เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Produce48 Series : ไอดอล บทพิสูจน์ ความฝันmxjr98
Extra : Memories หนึ่งปีที่ผ่านมา หนึ่งปีที่ผ่านไป (สัมภาษณ์)


  • จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบจะครบหนึ่งปี สำหรับรายการ PRODUCE48 ที่ใครหลายคนคงจะเคยได้ดูและไม่ได้ดู ว่าก็ว่าจริงๆแล้วตอนที่รายการนี้ออกอากาศไปเรตติ้งมันก็ไม่ได้สูงเท่าซีซั่นก่อนๆที่ตั้งเอาไว้ จบที่เรตติ้ง 3.1% ก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ คงเพราะว่าในซีซั่นนี้หลายตอนมีวิธีการดำเนินเรื่องที่ยืดเยือ้และน่าเบื่ออยู่พอควร เอาเป็นถ้าไม่ใช่คนที่ชอบดูจริงๆก็คงมีกดskipไปตามๆกันนั่นแหละ

    แล้วพอได้กลับมาเขียนเรื่องนี้ในตอนที่กำลังจะครบปี ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองในวันนี้กับตัวเองก่อนที่จะได้ดูรายการนั้นเปลี่ยนไปประมาณนึงเลย จากที่ติดตามไอดอลเกาหลี อยู่กับฝั่งเกาหลีมาเจ็ดถึงแปดปี แต่วันนี้ก็ไปตามญี่ปุ่นเพิ่มเป็นจริงเป็นจัง ให้ลองไปพูดกับตัวเองเมื่อสักประมาณสองปีที่แล้วดูสิว่า 'เห้ย แกจะไปติ่งไอดอลญี่ปุ่นนะ' ให้ตายเถอะ ต่อให้เป็นเราในตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง

    เราก็เลยเริ่มสานต่อเรื่องด้วยการพูดคุยกับคนที่คนที่ดูรายการนี้มาสักประมาณเจ็ดสิบคนเห็นจะได้... โดยคำถามที่เราใช้คือคำถามง่ายๆที่ว่า "คิดว่ารายการนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับตัวเอง"

    มันเปลี่ยนอะไรในตัวเรา มันทำให้เรารู้จักอะไรมากขึ้น หรือมันทำให้เราเปลี่ยนความคิดอะไร

    ซึ่งคำตอบก็กระจายออกเป็นล้านแปดพันอย่างแบบที่เราคาดเอาไว้จริงๆ
    เพราะฉะนั้นเราจึงจะเลือกทอปปิคใหญ่ๆสรุปแต่ละเรื่องที่หลายเสียงมักพูดถึงก็แล้วกัน


    เป็นติ่งเกาหลีมาค่อนชีวิต 

    รู้ตัวอีกทีเตรียมจองตั๋วบินไปจับมือที่ญี่ปุ่นซะแล้ว

    มาที่ทอปปิคแรกแค่ชื่อทอปปิคก็ว้าวแล้ว ในจุดนี้เราจะพูดถึงคนส่วนใหญ่มาตอบคำถามของเรา ซึ่งแน่นอนว่าสักร้อยละ 80 เป็นฝั่งแฟนคลับที่ชื่นชอบเกาหลีมาตั้งแต่ก่อนหน้าจะได้ดูรายการ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังงงเหมือนกันว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง จุดที่ตัวเองไปจับมือไอดอลญี่ปุ่นอย่าง 48 กรุ๊ป กันทั้งในและนอกประเทศ (ฮา) แล้วพอคุยไปคุยมาเราก็พบว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวสินะที่ตกหลุมพลางของฝั่งญี่ปุ่นจนหลวมตัวไม่ขึ้น เพราะเท่าที่คุยก็มีหลายคนจริงๆที่ตอนนี้ก็ยังติดตามไอดอลเกาหลีอยู่ เพิ่มเติมคือไปงานจับมือที่ญี่ปุ่นด้วย หรือว่าคนที่ไม่มีเงินมากพอที่จะไปไหนมาไหนก็อาศัยรอช่วงเทศกาลที่ AKB48 มามีกิจกรรมที่ไทยอย่างเมื่อปลายปีที่แล้วมีงาน MAYA Music Festival ที่ผู้จัดพ่วงงานจับมือมาให้ด้วยแบบรู้ใจ หรือช่วงมกราคมที่ผ่านมากับงาน Japan Expo 2019 และ AKB48 Asia Festival ก็แสดงให้เห็นว่า 48 กรุ๊ป ของฝั่งญี่ปุ่นนั้นก็เริ่มที่จะโด่งดันในไทยขึ้นแล้วเหมือนกัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนหนึ่งก็มาจากกระแสของรายการ PRODUCE48 นี่แหละ แล้วดูนะ เสีย 700 บาท เราสามารถเข้าไปจับมือเขา เขาไปคุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวได้ เสียง่ายเสียคล่องที่สุด ทีไอดอลเกาหลีที่เราชอบคือเสียเป็นแสนแขนยังไม่ได้จับเลยอะคิดดู!



