เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นั่งเขียนท่ามกลางแสงดาวDC K ToKa
ว่าด้วยคนอายุ 23 ปี
  • มีเพื่อนผมแชร์บทความเกี่ยวกับ 23 ข้อที่อยากจะบอกกับคนอายุ 23 ปี ซึ่งที่เพื่อนแชร์มานั้นเนื้อหาก็จะเป็นการระบุเป็นข้อๆว่าแต่ละข้อมีอะไรบ้าง ซึ่งก็แปลมาจากบทความต้นฉบับอีกที 

    ผมนั่งอ่านที่แปลๆมา 23 ข้อ ก็มีทั้งข้อที่ผมโอเคและไม่โอเค

    ในข้อที่ผมโอเคอย่างเช่น "คำว่า "ไม่" เป็นคำที่โอเค บางทีเราก็ต้องปฏิเสธหรือเลือกบ้าง" ข้อนี้ผมรู้สึกว่าโอเคและน่าเอาไปใช้ เพราะผมเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่ค่อยจะได้ เวลาเพื่อนชวนไปกินบุปเฟ่ ไปเล่นเกมส์ ไปเที่ยวนู่นนี่นั่น ก็มักจะตอบตกลงตลอด ต่อให้ไม่มีตังค์ไปก็กดเงินจากตู้ ATM ได้ ซึ่งถ้าจะนำไปใช้ก็คงจะใช้ในกรณีที่มีการนัด 2 อีเวนท์ในวันเดียวกัน ถ้าจัดการเวลาไม่ได้ก็คงต้องปฏิเสธไป

    หรือ "ห่างจากเพื่อนเป็นเรื่องธรรมชาติ..." อันนี้ถือว่าจริงที่สุด เพราะเพื่อนต่างคนต่างก็มีธุระหรืองานที่จะต้องทำ ส่งผลให้เวลาจะนัดมาเจอกันทีก็ลำบากอยู่พอสมควร

    แต่ก็มีบางข้อที่ผมรู้สึกไม่โอเค คือไม่โอเคในเชิงความรู้สึก แบบมันใช่เหรอวะ ไม่น่าใช่ม้าง ประมาณนี้ อย่างเช่น "จริงๆ คุณฮอตกว่าที่คุณคิด! ..." อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองฮอตหรือเปล่า เพราะไม่ยักกะมีใครเข้ามาในเชิงจีบซักคน แต่ที่แน่ๆอากาศ ณ ตอนนี้ฮอตมากๆเลยครับ

    ทีนี้ย้อนกลับมาที่หัวข้อของบทความ บางคนคงนึกสงสัยว่าทำไมต้องพูดถึงคนอายุ 23 ปีด้วย? ทำไมไม่พูดถึงคนอายุ 30 60 ปีบ้างล่ะ?

    ถ้าจะตอบแบบลวกๆ ก็เพราะเพื่อความน่าสนใจในเนื้อหาบทความ นี่ไง 23 ข้อกับ 23 ปี มันเข้ากันพอดีเด๊ะเลย ถ้ามีบทความพูดถึงคนอายุ 60 ปีก็คงมี 60 ข้ออย่างแน่นอน (พูดไปนั่น)

    แต่ถ้าจะตอบให้ละเอียดดูดีกว่านี้ ก็คงเป็นเพราะคนอายุ 23 ปีส่วนใหญ่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยเรียนไปสู่วัยทำงาน (ส่วนใครจะเรียนต่อปริญญาโทก็แล้วแต่) ซึ่งแน่นอนสังคมที่เผชิญอยู่ก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย รวมไปถึงความรับผิดชอบ ความขยัน ความเป็นผู้ใหญ่ ก็มีมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร (เหมือนๆกับจบระดับประถมขึ้นระดับมัธยม หรือจบระดับมัธยมเข้ามหาวิทยาลัย ยิ่งโตขึ้นการปรับตัวก็ยิ่งมีความยากมากขึ้น) และยิ่งต้องเข้าสู่ระบบการทำงานที่ต้องเรียนรู้หลายๆอย่างที่บางอย่างในมหาวิทยาลัยไม่ได้สอนไว้ ทำให้คนอายุ 23 ก็คงเหนื่อยกายเหนื่อยใจไม่มากก็น้อย

    และในตัวบทความนี้เป็นบทความที่เขียนออกมาในเชิงให้กำลังใจ (ตัวต้นฉบับยังอ่านไม่หมด อ่านแต่เฉพาะบทเกริ่นนำ) ก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมต้องอายุ 23 ปี และอายุ 23 ปีเขาต้องการอะไร เขาขาดอะไร ขาดแล้วสามารถหามาเติมให้เต็มได้ไหม ถ้าหาไม่ได้จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร

    ผมอาจไม่เข้าใจในตัวบทความทั้งหมด เพราะผมเองก็เพิ่งอายุ 23 ปีเพียงอาทิตย์เดียว คงต้องเรียนรู้ไปอีกยาว ซึ่งจะยาวจนมาบรรจบก้าวสู่ 24 ปีหรือต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต 

    อันนี้ไม่สามารถตอบได้ 




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in