ในยุคที่แรงบันดาลใจท่วมท้นเหลือเกิน เดินตามแผงหนังสือ ก็มีแต่หนังสือที่อยากจะมอบ "แรงบันดาลใจ" ผมเริ่มกลับมาตั้งคำถามว่า แรงบันดาลใจบางทีไม่ต้องเกิดจากการอ่านหนังสือ How-to แต่เกิดจากอารมณ์โกรธแล้วแปรเปลี่ยนมันมาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างก็ได้ และนี่คือเรื่องราวที่ดูคล้ายจะเป็นเรื่อง "แรงบันดาลใจ" ที่สุดแล้วในชีวิตของผม
มันคือเรื่องของเว็บไซต์เล็กๆ ที่ผมสร้างขึ้นมา มีชื่อว่า aussietip.com เว็บไซต์ชุมชนคนไทยในออสเตรเลียที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ก่อนจะอ่านรบกวนกดที่ลิงก์นี้เพื่อฟังเพลง "ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย" ของวงเก่าๆ วงหนึ่งชื่อวง Outsiders นะครับ คุณจะอินกับสิ่งที่ผมเล่ามากขึ้น http://www.rsonlinemusic.com/song.php?song_id=013134
ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย
ศิลปิน: Outsiders
อัลบั้ม: Outsiders
เขาว่าอยู่เมืองนอกสบาย เขาว่าอยู่เมืองนอกสบายนะ
จะเหาะไปดูไปอยู่เมืองนอกเมืองนา ที่เลื่องลือว่าเป็นเมืองศรีวิไล
เป็นสุขอยู่ดีทั้งมีกินมีใช้ ตึกรามใหญ่โตดูโก้กว่าบ้านเรา
ฝรั่งโด่งดังทั้งวิชา ความรู้ ความใหม่ความหรูเป็นผู้นำสมัย
เรียนจบกลับมาได้ฟุตฟิตฟอไฟ เป็นความภูมิใจได้เชิดน่าชูตา
ฝรั่งมากมายยังดูคล้ายกับเมืองร้าง เดินกอดเสื้อหนังยังหนาวจิตหนาวใจ
เคยเด่นเรืองรองเพราะผมทองข่มไว้ เป็นใบ้เป็นบ้าอยากพูดภาษาไทย
กินแต่มาม่าเพราะข้าวของมันแพง ใช้จ่ายระแวงกลัวค่าเช่าไม่พอ
จะขาดพวกพ้อง ก็ยังพอทนไหว แต่ขาดจดหมายไทย อึดอัดเหมือนขาดใจ
ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ใครว่าอยู่เมืองนอกสบายนะ
เลิกจากโรงเรียนต้องอ่านเขียนภาษา วันสุดสัปดาห์ซักรีดผ้าทำอาหาร
วันหยุดศุกร์เสาร์ต้องรีบเข้าทำงาน ช่วยแบ่งภาระทางบ้านให้เบาลง
ลำบากลำเค็ญก็เป็นการลงทุน ก็นับว่าบุญได้เปิดหูเปิดตา
ได้ฝึกได้ฝนอดทนศึกษา จะกลับมาพัฒนาตัวเองและชาติไทย
- - - - -
หลับตาย้อนอดีตไปปี 2000
ผมมีโอกาสได้เดินทางไปศึกษาต่อที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมลเบิร์นเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรเลียรองมาจากซิดนีย์ มีประชากรอาศัยอยู่ราว 4 ล้านคน ยุคที่ผมอยู่ มีคนไทยกระจัดกระจายอยู่ในเมืองฝรั่งนี้ไม่กี่พันคน โอกาสที่คนไทยจะได้เจอกันก็มีอยู่ไม่กี่แบบ
1. เป็นนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
2. ทำงานร้านอาหารเดียวกัน (นักเรียนไทยส่วนใหญ่ยุคนั้นทำงานร้านอาหาร)
3. เจอกันตามแหล่งชุมชนต่างๆ เช่น วัดไทย ผับไทย ร้านวิดีโอไทย (ซึ่งมีไม่เยอะนัก)
ฟังดูเหมือนคนไทยยุคนั้นจะมีช่องทางในการพบปะกันเยอะ แต่จริงๆ มันไม่ใช่เลย ลองนึกดูว่าบ้านเมืองที่ไม่ใช่ของเรา จะโทรหากันทีนึงต้องรีบวางสายเพราะค่าโทรศัพท์แพงหูดับ นาทีหนึ่งคิดแพงกว่าสิบบาท วัดไทยก็ใช่ว่ามีงานวัดทุกวัน อยู่ก็ไกลแสนไกล ร้านอาหารจะไปกินบ่อยๆ ก็เปลือง เรียนทั้งวันเจอแต่ฝรั่งทั้งเดือนพูดแต่ภาษาอังกฤษ ผมเลยต้องมองหาโอกาสจะพูดไทยแก้เหงาปาก ด้วยการเดินไปร้านวิดีโอไทย แล้วนั่งแกร่วรอคนไทย เข้าอารมณ์เป็นใบ้เป็นบ้าอยากพูดภาษาไทยว่างั้นเถอะ
ผมพยายามทักคนไทยที่บังเอิญเจอกลางถนนบ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะน่ารักเป็นกันเอง แต่วันหนึ่งผมเจอคนไทย 2 คนที่พูดไทยผสมฝรั่งท่าทางอยู่มานาน ก็เลยเดินเข้าไปทักหลังจากไม่ได้เจอคนไทยมาหลายอาทิตย์
"สวัสดีครับคนไทยเหรอครับ" ผมถามยิ้มละล่ำละลัก
"อืม" คนไทยหน้าฝรั่งคนหนึ่งตอบ