    ทำลายทุกมายาคติ จริงๆแล้วเกาหลีญี่ปุ่นก็ไม่เลวนี่นา

    ทอปปิคนี้ก็จะเป็นเรื่องมายาคติของแฟนคลับฝั่งเคและฝั่งเจที่ไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่แรก โดยแฟนคลับฝั่งเกาหลีก็ต่างเคยรู้สึกว่าญี่ปุ่นไม่ใช่ทาง เพราะแค่ร้องเต้นเล่นๆ ผิดกับไอดอลเกาหลีที่ร้องเป๊ะเต้นเป๊ะ ลุคสวย หน้าตาดีเสียมากกว่า บางคนอาจจะเคยรู้สึกเหยียดไปเลยก็มีว่าไอดอลของญี่ปุ่นก็มีดีแค่แอ๊บแบ๊วให้ผู้ชายชอบ เพราะด้วยบริบทของความชายเป็นใหญ่ในบ้านเขา ซึ่งฝั่งแฟนคลีบที่ตามฝั่งญี่ปุ่นก็เหมือนกัน ที่รู้สึกว่าไอดอลเกาหลีเป็นเหมือนหุ่นยนต์ มนุษย์กึ่งสำเร็จรูปที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ ดูแล้วรู้สึกไม่น่าติดตาม ต่างฝ่ายต่างเอามาตรฐานในใจตัวเองไปตัดสินทั้งที่จริงๆมันไม่มีทางที่จะเหมือนกันได้เลย แต่ทว่าพอได้มาดูรายการนี้แล้วทุกคนก็ทำลายความคิดอคติในใจทิ้งกันจนหมด ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้แฟนๆทั้งสองฝั่งเปิดใจยอมรับได้อย่างง่าย จากการคุยเรื่องนี้เราพบว่าหลายคนเขาใจที่มาของไอดอลญี่ปุ่นแล้วว่าวัฒนธรรมเขาเป็นแบบนี้นะ ความพยายามของเด็กญี่ปุ่นก็ดีเหมือนกัน ส่วนทางฝั่งของไอดอลเกาหลีเองก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเกินเอื้อมขนาดนั้น แถมยังเป็นมิตรกับเด็กญี่ปุ่นได้จริงๆ มันยิ่งทำให้ทั้งสองฝั่งที่เคยแต่ได้ติดตามแต่ฝั่งของตัวเอง ค่อยๆทลายความอคติในใจออกไปจนเกลี้ยง


    จาก Culture Shock กลายเป็นความเข้าใจ

    เป็นอีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ การเปิดโลกเปิดวัฒนธรรมของแฟนคลับฝั่งเคและฝั่งเจมีหลายอย่างมากที่เราได้พูดคุยบอกเล่าสู่กันฟังแล้วถึงกับร้องอ๋อ ยกตัวอย่างเรื่องแรกกันดีกว่า เรื่องกราเวียร์ฝั่ง 48 กรุ๊ป เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของความคัลเจ้อช็อคที่เกิดขึ้นกับแฟนคลับเกาหลีเกือบทุกคนในตอนแรกที่ลองแง้มๆมาติดตามฝั่งญี่ปุ่น ก็คือเราต้องแยกก่อนว่า วัฒนธรรมของญี่ปุ่นน่ะการถ่ายกราเวียร์เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบชุดว่ายที่โชว์สัดส่วนล้วนเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้น่าอายอะไร ก็ดูวัฒนธรรมบ้านเขาเสียก่อน จะลงออนเซ็นหรืออาบน้ำรวมกันยังต้องแก้ผ้าหมดเลย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คือปกติมาก (ฮา)  ซึ่งในที่นี้เราหมายถึงเฉพาะไอดอลของ 48 กรุ๊ปในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยในประเทศเขาจะแยกกราเวียร์ออกจากสิ่งลามกอื่นๆ (ใครเอามารวมกันก็ระวังคอหลุดจากบ่านะคะ เตือน) แต่กับแฟนคลับฝั่งเกาหลีเมื่อมาเจอในครั้งแรกๆก็จะไม่ชิน เห็นรูปแต่ละครั้งก็เลิ่กลั่กไม่หยุด ก็วัฒนธรรมของฝั่งเกาหลีมันไม่มีอะไรแบบนี้นี่นา แต่พอใช้เวลาทำความเข้าไปเรื่อยก็จะรู้สึกว่ามันเป็นวัฒนธรรมของบ้านเขา เป็นสิ่งที่เราอาจจะรู้สึกแปลไปบ้างก็จริงแต่เราต้องเข้าใจ รายการนี้สอนเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีเลย ใครไม่เข้าใจก็ให้ย้อนกลับไปอ่านในตอนที่ 2 ค่ะ (ขายของ)



