การแสดง:ประกอบไปด้วย 3 บทเพลง 1. Olympic Fanfare and Theme - John Williams ในบทเพลงนี้ผู้ประพันธ์พยายามแสดงถึง ความร่วมมือร่วมใจ ความพากเพียรพยายาม ความอุตสาหะก่อนการแข่งขัน และเสียงโห่ร้องกึกก้องของชัยชนะที่ตามมา ซึ่งใช้เป็นเพลงหลักและเพลงธีมในการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งเพลงนี้จะแสดงให้เห็นถึงความอลังการของเครื่องลมทองเหลือง ทางผู้อำนวยเพลงจึงเลือกมาเป็นโหมโรงของตัวคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ทำนองเพลงสนุกสนานและฮึกเหิม ให้ความรู้สึกถึงความขยันขันแข็งร่วมด้วยช่วยกัน ในช่วงแรกจังหวะการบรรเลงจะค่อนข้างช้า เนิบนาบ อ่อนนุ่ม ประหนึ่งการเต้นบัลเล่ต์ ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นในท่อนต่อมา ดูสนุกนาน และเหมือนเป็นการเฉลิมฉลอง
2. Rhapsody in Blue – George Gershwin เพลงบทนี้ใช้ชื่อว่า Rhapsody ซึ่งในทางดนตรีคลาสสิคหมายถึงบทเพลงที่มีโครงสร้างอิสระเลื่อนไหล โดยตัวบทเพลงนี้ผู้ประพันธ์ซึ่งมีความสนใจเพลงแนว pop jazz และ musical เป็นผู้บุกเบิก symphonic jazz ของวงการดนตรีคลาสสิคของอเมริกา บทเพลงนี้จะแสดงให้เราเห็นเปียโนสไตล์แจ๊ส เพลงเปิดมาโดยการโซโล่ของแคลริเน็ต และมีการแสดงเดี่ยวเปียโนของ Jun Komatsu ในการแสดงบทเพลงนี้ด้วย ในการบรรเลงเปียโนมีลูกเล่นที่น่าสนใจ ส่งเสริมให้บทเพลงฟังดูสนุกสนานร่าเริงและไพเราะ ในส่วนของวงดนตรีออร์เคสตรา การบรรเลงก็พร้อมเพรียงและฟังดูสนุกสนานฮึกเหิม เหมือนกำลังดูการผจญภัยของตัวละครหนึ่ง การเล่นอยากล้อกันไป เพราะการบรรเลงมีทั้งจังหวะเร็ว จังหวะช้า เสียงดัง เสียงค่อย ทำให้บทเพลงมีไดนามิก บทเพลงนี้ทำให้นึกถึงการ์ตูนเรื่อง Tom&Jerry ในฉากที่ตัวละครทั้งสองอาจจะกำลังวิ่งไล่กันอยู่ ส่วนเสียงโซโล่ของแคลิเน็ตนั้นฟังดูยียวนขี้เล่น เป็นกิมมิคที่แทรกอยู่ในเพลงให้เราเพลิดเพลินไปตลอดทั้งเพลงได้ การบรรเลงนี้จะเป็นการเล่นวนซ้ำ แต่ดีไซน์ให้แต่ละท่อนไม่ได้เหมือนเดิมจนเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อหน่าย จังหวะเดี๋ยวค่อยเดี๋ยวเบา ก็ช่วยให้ผู้ฟังยังคงจดจ่อกับเสียงเพลงอยู่ได้ ในช่วงกลางของเพลงมีการแสดงโซโล่เปียโนที่ได้แสดงศักยภาพและความแพรวพราวของนักเปียโน ทั้งการใส่ลูกเล่นพิเศษที่ทำให้บทเพลงพิเศษขึ้น และได้กลิ่นอายต่างจากการเล่นทั้งวงออร์เคสตรา หลังจากนั้นวงออร์เคสตราก็เริ่มบรรเลงเพลงต่อด้วยจังหวะเนิบช้าและนุ่มนวล ราวกับท่องอยู่ในโลกเทพนิยาย เป็นสายน้ำเย็นๆ ชโลมผิว และการแทรกโซโล่ไวโอลินระหว่างเพลงนั้นให้ความรู้สึกราวกับเจ้าหญิงกำลังเริงระบำอยู่ในงานเต้นรำแห่งหนึ่ง และจังหวะก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มีความสนุกสนาน ขี้เล่นมากขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่เท่ากับช่วงแรกที่เริ่มบรรเลง ซึ่งนำโดยการบรรเลงเปียโน จากนั้นนักเปียโนก็ได้แสดงศักยภาพของตัวเองอีกครั้งด้วยการโซโล่เปียโน และในท่อนสุดท้ายวงออร์เคสตร้าก็กลับมาบรรเลงอีกครั้ง ซึ่งการบรรเลงให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการเป็นการปิดท้ายการแสดงชุดนี้
