อันนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วนะ
เราจะยัดๆสองวันไว้ในตอนเดียวเลยเพราะวันกลับไม่มีไรมาก (มั้ง)
เดี๋ยวให้ดูรูปโรงแรมก่อนที่เราบอกว่ามันกากมาก
คือถ้าใครไปปักกิ่งแล้วจองโรงแรมเองแบบไม่ได้อยู่ในเมืองมาก ก็คืออย่าไปหวังไรมากนะ แบบ มันอาจจะไม่สวยหรูแบบในรูปอะ นี่ก็คือโดนหลอกมาแล้ว สภาพเหมือนดูดีอะ แต่จริงๆประตูพัง ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อย่างที่บอกไปในตอนที่แล้ว กลับไปอ่านได้ เราจะให้ดูแค่รูปนะ
อันนี้เดินสามก้าวถึงเตียงเลยนะ คือไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไรทั้งนั้น ไม่มีหน้าต่าง เพราะอยู่ใต้ดิน ถถถถถถถถถถถถถ
ประตูเจ้าปัญหา 555555
โอเค ตื่นเช้ามาวันไซน์ งานเริ่มเที่ยงมั้ง
แต่เราตื่นมาเตรียมตัวเช้ามาก ตื่นมากินมาม่า ที่พกมาจากไทย
แต่เปนมาม่าจีนที่ซื้อไว้ตอนทริปหนานจิง 55555555555555555555
สภาพแบบจนมาก
แต่จริงๆก็คือ กลัวเสียเวลา และไม่รู้ทางด้วยอะ ต้องรีบไปให้ถึงที่จัดงานไว้ก่อน เพื่อความชัว
สถานีที่เราอยู่กับสถานที่จัดงานห่างกันสามสถานี อันนี้คือคิดมาแล้ว ทำการบ้านมาแล้ว
ว่าแบบ พักให้ใกล้กับที่จัดงานมากที่สุด กลัวหลง555555555
ความพีคอีกอย่างคือพอลงสถานี Xingong นี่อะ
เอาอีกละ ออกมาปุ๊บ มีคนจีนมาถาม @(@()$@&$ แล้วก็ชี้ๆๆๆไปทางถนน เหมือนจะถามว่า สถานีนี้คือไปห้างนี้ใช่มั้ย (ที่จัดงานคือในห้าง) เราก็แบบ เอ่อ คือ หน้ากูเหมือนคนรู้ทางหรอ กูก็เดาเอาเหมือนกันมะ คือก่อนออกมาเราแอบดูในสถานีมันมีบอกอยู่ว่าประตูนี้มีสถานที่สำคัญอะไรบ้าง มันเหมือนของไทยแหละ มันก็มีป้ายบอกอยู่ อ่านเอาสิโว้ย แต่ที่ยากคือชื่อห้างไม่ขึ้น มันขึ้นเปนชื่อถนน นี่ก็ศึกษามานิดหน่อยว่าห้างเราอยู่ถนนนี้ แล้วยังเสือกมีเหนือมีใต้ด้วยนะ ก็เดาสุ่มๆ ออกมา ถ้าไม่ใช่ค่อยเข้าไปใหม่ แค่นั้นแหละ อย่าไปกลัว -___- ถถถถถถถถถ
เออ สรุปก็ตอบเค้าไปว่า ไอ ด๊อน โนว
และใช่ค่ะ ถูกทางงงงงงง ปิ๊งป่อง
ความช็อกอย่างนึงตอนเดินเข้าห้างคือ
มีวัยรุ่นยืนจูบกันอยู่หน้าห้องน้ำ อิฝัด
55555555555555 เต็มตาเรย แง เนี่ย เดินถัดไปจากลุงคนนั้นในรูปอีกนิดจะมีห้องน้ำ ทางเข้าห้องน้ำก้อคือแม่งยืนดูดปากกันตรงนั้นเรย ต้อนรับกุเรย =_=
ตกใจแปปนึง แต่ก็ต้องเดินผ่านไปแบบไม่มีไรเกิดขึ้น เพราะว่าต้องตามหาอีกว่าเค้าจัดงานกันตรงไหน
ความพีคของวันนี้คือ
มีลุงคนนึงมาชักชวนให้ไปทดลองเครื่องสำอางค์ หรืออะไรนี่แหละ
