การขี่จักรยานเป็นอะไรที่สนุกอยู่ในตัว ฉันว่ามันธรรมดามากเลยที่เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่จะมีความสุขกับการขี่จักรยาน ลมเย็น ๆพัดโชยมา รอบขาปั่นให้พอมีเหงื่อไหล ภาพวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไหลไปเร็วกว่าการเดิน
ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบขี่จักรยานอยู่พอดู บ้านเก่าที่เคยอยู่เป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่ชานเมืองในหมู่บ้านจัดสรร ในซอยที่ฉันอยู่ เป็นซอยที่มีบ้านอยู่ฝั่งละประมาณ 5 หลัง ออกจากซอยบ้านก็จะเป็นถนนในหมู่บ้าน ที่เชื่อมไปอีกหลาย ๆ ซอย ระหว่างทางมีลูกระนาดเป็นระยะให้รถคอยระวังไม่ให้ขับอย่างรวดเร็วเกินไป ฉันชอบออกมาขี่จักรยานที่หน้าบ้าน ซึ่งคือหน้าบ้านจริงๆ ขี่วนไปมาอยู่ในซอยบ้านที่เป็นระยะทางสั้นๆ เนื่องจากแม่สั่งไว้ว่า ห้ามออกจากซอยบ้านไป เพราะแม่กลัวว่าถ้าออกไปแถวลูกระนาด หรือบ้านที่มีหมาดุ หรือถนนในหมู่บ้านที่มีรถสัญจร แล้วเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างฉันอาจจะขี่จักรยานล้มแล้วอันตรายได้
ฉันปฏิบัติตามอย่างที่แม่สั่งอย่างเคร่งครัด แต่ก็จำได้ว่า ได้แผลมาเล็ก ๆน้อย ๆ เหมือนกัน อารามตกใจที่มีรถจักรยานอีกคันขับสวนเข้ามา จึงทำให้ฉันขี่จักรยานปาดไปกับขอบฟุตบาท ล้มแล้วได้แผลถลอกมา เลือดซิบเล็กน้อย น่าแปลกว่าภาพนั้นยังอยู่ในความทรงจำของฉันแม่น
ความสนุกอย่างนึงของการขี่จักรยานในทางแคบและเล็กของฉันนั้น คือการขึี่จักรยานเมื่อมีน้ำขัง ฉันชอบขี่ไปทับทางที่น้ำขังอยู่ ทำให้ล้อเปียก แล้วเกิดลวดลายบนพื้นถนนแห้ง ขับเป็นวงกลมโค้งกลับไปกลับมา หรือขับเป็นทางสี่เหลี่ยม ลวดลายที่คงอยู่ไม่จีรัง แห้งเหือดไปเหลือพื้นถนนหน้าตาเหมือนเคย แต่ไม่เป็นไรเพราะฉันก็สนุกไปแล้ว
ฉันระร้างการขี่จักรยานไปอีกหลายปี เพราะสรีระเปลี่ยนแปลง ขายาวขึ้น จักรยานคันเก่าก็ไม่พอดี มีอย่างอื่นทำหลายอย่าง จนโตขึ้น ไปเรียนหนังสือ ต้องไปค้างที่หอ พักที่คอนโด ก็ไม่ได้สัมผัสกับจักรยานเคลื่อนที่อีกต่อไป
จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน ช่วงการขี่จักรยานกำลังฮิต เราก็ฮิตกับเค้าบ้าง เค้าขี่จักรยานแล้วดูดีจัง ความรู้สึกสนุกและอยากเป็นส่วนร่วมในสังคม ทำให้ฉันซึ่งพอมีรายได้แล้ว ไปซื้อจักรยานคันแพงกับเค้าบ้าง ฉันเลือกอยู่นาน จนได้จักรยานพับคันสีดำขลับที่พอไปลองขี่ที่ร้านแล้วรู้สึกว่า นี่มันใช่สำหรับฉัน แม้จะไม่ใช่คันที่ฉันเลือกดูและได้รับคำแนะนำมาจากในเวบไซต์ต่าง ๆก็ตาม
ฉันมาอยู่หอที่ใกล้ที่ทำงานพอควร แต่ไม่ได้ใกล้ขนาดที่เดินแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย คนอื่นที่พักที่หอคงคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะใต้หอมีจักรยานหลากหลายสัญชาติ ยี่ห้อ และรูปทรง วางคละกันไป ยิ่งกว่าร้านขายจักรยาน ฉันขี่จักรยานไปกลับจากหอและที่ทำงานจนจักรยานอยู่คู่กับฉันจนแทบเป็นสัญลักษณ์ คนที่ทำงานรู้ว่าฉันต้องมีจักรยานคันนี้ไปจอดใกล้ๆ และจักรยานก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของฉันไปในที่สุด