"พอดีผมเพิ่งมาถึงน่ะครับ ไม่ค่อยได้เจอคนไทยเลยทักน่ะครับ จะไปไหนกันเหรอ" ผมทักทาย
"กลับบ้าน" คนไทยอีกคนตอบหน้าเฉยพร้อมกับทำหน้าแบบนี้ครับ
จากนั้น 1 ใน 2 คนไทยที่ผมเจอก็พูดว่า "country bumpkin" (ไอ้บ้านนอก) แล้วก็เดินจากไป
ผมยืนหน้าชาอยู่ตรงนั้นราวๆ 2 นาที หน้าแดงก่ำ
ความ รู้สึกคือ อึ้ง อึ้ง อึ้ง และอึ้ง โกรธไหมที่โดนด่าว่าเป็นคนบ้านนอก ก็นิดๆ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นบ้านนอกจริงๆ เพราะเพิ่งมาถึงได้แค่ 3 อาทิตย์ แต่สิ่งที่ผมคิดอยู่ในหัวตอนนั้นคือ
ทำไมคนไทยกันเอง ถึงไม่รักกัน ทำไมคนไทยที่ขึ้นชื่อว่าโอบอ้อมอารีมากกว่าหลายๆ ชาติในโลกถึงปฎิบัติกับเพื่อนร่วมชาติแบบนั้นคืน นั้น ผมกลับมาที่หอพักราว 2 ทุ่ม ผมนั่งถอนหายใจยาวๆ และพยายามบอกกับตัวเองว่าเราควรจะเปลี่ยนความโกรธ ความเกลียดที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ให้กลายเป็นประโยชน์จะดีกว่า
จาก เหตุการณ์นี้กลายเป็น "แรงบันดาลใจ" ให้ผมหยิบกระดาษขึ้นมาร่าง Thai Community in Australia Project (ผมคิดชื่อแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ) พร้อมกับจดโดเมนกับ tucows ตั้งชื่อเว็บว่า aussietip.com ซึ่งหมายถึง tips & tricks ในการใช้ชีวิตของคนออสเตรเลียน (หลายคนบอกว่าคล้ายๆ กับ Pantip.com หรือเปล่า ผมบอกเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ดันไปคล้ายซะงั้นครับ)

อยากให้ลองไปดูเว็บสักนิดนะครับ aussietip.com โลโก้ของออสซี่ทิปถูกสร้างโดยมีแรงบันดาลใจมาจากทรงของโรงอุปรากรซิดนีย์ แต่จะสังเกตว่ามีจั่วไทยแอบอยู่ด้านหน้า ดีไซเนอร์ "คุณเวช" ซึ่งปัจจุบันกลายเป็น Creative Designer Group Head ที่ minteraction หลังบ้านยุคนั้นก็ได้คุณ Krabee แห่งบริษัท Pragma Technology ช่วยทำ PHP ง่ายๆ จนผมกลายเป็นคนทำงานในสายดิจิทัลถึงทุกวันนี้
จาก วันนั้นถึงวันนี้ aussietip.com กลายเป็นหนึ่งในเว็บไซต์คนไทยที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย มีสมาชิกกว่า 50,000 คน (active 16,000 คนในปัจจุบัน ขึ้นๆ ลงๆ แล้วแต่จำนวนนักเรียนไทย) และมีคนเยี่ยมชมเดือนละ 400,000 ครั้ง กลายเป็นแหล่งชุมชนคนไทยในต่างแดนที่ยังคง active ถึงปัจจุบันนี้กว่า 14 ปีแล้ว มีคนเข้ามาตั้งกระทู้กว่า 30,000 กระทู้ เขียน Blog หลายร้อยตอนและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซื้อของขายของกันตั้งแต่เตารีดยันรถยนต์ และบ้านเป็นหลังๆ บ้างก็มาหางานหาเงินกันให้ชีวิตของนักเรียนไทยในออสเตรเลียสะดวกสบายมากขึ้น
เว็บไซต์เล็กๆ นี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทยกลุ่มเล็กๆ ที่เดิมสื่อสารกันได้ยาก เกิดกลุ่มคนรักกีฬา เกิดกลุ่มคนรักการถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยว เกิดกลุ่มนักเรียนเก่ามหาวิทยาลัยนั้นมหาวิทยาลัยนี้ ทำให้ชีวิตคนไทยในต่างแดนไม่เหงาอีกต่อไป...
และสิ่งที่ผมภูมิใจกับมันมากที่สุดก็คือ หลายคนในเว็บไซต์นี้เจอกันตอนเป็นนักเรียนแล้วทำงานต่อที่นั่นแล้วแต่งงาน กันไปหลายคู่ บางคนกลับมาเมืองไทยยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่
ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากวันนั้นผมไม่มี Moment ที่ "ปิ๊งแว๊บ" ว่า เราจะมัวแต่คิดโทษโกรธใครไปทำไม? ทำไมเราไม่เปลี่ยนความโกรธนั้นมาเป็นแรงขับดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อ สังคมที่เราอยู่ เราจะได้บอกกับคนอื่นต่อไปได้ว่าเมืองนอกน่ะอยู่สบายจริงๆ นะ
แต่จะสบายได้มันต้องเริ่มจากใจของเราเองก่อน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in