    ตัดมาที่ Culture Shock ของทางฝั่งแฟนคลับญี่ปุ่นที่มีต่อเกาหลีบ้าง เท่าที่คุยๆมาก็คงจะเป็นเรื่องความเปิดกว้างของสื่อในเกาหลีนี่แหละ เพราะปกติแล้ว 48 กรุ๊ป ฝั่งญี่ปุ่นจะเป็นอะไรที่ตามยากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษาที่ญี่ปุ่นใช้ภาษาอังกฤษน้อยกว่าเกาหลี เรื่องคลิปการแสดงต่างๆที่หาดูยากเพราะติดลิขสิทธ์ ถึงแม้ว่า 48 กรุ๊ป จะมีงานจับมือหรืออีเว้นท์ต่างๆให้เหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ที่เจอได้ง่ายก็จริง แต่มันก็เอื้อให้กับคนที่อยู่ในประเทศเสียมากกว่า ผิดกับที่เกาหลีเลยที่เปิดกว้างในด้านสื่อมาก เพราะวงการบันเทิงไอดอลของเกาหลีจะผลิตหรือทำอะไรแต่ละอย่าง ส่วนมากจะตีตลาดแฟนคลับทั่วโลกด้วย มีการลงคลิป ลงรูป จากแฟนคลับอยู่ตลอด ให้ความรู้สึกน่าติดตาม ก็เลยกลายเป็นแฟนคลับฝั่งญี่ปุ่นที่ได้มาตามเกาหลีเพิ่มเติมก็ติดใจในเรื่องนี้ซะง่ายๆแบบนี้เลย


    เพราะภาษาคือการได้ไปติ่ง

    ใช่ค่ะ หลายเสียงพูดตรงกันเลยว่าเราจะติ่งอย่างเดียวแต่คุยกับเขาไม่รู้เรื่องไม่ได้! โดยเฉพาะกับคนที่ได้ดูรายการนี้จะรู้สึกว่าเด็กในรายการคุยอะไรกันนะ ภาษาเกาหลีกับภาษาญี่ปุ่นคือผสมปนกันมั่วไปหมดจนล้วนแล้วแต่งงว่านี่กำลังพูดภาษาอะไรกันนะ แต่นี่ก็เป็นข้อดีที่ว่าทำไมเราที่นอกจากจะเป็นแฟนคลับได้ติดตามทั้งสองประเทศและสองวัฒนธรรมก็อยากจะมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ในภาษานั้นๆ ได้มีโอกาสคุยเรื่องนี้กับหลายคนเลยว่าหลังจากที่ดูรายการนี้จบก็เริ่มที่จะสนใจภาษาขึ้นมา มีไปลงเรียนภาษาเกาหลีบ้าง ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ถึงขนาดตั้งเป้าหมายจะไปเรียนแลกเปลี่ยนที่นู่นเลยก็มี 



    จะไม่ติ่งวงไหนนอกจากXXX อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

    เรียกได้ว่าเป็นจุดจบสายแข็งทันทีเมื่อทุกคนได้ดูรายการนี้ จริงๆก็เรียกได้ว่ากับ PRODUCE101 ในทุกซีซั่น ตั้งแตแ่ต่ซีซํ่นแรกจนถึงซีซั่นที่สามและก็ยังจะเป็นแบบนี้ไปทุกซีซั่น ร้อยทั้งร้อยที่ได้พูดคุยกันก็บอกต่อมาว่าถ้ายังอยากที่จะติ่งวงเดียว อยากติดตามแค่วงที่ชอบไม่กี่วง อย่าดูรายการนี้เลย (ฮา) เพราะถ้าให้พูดสาธยายออกมาให้แบบฉบับไม่ยืดเยื้อก็คือด้วยความที่รายการนี้มีเด็กฝึกหัดที่มาจากค่ายเกือบทั้งวงการ อย่างในซีซั่นที่เราพูดถึงกันอยู่ก็ยังอุตส่าห์ไปพาเด็กญี่ปุ่นอย่าง AKB48 กับ 48 กรุ๊ป วงอื่นๆมาให้เราติดตามกันถึงที่ ใครจะรอดไปไหนได้กัน อย่างคนที่ดูรายการนี้ก็คงจะมีไปตามต่อทั้ง IZ*ONE วงที่ชนะของรายการ วงของเด็กฝึกหัดเกาหลีคนอื่นๆที่ก็เริ่มทยอยกันเดบิวต์แล้ว หรือไปตามฝั่งญี่ปุ่นก็ยังดี เรียกได้ว่าครอบจักรวาลการติดตามแบบครบจบในรายการเดียว




    Talk
    มาจนถึงตรงนี้ก็เป็นบรรทัดสุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกการติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
    ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหน สามารถเอ่ยทักและจะพยายามไล่แก้ไขให้นะคะ
    เจอกันครั้งหน้าในอีกสักเรื่องราวของจักรวาลนี้ ขอบคุณค่ะ:-)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in