สวัสดีเราคือหนึ่งในหลายพันคนในประเทศที่กำลังตกงาน เศร้าเนอะ แต่ทำไงได้เพราะเลือกที่จะเดินออกมาเองก็ต้องยอมรับผลของการกระทำ
ขอเล่าย้อนไปช่วงก่อนได้งาน เราเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่ฝันอยากทำงานในเมืองกรุงเนื่องจากหลงแสงสีช่วงฝึกงานเลยกระเสือกกระสนหอบสังขารเข้ากรุงเทพฯ พร้อมแบกความหวังของคนทางบ้านไว้เต็มบ่า
เราเริ่มมองหางานสายที่ตัวเองจบมาเป็นอันดับแรก แต่เพราะตลาดแคบจึงหางานที่ตัวเองถนัดไม่ได้สักที เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงเริ่มมองหางานใหม่ๆที่พอจะทำได้ ไม่นานก็มีบริษัทติดต่อมาให้ลองไปสัมภาษณ์ดู ซึ่งเราไม่ได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งนั้น(แต่ถ้าเขารับก็ไม่ทำเพราะตำแหน่งที่ต้องการกับงานที่ไปสัมภาษณ์ไม่ตรงกัน เขาหลอกดาวค่ะT^T)
แต่โชคชะตายังถือว่าเข้าข้าง บริษัทที่เรียกไปสัมภาษณ์โทรกลับมาสอบถามว่าเราสนใจทำงานพาร์ทไทม์กับเขาระหว่างรองานอื่นไหม เราตอบตกลงทันทีเพราะร้อนเงิน (ก็คนมันกลัวไม่มีอันจะกินนี่นา)
ในระหว่างทำงานพาร์ทไทม์เรามีความสุขมาก ได้เรียนรู้งานใหม่ที่ไม่คิดฝันว่าจะได้ทำจนเริ่มรู้สึกชื่นชอบ ประกอบกับพี่ในแผนกคนหนึ่งจะลาออกเลยเกิดความคิดว่าอยากทำงานที่นี่จึงลองขอหัวหน้าให้เลื่อนตำแหน่งจากพนักงานพาร์ไทม์เป็นพนักงานประจำให้หนูทีหนูรักงานนี้ สุดท้ายก็ได้เป็นพนักงานประจำสมใจอยาก
อ่านถึงตรงนี้ทุกคนคงคิดว่า อ้าว!! ก็จบสวยแฮปปี้แล้วหนิได้ทำงานที่อยากทำ แล้วทำไมถึงยังมาบ่นว่าตกงาน อย่าเพิ่งคิดอย่างนั้นค่ะทุกคน อันนี้มันแค่เริ่มต้น :D
หลังจากได้เป็นพนักงานประจำก็เริ่มได้เรียนรู้งานในส่วนอื่นๆเพิ่มขึ้น เริ่มตกหลุมรักงานที่ทำมากขึ้น รู้สึกแอคทีฟและอยากทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด แต่!! ด้วยความที่เป็นคนหัวช้าเรียนรู้งานไม่เร็วและบุคลิกไม่ได้ดูแอคทีฟเท่าที่ควรจึงโดนบ่นประจำ และหลายครั้งที่ทำงานไม่ถูกใจหัวหน้า อันไหนที่เพื่อนในแผนกบอกว่าดี แต่พอเราทำหัวหน้ากลับไม่ปลื้ม บางครั้งก็โดนด่าในสิ่งที่เราไม่ได้ก่อบ้างจนเสียกำลังใจไปพักใหญ่ ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้ว่าโดนแกล้งหรือเพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง
ช่วงแรกเราสู้นะ เราคิดว่าเขากำลังทดสอบความอดทนของเราอยู่ แต่นานวันเข้าเหมือนยิ่งทำก็ยิ่งแย่ ไม่เคยทำอะไรให้ถูกใจสักอย่าง งานไหนทำดีก็เสมอตัว งานไหนพลาดก็โดนเหยียบซ้ำจนจมดิน ท้อแท้ กลับหอมาร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากตื่นไปทำงานเพราะไม่มีความสุข เราชอบงานนี้แต่เรากลับทำมันให้ดีไม่ได้
เสียใจมาก รู้สึกยิ่งทำงานยิ่งไม่มีคุณค่า เรียนจบตั้งปริญญาตรีแต่ไม่มีคุณภาพ เราโทษตัวเองสารพัด จนบางครั้งก็รู้สึกอยากจะรีสตาร์ทตัวเองเสียใหม่ อยากเกิดใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ยังอยากเจอยายกับน้องอยู่ (เอาจริงๆคือไม่กล้าตายหรอก มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ)
สุดท้ายเราตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งในตอนแรกเราตั้งใจจะยื่นเรื่องลาออกล่วงหน้า 30 วัน แต่เอาเข้าจริงๆเราก็อยู่ไม่ถึงหรอก สภาพจิตใจเราไม่โอเค ยิ่งกลับบ้านที่ต่างจังหวัดยิ่งทำให้ไม่อยากกลับกรุงเทพอีกเลย
แต่เราไม่ได้หายไปเฉยๆนะ เราโทรไปบอกหัวหน้าและแน่นอนว่าโดนด่า (แต่ยอมให้ด่าเพราะใจไม่อยากอยู่แล้วจริงๆ) หัวหน้ายอมให้ออกและให้โทรบอกคนอื่นในแผนกด้วย ซึ่งเราไม่ได้โทร โทรไปก็โดนด่าน่ะสิ -.-
ตอนนี้เราออกจากงานมาได้สิบกว่าวันแล้ว ไม่ได้มีความสุขขึ้นมากเท่าไหร่หรอกนะแต่ก็ดีกว่าไปอยู่ให้เขาด่าทุกวัน อันที่จริงรายละเอียดมันมีมากกว่านี้แต่ไม่อยากเล่าเพราะมันเศร้าใจ แต่การลาออกครั้งนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรอกนะเพราะคิดมาดีแล้ว แต่ที่รู้สึกเศร้าเพราะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่และก็ไม่มั่นใจว่าจะทำงานได้ไหมเพราะฝังใจกับที่แรกเหลือเกิน เอาใจช่วยด้วยนะ
สุดท้ายก็ขอบคุณคนที่อ่านเรื่องเวิ่นเว้อของเราจนจบแม้จะไม่มีสาระก็ตาม วันหลังจะมาระบายให้ฟังใหม่นะจ๊ะ :D
ปล.ที่ลาออกเพราะแรงยุของเพื่อนหลายคนในออฟฟิศด้วยแหละ แล้วก็มีพี่อีกหนึ่งคนที่เขาทำให้เรารู้ว่าเราไม่ใช่คนที่มีความอดทนต่ำหรือเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ แต่เราแค่ทนมามากจนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วต่างหาก (และพี่คนนั้นก็ลาออกพร้อมเราเช่นกัน)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in