คือตอนแรกเราเดินผ่าน เราก็แบบ โนๆ ปฏิเสธแบบคนต่างชาติ นางก็พูดจีนใส่แบบรัวๆๆๆๆๆ เราก็พยายามส่ายหัว คืออย่ามายุ่งกับกูโว้ยยยยยยยยยยยยยยย แล้วก็พยายามเดินหนีเว้ย พอรอดไปรอบนึง คือกูก็เดินหาที่จัดไง เดินวนมาใหม่ คราวนี้อีลุงคือเตรียมโทรศัพท์มาแล้ว
มันเอากูเกิ้ลทรานสเลทมาคุยกับกูค่ะ อิเวนนนน มึงไม่จบกับกูอะ คือนับถือความพยายาม
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกมันต้องการไร คือนางก็เอามาให้ดูอ่าจับใจความได้ว่าเนี่ยให้ไปทดลองแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ฟรี ด้วยความเปนชะนีงก กูก็เริ่มคล้อยตามละ .. อ่า เอ่อ ได้ยินคำว่าฟรีไง
555555555555555 นางก็แบบ ชักจูง บอกให้มาทางนี้ นี่ก็เดินตามแบบ มึนๆ คิดไปด้วย คือยังไงดี สองจิตสองใจอ่ะ นางก็พาเดินขึ้นบันไดเลื่อน พอขึ้นบันไดเลื่อนไป จะถึงร้านอยู่แล้วนะ กูแบบ เหมือนสติมา เห้ย มันไม่ถูกต้อง แอม! ไม่ได้ !! ถ้ามันนนานล่ะ เดี๋ยวไซน์ไม่ทันนะ
ด้วยความตกใจมาก พอคิดได้คือรีบบอกเค้า ซอรี่ๆ ไอแฮพทูโก แล้วทำไงรู้ป่ะ
วิ่งหนี 5555555555555555555555555555555555555
กูวิ่งหนีแบบลุงก็คว้าแขนไม่ทันอะ
555555555555555 ไอ่เหี้ยเอ้ย นี่มันประสบการณ์อะไร แบบ ต้องมาวิ่งหนีลุงที่จะพากูไปทำการทดลองผิวหนังอะ ฮือ ตร่กตัวเองมาก555555555555
สุดท้ายเราก็รอดจากลุงได้
และเจอที่จัดงาน (อยู่ใกล้ๆกับที่ลุงจะพาไปเลย คือต้องคอยหลบกลัวลุงมาลากไปอีกTT อิห่า)
และ ทาแด่นนนนนนนน
รอบนี้ มีเก้าอี้จ้า ทุกคนนนนนน555555555555
รอบนี้คือทรงเหมือนจะดี มีเก้าอี้ด้วย และจัดเปนสัดส่วนดี
เหมือนคนมาน้อยกว่าเพราะมันเพิ่งจัดไปสองอาทิตย์ที่แล้ว แล้วคนไทยคือมีน้อยมาก (แต่ก็มีนะ) นี่ก็ไปนั่งๆยืนๆรออยู่นานเพราะไปก่อนเวลาพอสมควรเลย ข้าวก็ไม่กินแล้วจุดนี้ นั่งรอเรียกคิวอย่างเดียว
และเช่นเคยคือเราพรีออเดอร์กับลูคัสบาร์เจ้าเก่า 555555
แต่ค่ะแต่
ไม่ต้องเปนห่วงนะ ตอนน้องมา
ถึงจะมีเก้าอี้ทุกคนก็คือยืนจ้า 5555555555555555555 อิห่า กูท้อ
เล่าตอนไซน์เลยละกัน
รอบนี้พอบอกว่าเปนคนไทย นางก็ไหว้เหมือนเดิม
5555555555แล้วเราเขียนโน้ตไปจากบ้านเลยว่า ให้กำลังใจเราหน่อย
น้องก็ทำหน้าแบบ เปนไรอะ ป่วยหรอ ต้องการกำลังใจแบบไหน กวนตีนอะ5555555555555555 แต่สุดท้ายนางก็ให้ไฟติ้งมา
55555555555555 อ้อ แล้วตอนที่เราบอกว่ามาจากไทย คือเราพูดเบามาก
น้องก็เลยก้มลงมาฟัง แบบเอาหูมาใกล้ๆอะ แง้ T-T อันนี้คือไม่ไหวมาก แบบโทรศัพท์สั่น มือสั่น ตัวสั่นไปเลย ไอ่เวน ฮือ 555555
