ลงเครื่องมาปุ๊บ จูยองอ้ปป้าผู้อารีก็บอกว่าวันนี้จะพาน้องแม้วไปแอ่ววัดกังหัน เรื่องของเรื่องคือพี่ต้องไปธุระแถวนั้นพอดี เลยพาติดสอยห้อยตามไปด้วย อ้ปป้าบอกว่าวัดนี้ชื่อว่าวัดแชกงหมิว (Che Kung Temple คนไทยเรียกวัดกังหัน) เหตุที่ชื่อว่าวัดกังหัน ตามตำนานบอกไว้ว่าวัดแชกงแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงแม่ทัพแชกง นักรบแห่งราชวงศ์ซ่งผู้ยิ่งใหญ่ที่ข้าศึกต่างก็ยำเกรง ยามที่ออกรบท่านใช้สัญลักษณ์รูปกังหันติดไว้ที่รถศึกเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่กองทัพ เหล่าทหารต่างก็เชื่อว่ากังหันจะพัดแต่สิ่งที่ดีเข้ามาและพัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกไป อีกตำนานก็เล่าว่า สมัยนั้นมีโจรสลัดยกทัพจะมาปล้นหมู่บ้านซ่าถิ่น ชาวบ้านจึงได้อพยพหนีโจรกันอลหม่านขณะนั้นก็มีหญิงคนหนึ่งหอบลูกหนีเช่นกัน ระหว่างนั้นเธอก็ได้พบกับชายชราลักษณะน่าเกรงขาม เมื่อชายชราถาม เธอจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ชายชราจึงบอกให้เธอกลับไปยังหมู่บ้านและพับกังหันลมกระดาษให้ได้มากที่สุดแล้วนำไปเสียบตั้งไว้หน้าหมู่บ้าน ต่อมากองทัพโจรสลัดก็เคลื่อนผ่านหมู่บ้านนั้นไป ชาวบ้านก็รอดพ้นจากการถูกปล้น และเชื่อว่าชายชราผู้นั้นก็คือแม่ทัพแชกงนั่นเอง
วัดแชกงหมิวสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 12 ประมาณ 300 กว่าปีมาแล้ว เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวฮ่องกงและชาวจีนแผ่นดินใหญ่มักจะมาสักการะเพื่อความเป็นศิริมงคล อาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ภายในวัดมีจำหน่ายจี้กังหันขนาดเล็ก แหวน เข็มกลัด ต่างหูและแผ่นทอง และของนำโชคอีกหลายอย่าง วันที่เรามาคนไม่เยอะมาก แต่ก็เจอคนไทยสะพายกล้อง ถือไม้เซลฟี่เดินผ่านหน้าเราไป ที่ขำมากคือมีสาวไทยแอบมองจูยองอ้ปป้าของเรา เธอสะกิดเพื่อนแล้วบอกว่า
"คนเสื้อดำข้างหลัง หล่อยังกะหนุ่มเกาหลี"
ทำใจอยู่นานกว่าจะเล่าให้นางฟังโดยไม่หลุดขำออกมาก่อน จูยองอ้ปป้าทำหน้านิ่ง ไม่บึ้ง ไม่ยิ้ม ซึ่งก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเขินหรืออะไร เพราะเวลาดีใจก็หน้านี้ ประหลาดใจก็หน้านี้ อ้ปป้าหันมากระซิบหน้านิ่งตามเคย
"บอกพวกเขาไปสิ ว่าพี่เป็นแทกุกซารัม" (แทกุกซารัมคือคนไทย) ฉันสตั๊นไปเกือบสิบวินาทีกับคำตอบ โอ้ยย อ้ปป้าทำไมร้ายยย
เจ้าหน้าที่วัยคุณป้าทักทายเราเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง จนเมื่อฉันบอกว่าเป็นคนไทย เธอทำหน้าประหลาดใจแล้วเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยด้วย คุณป้าพาเราไปเขียนชื่อในสมุดลงนาม ส่งธูปให้เรากำใหญ่ แยกเก็บไว้สามดอกเพื่อไปไหว้เทพเจ้าด้านใน นอกนั้นให้เอาไปปักตรงกระถางกลางแจ้ง เสร็จแล้วให้หมุนกังหัน โดยใช้มือซ้ายหมุนจากซ้ายไปขวา ถ้าชีวิตในปีที่ผ่านมาไม่ดี แต่ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วก็ให้หมุนกังหันกลับจากขวาไปซ้าย เสร็จแล้วก็เดินไปตีกลองเพื่อเป็นการบอกกล่าวกับเทพเจ้าว่าข้าพเจ้ามาสักการะบูชา การลั่นกลองถือเป็นธรรมเนียมของนักรบที่จะลั่นกลองรบเมื่อได้รับชัยชนะหลังออกศึก แล้วเอากระดาษที่ได้มาพร้อมกับธูปใส่ในรถเข็น เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมาจัดการเอง เธอแนะนำวิธีการไหว้ว่าเวลาอธิษฐานขอพร ให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเทพเจ้าแชกงด้วย พอไหว้เสร็จ ฉันหันไปมองจูยองอ้ปป้าที่เงยหน้าอธิษฐานนิ่งนาน ราวกับจะมีสิ่งอธิษฐานในใจยาวเหยียด เขาขออะไรนะ คนเพียบพร้อมและดูชีวิตมีความสุขดีอย่างอ้ปป้าจะยังอยากได้อะไรอีกนะ ถ้าฉันรู้สิ่งที่อยู่ในใจเขาก็คงจะดี ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนฉันก็อยากรู้ใจคนอื่นแบบนี้ นั่งสงสัยอยู่ในอุโบสถวัดป่า เบื้องหน้าเป็นพระเถระนักปฏิบัติ พอคลานเข้าไปกราบท่านโดยที่สิ่งที่คิดก็ยังอยู่ในใจไม่ได้พูดออกไป เงยหน้าขึ้นมาท่านก็พูดว่าปฏิบัติไป ไม่ใช่ให้รู้ใจผู้อื่น แต่ให้มีสติระลึกรู้อยู่เสมอ เราดูเข้าไปในร่างกายที่กว้างศอก ยาววา หนาคืบนี้ พิจารณาให้เกิดปัญญา เมื่อนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อ สติก็ค่อยบังเกิด อ้ปป้าหันมายิ้มให้พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าอธิษฐานเสร็จแล้ว คุณป้าหยิบผงธูปในกระถางใส่ในซองพลาสติกใสใบเล็ก ๆ ยื่นให้เรา อ้ปป้าบอกว่าให้รับไว้ เพราะผงธูปที่นี่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ตามความเชื่อของชาวฮ่องกง แล้วเราก็กล่าวขอบคุณคุณป้าเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง ก่อนจะออกไปช้อปปิ้งวัตถุมงคลตามรายการสั่งซื้ออันยาวเหยียด
ฉันถามจูยองอ้ปป้าว่า ที่เกาหลีมีไหว้เทพเจ้าแบบฮ่องกงไหม เพราะที่เมืองไทยก็มีคนไทยเชื้อสายจีนเคารพเทพเจ้าคล้าย ๆ แบบนี้ อ้ปป้าบอกว่าคนเกาหลีไม่ค่อยนับถืออะไร ไม่ได้ไหว้เทพเจ้าเหมือนคนฮ่องกง คนส่วนใหญ่ไม่มีศาสนาด้วยซ้ำ แต่ก็มีการเฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนาทั้งพุทธและคริสต์ แต่ที่เกาหลีมีคนทรงเจ้าหรือที่เรียกว่ามูดัง 무당 ถ้าไปเกาหลีก็จะพบร้านดูดวงเต็มไปหมด เอาที่พบเห็นง่าย ๆ กันในย่านฮิปของวัยรุ่นอย่างฮงแด ก็มีร้านหมอดูไพ่ทาโรต์ รับดูดวงชะตา สื่อสารกับเทพเจ้าผ่านทางคนทรง และคนไปใช้บริการดูดวงก็เป็นวัยรุ่นหน้าใส ๆ ที่เดินปะปนไปกับพวกเราตามท้องถนนนี่แหละ
"เธออธิษฐานอะไร" นั่นไง คนอยากรู้เรื่องของคนอื่นคือคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นี่เอง
"ความลับค่ะ ถ้าบอกเดี๋ยวคำอธิษฐานจะไม่เป็นจริง"
เขาหัวเราะ ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้เชื่อที่ฉันพูดแม้แต่นิดเดียว
"บอกมาเถอะ พี่สัญญาว่าจะทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริง"
จบประโยค ฉันหันไปมองจูยองอ้ปป้าเต็มตา นี่ไง หล่อ สปอร์ต ใจดี โคเรีย ฮ่องกง คือจูยองอ้ปป้านี่เอง เขาเม้มริมฝีปากสนิท แต่ดวงตานั้นเป็นประกาย
"งั้นอธิษฐานตอนนี้เลยได้ไหมคะ"
แล้วจูยองอ้ปป้าก็หัวเราะลั่น เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเขาหัวเราะเสียงดังเต็มเสียงขนาดนี้ เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า
"อยากกินชีแม็ค อธิษฐานว่าอยากกินชีแม็คจังเลย"
"ชีแม็ค?" เขาหัวเราะ "ไก่กับเบียร์เกาหลีน่ะเหรอ? โอเค งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินชีแม็คตรงจิมซาจุ่ย"
แล้วอาหารมื้อค่ำก็เป็นไก่กับเบียร์ริมอ่าววิคทอเรีย ไก่ก็อร่อย เบียร์ก็ดี ลมก็เย็น วิวก็สวย คนข้าง ๆ ก็ดี โรแมนติกจังเล้ยย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in