้ไปอาบห้องน้ำชายเฉยเพราะมองไม่เห็นห้องอาบน้ำหญิงพออาบเสร็จถึงเห็นว่ามันก็อยู่ข้างๆกัน5555


    พอทำธุระเสร็จรอคนมามาครบเรียบร้อยแล้วก็เอากระเป๋าไปให้ลูกหาบแบกขึ้นไปให้ กิโลกรัมล่ะ30บาท หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวเช้า พี่เขาเลี้ยงด้วย บอกแล้วว่าใจดี พอกินเสร็จก็แวะถ่ายรูปก่อนขึ้นนิดหน่อย แล้วนี่ก็คือทางที่ต้องผ่านก่อนพิชิตภูกระดึง

    ซำแรกผ่านไป ซำสองซำสามค่อยๆผ่านไป ตลอดทางนี่พยายามจะเดินให้นำหน้าพวกพี่เขาตลอดเพราะแต่ล่ะคนดูเชี่ยวชาญในการเดินป่ามาแล้วเราไม่อยากหยุดพักบ่อยๆให้พวกพี่เขาต้องรอ แล้วทางคือเละมากอาจเป็นเพราะไปช่วงพายุเข้าพอดีฝนเลยตกตลอดทางถือว่าเดินสบายๆอากาศไม่ร้อนแต่เสียใจตรงเอากล้องฟิลม์ไปแถบไม่ได้ใช้เลยหมอกลงตลอดไม่มีแสงเลย เศร้า

    ระหว่างทางก็จะเจอลูกหาบแบกของขึ้นไปไม่ก็แบกลงมาแล้วของที่แบกไม่น่าต่ำกว่าห้าสิบหกสิบโล นี่แบบเขาแบกไปได้ยังไงนี่เดินตัวเปล่ายังจะไม่ไหวลูกหาบบางคนเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ สุดยอดมาก
                             อันนี่เขาแบกอาหารขึ้นไป นี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมยิ่งสูงถึงต้องยิ่งแพง

    ที่ประทับใจสุดคือมิตรภาพระหว่างทางคือทุกคนดูช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางคนลื่นล้มก็ช่วยกันพยุงขึ้น บางคนเจอทางที่ดีกว่าก็บอกให้มาทางนี้ดีกว่าไม่ลื่น ตอนเราเดินใกล้จะถึงยอดแล้วอาจเป็นเพราะเราดูเหนื่อยๆมีพี่ผู้หญิงคนนึงเขากำลังเดินลงเขาพูดให้กำลังใจบอกว่าสู้ๆนะอีกนิดเดียวใกล้ถึงแล้ว จนในที่สุดก็เดินมาถึงแล้วจริงๆ



    แวะถ่ายรูปตรงป้ายเสร็จแล้วก็เดินต่อไปบ้านพักอีกประมาณสามกิโล ผ่านต้นสนในตำนานใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูป



    พอเดินไปถึงศูนย์นักท่องเที่ยวก็หาไรกิน เอากระเป๋า เข้าที่พัก อาบน้ำ นอน อดไปดูพระอาทิตย์ตกเลยเพราะฝนตกนั่นแหละแล้วก็ปวดขามากอยากตัดขาทิ้งพี่ที่นอนข้างๆถึงกับบอกว่าได้ยินเสียงนี่ร้องโอดโอยเวลาขยับตัวด้วย55555 แต่ได้ยาจากพี่ที่มาด้วยกันนั่นแหละไม่รู้ว่ายาอะไรแต่ขอเรียกว่ายาวิเศษกินไปหนึ่งเม็ดไม่ได้รู้สึกปวดขาเลยเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้ใช้ขาวันรุ่งขึ้นไปปั่นจักรยานต่อได้อีกเฉย



    ก่อนนอนก็นัดกันตีห้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นจะมีเจ้าหน้าที่พาไป แต่นี่ตื่นมาทุกคนคือพร้อมกันหมดแล้วนี่ก็ไปแบบยังเมาขี้ตาอยู่ ตอนเช้าอากาศหนาวมากแล้วลมก็แรงมีทะเลหมอกพัดมาให้ดูแปปนึงแต่ตอนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นสวยดี


    ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วก็เดินกลับไปกินเข้า อาบน้ำ แล้วก็เช่าจักรยานไปดูน้ำตก แต่จำไม่ได้ว่าชื่อน้ำตกอะไรเพ็ญพบ โผนพบหรือไม่ใช่ทั้งสองก็ไม่รู้แต่ตรงนี้เกือบได้เป็นผีเฝ้าน้ำตกล่ะ คือมันจะมีโขดหินเล็กๆตรงหน้าน้ำตกยืนได้ไม่น่าเกินห้าคน เราก็ยืนถ่ายรูปอยู่แล้วคนก็เริ่มมายืนเยอะขึ้น นี่เห็นแบบนั้นเลยจะเดินกลับแต่ด้วยบนหินมันมีตะไคร้น้ำหรือมอสบวกกับรองเท้าเราด้วยแหละเลยลื่นจะหงายหลังตกลงไป แล้วข้างล่างมีแต่โขดหิน ดีนะที่มีพี่เขาคว้ามือไว้ได้ทันไม่งั้นไม่หัวฟาดตายก็น่าจะเอ๋อบ้างแหละ555

    พอเดินลงมาอีกหน่อยก็จะมีน้ำตกอีกอันแต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่ออะไร แต่ตรงนี้มีใบเมเปิ้ลสีแดงด้วยย ใจจริงอยากมาช่วงธันวา มกรา ช่วงที่ต้นเมเปิ้ลเป็นสีแดงทั้งต้นแล้วใบร่วงเต็มพื้นไปหมด แต่เห็นแค่นี้ก็ดีใจแล้ว ไว้คราวหน้ามาซ่อม


    พอเสร็จจากน้ำตกแล้วก็ปั่นจักรยานไปชมผาต่างๆซึ่งมีเยอะมากจำชื่อไม่ได้จริงๆ ผาเหยียบเมฆ ผาหมากดูก ผานกแอ่น จำได้แค่นี้5555 แต่ชอบวิวสองข้างทางระหว่างไปมากเลยไม่รู้ว่ามันเป็นป่าแบบไหนแต่คล้ายๆกลับสะวันนาผสมต้นไม้จากการ์ตูนมาดากัสการ์หน่อยๆ

    คนอื่นเขาเช่าจักรยานมาปั่นกันนี่เช่ามาเข็นแต่โชคดีมีพี่ข้างหน้าเข็นเป็นเพื่อน

    สรุปแล้วเป็นทริปที่ประทับใจมากถ้ามีโอกาศอยากกลับไปอีกแน่นอน 

    ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่คอยดูแลตลอดทริป



























Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in