และได้หัวใจแบบแรนด้อม แบบไม่ต้องขอ น้องเขียนให้เอง อิ้อิ้
และวันนี้ก็คืออยู่ได้ด้วยเบอร์เกอร์ไก่อีกแล้ว
อิ่มทิพย์ 55555555555555555555555555
แค่ได้สิ่งนี้เราก็ไม่ต้องกินอะไรแล้ว หยอก ต้องกินสิ
ตอนแรกที่เลิกงานแล้วว่าจะไปเดินเที่ยว ปรากดว่าฝนตก ก็เลยนั่งสิงอยู่ที่ Mc แล้วก็ได้สิ่งนี้มา คือที่จีนมันกำลังโปรโมตเลยอะ (แต่มันเพิ่งเข้าไทยปี 2018)
แถ่นนนนนนน
และตอนที่มีก็คือไม่รู้มันเอาไว้ทำไร จนมันเข้าไทย เอ้อ เค้าบอกเอาไว้วางโทรศัพท์
55555555555 ถ้ย เพิ่งรู้นี่แหละ มีเก็บไว้นานมากอะ
อันนี้คือหน้าห้างตอนจะกลับ คือนั่งแช่ที่แม็กแบบ สองชม.ได้5555555
จริงๆควรออกไปเที่ยวเนอะ คิดแล้วแอบเสียดายเหมือนกัน เวลาก็เหลือนะ แต่ตอนนั้นคือฟินมาก อารมณ์แบบ ทริปนี้ฟูลฟิลแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้วจ้า5555555
เอ้อ แล้วทริปนี้คือได้สัมผัสส้วมแบบ ส้วมซึมของจีนแล้ว
ตอนไปหนานจิง เข้าห้างแล้วสงสัยมันห้างไฮโซ เลยเจอชักโครก แต่ห้างนี้ได้ใช้ส้วมซึมและได้ใช้เท้าเหยียบตอนกดชักโครกแล้วจ่ะ ตื่นเต้นเหมือนกัน 55
แล้วสรุปวันนั้นก็จบแบบ กลับโรงแรมไปแบบหนักๆ (แบกโฟโต้บุคไปสิบเล่ม) แล้วก็กลับไปฟินต่อ
5555555555555
ขากลับเราเวียร์มาเก๊า
ตอนไปสนามบินคือโคตรรรรรรรรรรวุ่นวาย มันเปนเช้าวันจันทร์เว้ย ที่แบบ เหมือนกันทั่วโลกคือรัชอาว คนเยอะมาก ต้องแบกกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไฟตอนแปดโมง แม่งเง้ย แล้วความซวยยังไม่จบ คือตอนเช็คเอาท์เสร็จ กำลังก้าวขาออกจากโรงแรมเลยนะ หูกระเป๋าหลุด กระเป๋าเดินทางหูหลุด แปลว่าไร แปลว่าจะหิ้วไม่ได้ ต้องใช้วิธีหิ้วก้านที่เอาไว้ลากแทนอะ แล้วมันก็เกะกะใช่มะถ้าจะเอาออกมาตอนเรายกขึ้นบันได คือมึงจะอดทนอีกนิดก็ไม่ได้เนอะ -_- เฮ้อ
ขากลับก็กลับแบบเดิมเลย นั่ง ABC ไปแอร์พอร์ต รอบนี้ไม่ได้นั่ง เลยถ่ายวิวจากหน้าต่างมาด้วย
และสนามบินเค้าสวยมากทุกคน
เคาท์เตอร์เช็คอินเยอะจัด
ตอนที่เช็คอินคือ ด้วยความที่เราเวียร์มาเก๊า เค้าเลยออกบอร์ดดิ้งพาสให้สองใบเลย
เป็นของแอร์มาเก๊า Air Macao ติดตรา Star Alliance แปลว่าไรคะ แปลว่าแอร์ของสายการบินนี้จะพูดอังกฤษได้นั่นเองค่าาาาาาาาาาาาาาาา ก็คือคุยกันรู้เรื่องแล้วนั่นเอง ได้กินตามที่อยาก ไม่ต้องเดา ได้กินน้ำ ได้กินข้าวอย่างที่ควรจะเปน
555555555555 เปนครั้งแรกเลย T T