3. West Side Story – Leonard Bernstein เพลงนี้เป็นบทเพลงสุดท้ายสำหรับการแสดงในครั้งนี้ โดยผู้ประพันธ์เพลงเป็นนักเปียโนชาวอเมริกัน โดยนำเพลงบางบทจากท้องเรื่อง The West Side Story มาเรียบเรียงเป็นเพลงบรรเลงที่ใช้สำหรับคอนเสิร์ต ซึ่งนับเป็นบทเพลงไฮไลท์สำหรับการแสดงของวงซิมโฟนีออร์เคสตราแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ โดยตามเนื้อเรื่องคือการต่อสู้กันระหว่างชาวนิวยอร์กเจ้าถิ่น และผู้มาเยือนคือชาวละตินอเมริกัน สำเนียงดนตรีของเจ้าถิ่นนิวยอร์กก็จะเป็นพวก Swing Jazz ส่วนฝั่งของละตินก็จะเป็นจังหวะละตินทั่วไป เช่น แมมโบ้ ชะชะช่า ซึ่งถูกนำมาเรียงร้อยให้ทั้งสองธีมมาปะทะกันในบทเพลงเดียวกัน เป็นการแสดงดนตรีชุด ซึ่งจบการบรรเลงด้วยเพลง Somewhere โดยเมื่อเริ่มการบรรเลง เปิดหน้าฉากมาด้วยจังหวะที่ลุ้นระทึก เหมือนทั้งสองฝ่ายกำลังซุ่มโจมตีอยู่ จากนั้นจังหวะค่อยๆ รัวเร็วมากยิ่งขึ้น ยิ่งเพิ่มความลุ้นระทึก แล้วจากนั้นดนตรีก็กลับมาเบาลง เน้นเสียงเครื่องดนตรีเครื่องสายเป็นหลัก ทั้งไว้โอลิน ฮาร์พ เชลโล และบรรเลงคีย์บอร์ดคลอไปเบาๆ ดนตรีช่วงนี้เนิบช้า พลิ้วไหว เหมือนเป็นช่วงจังหวะที่พระเอกกับนางเอกได้มองกันจากเนื้อเรื่องหลักที่หยิบมาดัดแปลงเป็นบทประพันธ์ ท่วงทำนองสละสลวยไพเราะ จากนั้นมีการโชว์บรรเลงโดยมีเครื่องลมไม้เป็นเครื่องดนตรีหลักทั้งแคลริเน็ตและฟลุต ในบทเพลงนี้เครื่องดนตรี percussion มีส่วนอย่างมาก ทั้งการคุมจังหวะ และเพิ่มลูกเล่นภายในบทเพลง ซึ่งในส่วนนี้ไซโลโฟนถือเป็นไฮไลท์ของเพลงเลย แล้วทำนองก็กลับมาระรัวลุ้นระทึกอีกครั้ง เหมือนการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เกิดดนตรีสองรูปแบบสลับกันไป เป็นการสื่อถึงการต่อสู้กันของทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งชาวนิวยอร์ก และชาวละตินอเมริกา แล้วเพลงก็กลับมาบรรเลงอย่างบางเบาอีกครั้ง ด้วยฮาร์พ และเครื่องสายต่างๆ การบรรเลงใช้เทคนิคการบรรเลงเสียงค่อย และมีเครื่องลมไม้คลอไปเบาๆ มีการโชว์โซโล่ฟลูตแทรกกลางเพลงด้วยเล็กน้อย และจบการบรรเลงเพลงนี้ไปอย่างแผ่วเบา
ประวัติของนักเปียโน: จุน โกมัตสึ นักเปียโนชาวญี่ปุ่น จบปริญญาตรีด้านการแสดงเปียโนที่ วิทยาลัยดนตรี Toho Gakuen ประเทศญี่ปุ่น ได้รับปริญญาโทและประกาศนัยบัตรขั้นสูง ด้านการแสดงเปียโนระดับเกียรตินิยม จากวิทยาลัยดนตรี New England Conservatory, Boston เคยได้รับรางวัลการแสดงและการแข่งขันเปียโนระดับนานาชาติหลายรายการ นอกจากการแสดงคอนเสิร์ตเธอยังมีผลงานบันทึกเสียงกับศิลปิน เช่น John Zorn อาจารย์ดนู ฮันตระกูล อีกทั้งยังเป็นสมาชิกก่อตั้งของกลุ่ม Contemporary Ensemble KAI ในญี่ปุ่น นอกจากงานแสดง เธอเป็นอาจารย์พิเศษให้โรงเรียนภาคฤดูร้อนของมหาวิทยาลัยศิลปากร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in