ฉันติดจักรยานมากขนาดกระทั่ง ฉันเริ่มขี่จักรยานลงถนนใหญ่ ใช่ ถนนใหญ่ที่มีรถผ่านไปมามากมาย แต่ในตอนนั้น ฉันต้องไปทำงานในที่ที่ไกลหน่อยเป็นการชั่วคราว ไกลประมาณ 5 กิโลเมตรซึ่งดันอยู่ในใจกลางเมืองที่รถติดอย่างบ้าคลั่งซะด้วย หลังจากลองใช้การเดินทางสาธารณะหลายวิธี ทั้งรถเมล์ รถแท๊กซี่ บีทีเอส มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ฉันพบว่า การขี่จักรยาน ใช้ระยะเวลาที่คุ้มค่าที่สุด ฉันไม่ต้องตื่นเช้ามากเพราะกลัวรถติด ไม่ต้องไปยืนเบียดบนบีทีเอส หรือรู้สึกเสี่ยงภัยบนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ฉันต้องเสี่ยง คือเสี่ยงภัยบนจักรยานซึ่งคือฉันรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง
การขี่จักรยานบนถนนใหญ่เป็นความท้าทายอย่างนึง กลิ่นควันรถ แสงแดดยามเช้า หยาดเหงื่อจากการออกแรงปั่น สายตาที่ต้องจ้องมองพื้นถนนเพื่อดูท่อ หลุม หรือแม้กระทั่งงู! ที่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปรึเปล่า การทรงตัวบนจักรยานที่ต้องจับด้วยมือเดียว เพื่อใช้มืออีกข้างในการส่งสัญญาณเลี้ยว ความไม่มั่นใจเวลาแต่งตัวใส่หมวกกันน็อคจักรยาน ใส่ผ้าครอบแขน 2 ข้าง ผ้าครอบหน้าเป็นไอ้โม่ง แว่นตากันแดด เพราะฉันกลัวหน้าดำ เวลาปั่นออกจากหอ มันทำให้ฉันขาดความมั่นใจไปเล็กน้อย ฉันรู้สึกโชคดีที่ฉันปั่นมาเท่าไร ก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเลยซักครั้ง พี่ที่ทำงานที่ฉันขี่ไปถึงกับตกใจเวลาฉันปั่นไปถึง จนถึงทุกวันนี้ เค้ายังคงทักฉันว่า วันนี้ขี่จักรยานมามั้ย ทุกครั้งที่ฉันเจอเขาไม่ว่าที่ไหน
ฉันพาจักรยาน และจักรยานพาฉันไปหลายที่ ไปปั่นที่พุทธมณฑลดูดอกชมพูพันธ์ุทิพย์ ไปปั่นที่เชียงใหม่โดยเช่าจักรยานคันอื่นเอา ปั่นไปเพื่อไปช็อปปิ้งที่ห้างใกล้ๆ ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีจักรยานในสถานการณ์ที่ฉันอยู่ใจกลางเมืองขนาดนี้
แต่ วันที่ฉันไม่ได้คิดถึงไว้ก่อนว่าจะมาถึง แต่ถ้ารู้ว่าจะมาก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไร ฉันย้ายที่พัก ออกจากหอเดิม ไปเป็นที่พักที่อยู่ไกลที่ทำงานมากขึ้น แต่เป็นห้องของฉันเอง ฉันเอาจักรยานของฉันกลับบ้านเก่าไปด้วย ฉันวางตั้งทิ้งไว้แล้วคิดว่า ถ้าฉันปรับตัวได้กับสถานที่ใหม่เมื่อไร รู้จังหวะโอกาสเมื่อไร ฉันจะกลับมาเอาจักรยานแล้วเราคงได้ไปผจญโลกด้วยกันอีก
และอย่างที่หัวข้อสปอยล์ไว้ตั้งแต่ต้น ฉันก็แค่ไม่ได้ขี่จักรยานอีกต่อไป
ไม่ได้เกลียด ไม่ได้รักน้อยลง ไม่ได้ไม่ชอบ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ความจำเป็นในปัจจุบัน และไลฟ์สไตล์ในชีวิตของฉันมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันได้แต่มองจักรยานของฉันเวลากลับบ้านเก่าทุกครั้ง และหวนนึกถึงเวลาที่ฉันเคยได้ผจญภัยกับมัน
แค่ตอนนี้ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเอาจักรยานของฉันมาไว้ในตรงไหนของชีวิตฉันดี
ชีวิตก็คงเป็นอย่างนี้ละเนอะ และฉันว่า หลายๆครั้งเราอาจจะเป็นจักรยานคันหนึ่ง ของใครคนอื่นก็ได้
ขอบคุณนะเจ้าจักรยานของฉัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in