เอ้อ แต่ว่าถึงจะมีบอร์ดดิ้งสองใบ แต่เราก็ไม่ต้องไปโหลดกระเป๋าใหม่ เค้าบอกตอนให้บอดดิ้งเลย ว่าไม่ต้องโหลดกระเป๋า บอกว่าของๆเราให้ไปเอาที่แบงค๊อกเลย อันนี้แฮปปี้
เออ แต่ตอนที่เวียจากไทยไปลงอู่ฮั่นอันนั้นเราต้องโหลดกระเป๋าใหม่ อันนั้นไม่รู้เพราะไรเหมือนกัน ต้องเช็คอินใหม่อีก ก็มีความผีความสางอย่างที่เล่าไป ไปอ่านกันได้ในตอนแรกนะ
สนามบินปักกิ่งต้องนั่งรถไฟจากเทอมินัลไปที่เกต ด้วย
อันนี้ทางไป แอบถ่ายไว้อยู่
จากตรงนี้ก็คือยังไม่มีคนไทยเช่นเดิม555555555555
จนไปถึงมาเก๊า รอเวียเครื่อง จากมาเก๊าถึงไทย ก็เลยเจอคนไทยบ้างแล้ว อิอิ
แล้วก็ไม่ได้ออกจากสนบ.เลยนะ เพราะรอเวีย 2-3 ชม.เองอะ นั่งเล่นมือถือแปปเดียวก็ถึงแล้ว ตอนนั้นก็เปนเวลาบ่ายๆ นั่งไปนั่งมาไม่นานก็ถึงเวลาแล้ว
สนามบินมาเก๊าพีคสุดคือ อยู่กลางน้ำอะ
ตอนกำลังจะลงรันเวย์คือลุ้นมาก เพราะสนามบินคือล้อมด้วยน้ำ
จุดเริ่มต้นรันเวย์คือติดน้ำอะ TT
แล้วตอนลงต่ำเรื่อยๆ คือเหมือนมันจะลงน้ำเลยเว้ย แบบ เห้ยๆ ต่ำแล้ว แต่ยังมองไม่เหนพื้นปูนอะ ถถถถถถถถถถถถถถ ลุ้นไปอีก ลุ้นมาก
แต่สนบ.เค้าสวยยยยยย
จบด้วยภาพนี้
คิดว่าน่าจะแชร์ประสบการณ์ทั้งหมดครบแล้วนะ
ทั้งหมดนี้คือเราไปคนเดียว ตั้งแต่ไป กลับ ไม่ได้ไปเจอใคร ไม่มีเพื่อนระหว่างทริป
คือทั้งหมดทำเอง คิดเอง ตัดสินใจเอง ทุกอย่างคือสู้มาก T-T
แล้วเราไม่รู้ภาษาจีนเลย เลยยยยยอะ แบบรู้แค่ หนีห่าว จริงๆ ตัวเลขยังไม่รู้เลย
55555555555 โคตรซ่า คือพอกลับมาจากทริปนี้ ภูมิใจมาก และคิดว่าปลดล็อกสกิลเอาตัวรอดไปได้อีกขั้นนึง และไม่กลัวเวลาจะไปไหนแล้วอะ
55555555555 คือผ่านสิ่งนี้มาได้ก็สตรองสุดๆแล้ว
อยากจะบอกทุกคนที่กำลังคิดจะไปต่างประเทศ อาจจะแบบอยากไปเที่ยวแต่ไม่มีเพื่อน หรือว่าอยากลองไปหาประสบการณ์สนุกๆไรงี้นะ ว่า แรกๆมันอาจจะน่ากลัว แต่เอาเข้าจริงมันก็จะผ่านไปได้เว้ย
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ทุกคนก็ต้องรู้จักสังเกตและระแวดระวังเอาเองนะ เอาจริงๆไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราก็ต้องสังเกตและระวังอยู่แล้ว เพราะงั้นแค่ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยงมากไปก็พอ
ใครที่กำลังคิดอยากไปเที่ยวและไม่มีเพื่อน
ไปเลย ไปเหอะ ไปคนเดียวก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
มันก็ออกจะสนุกดี แล้วเราจะภูมิใจในตัวเองมากอะ 555
สวัสดีฮะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in