J และ K ถึงแม้ตัวอักษรจะอยู่ติดกันแต่ใช่ว่าจะถูกเขียนด้วยลายเส้นเดียวกัน
นี่คงจะเป็นนิยามย่อๆของสิ่งที่เรียกว่า Kpop และ Jpop ได้ดี
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถึงแม้ประเทศเกาหลีกับประเทศญี่ปุ่นสองประเทศที่มีคาบสมุทรเล็กๆคั่นกลางเอาไว้จะมีวัฒนธรรมไอดอลหรือศิลปินในวงการบันเทิงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งด้านภาพลักษณ์ แนวเพลง การตลาด วิธีการฝึกฝน ทุกอย่างล้วนต่างแตกต่างกันหมด ในตอนที่หนึ่งนี้เราจะมานั่งไล่เรียงกันดีกว่าว่ามันแตกต่างกันอย่างไร และแตกต่างได้มากน้อยขนาดไหน
highlight parts of chapter1
เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ส่งออกอุตสาหกรรมบันเทิงเป็นอันดับต้นๆของโลก ไม่ว่าจะภาพยนต์ ซีรี่ส์ เพลง รวมไปถึง ไอดอล ไอดอลของเกาหลีนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่าขึ้นชื่อด้วยความจริงจังในการฝึกฝนหรือขัดเกลาศิลปิน ไอดอล บุคลากรทางในวงการให้ออกมามีความสามารถที่เพียบพร้อม ความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการร้อง การเต้น บุคลิคภาพ ทัศนคติ อื่นๆ โดยคนที่ต้องการที่จะเป็นศิลปินหรือไอดอลจะต้องผ่านการฝึกฝนมาไม่หกเดือน จนไปถึงสิบปีกว่าจะได้เดบิวต์สู่วงการไอดอลเลยก็มี
และเพราะว่าในวงการไอดอล Kpop นั้นมีการแข่งขันที่สูง จากการคาดคะเนแล้ว ในปีๆนึงจะมีไอดอลที่เดบิวต์ใหม่ออกมาไม่ต่ำกว่าห้าสิบวง แต่ทว่าเพราะการแข่งขันที่สูงมากนี้ ในแต่ละปีจึงมีเพียงไม่กี่วงที่จะถูกคนภายนอกจดจำหรือติดตาม มีชื่อเสียงและทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ ถึงกระนั้นการจะเป็นดาวดวงใหม่ที่สามารถเจิดจรัสบนท้องฟ้าที่มีดาวอยู่เป็นล้านดวงได้ นอกเสียจากปัจจัยภายนอกอื่นๆแล้ว ความสามารถก็เป็นอีกหนึ่งใบเบิกทางได้ไม่แพ้กัน
รูปแบบของวงไอดอลกรุ๊ปของเกาหลีส่วนมากแล้วจะมีจำนวนสมาชิกที่ค่อนข้างแน่นอน โดยจะมีจำนวนสมาชิกตั้งแต่3คนเป็นต้นไป และอาจจะมีมากถึง13คนเลยก็มี ในบอยแบนด์หรือเกิร์ลกรุ๊ปแต่ละวงนั้น สมาชิกทุกคนจะมีหน้าที่เป็นของตัวเอง อาทิ ตำแหน่งนักร้องหลัก (Main Vocal) ตำแหน่งนักร้องเสริม (Sub Vocal) ตำแหน่งนักเต้นหลัก (Main Danver) ตำแหน่งเซ็นเตอร์ (Center) ตำแหน่งภาพลักษณ์ของวง (Visual) ตำแหน่งหัวหน้าวง (Leader) เป็นต้น
AKB48 หรือ 48กรุ๊ปวงอื่นๆ เป็นไอดอลหญิงของญี่ปุ่นที่มีรูปแบบในการโปรโมตต่างจากวงอื่นๆ เพราะว่าระบบของวงนี้จะเป็นการเปิดรับสมาชิกเข้ามาใหม่ได้เรื่อยๆ มีสมาชิกได้ไม่จำกัดจำนวน มีการผลัดเป็นคนไปเรื่อยๆ ไม่มีการฝึกฝนสมาชิกอย่างเป็นเป็นระบบจริงจังเฉกเช่นเกาหลี สมาชิกทุกคนส่วนใหญ่จะฝึกการร้องและการเต้นด้วยตนเอง ไม่มีการยึดติดกับความสามารถเป็นหลัก เพราะว่าสำหรับวงนี้แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเอนเตอร์เทนหรือมอบความสุขแก่ผู้ชมและแฟนคลับผ่านการแสดง
แถมในการแสดงแต่ละครั้ง สมาชิกที่ขึ้นแสดงก็ยังถูกสลับไปมา ไม่ว่าจะทั้งเซ็ตลิสต์ของเพลงที่มีมากกว่าหนึ่งร้อยเพลง สมาชิกที่ขึ้นด้วยกันเปลี่ยนไปมา แม้กระทั้งท่าเต้นยังถูกปรับเปลี่ยนไปตามที่ตำแหน่งที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน ลองนึกภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่เต้นไม่เก่ง พื้นฐานในการเต้นไม่ได้ดีอะไร แต่สามารถจดจำท่าเต้นได้มากกว่าหนึ่งร้อยเพลงและจดจำตำแหน่งได้มากกว่ายี่ิสิบตำแหน่ง นั่นแหละคือสิ่งที่วงมี
และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ AKB48 ไม่เหมือนกับไอดอลวงอื่นๆก็คือ การแข่งขันภายในวง
ขึ้นชื่อว่า 48กรุ๊ป ย่อมมีการการแข่งขันภายในวงที่ไม่แพ้การแข่งขันระหว่างวงในสังคมไอดอลเกาหลีเลย ด้วยความที่สมาชิกของวงนั้นมีไม่จำกัด แต่พื้นที่หรือจำนวนคนที่จะถูกโปรโมตในแต่ละซิงเกิลนั้นถูกจำกัดจำนวนมาแล้ว ทำให้การแข่งขันความนิยมจึงมีมากและหนักหน่วงมาก โดยนอกจากซิงเกิลปกติที่ทีมบริหารของวงจะเป็นเลือกสมาชิกแล้ว AKB48 จะมีอีเว้นท์ประจำปีอย่าง "การเลือกตั้งเซ็นบัตสึ"
การเลือกตั้งเซ็นบัตสึ เป็นงานกิจกรรมประจำปีของ AKB48 ที่เปิดโอกาสให้แฟนคลับร่วมโหวตสมาชิกที่ตัวเองชอบให้เป็นเซ็มบัตสึหรือสมาชิกที่ถูกเลือกในซิงเกิลนั้นๆได้ (จำกัดพื้นที่สมาชิกในเพลงหลักและแต่ละเพลงคือ16คน) โดยกิจกรรมนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2009 และก็ถูกจัดขึ้นอีกทุกปีเรื่อยมา
ปล.ก่อนที่ล่าสุดปีนี้ มีการประกาศออกมาว่าในปี2019จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพักการเลือกตั้งเซ็นบัตสึตลอด10ปีที่ผ่านมา
สรุปฝั่งเกาหลี
สรุปฝั่งญี่ปุ่น
เบยุนจอง ครูฝึกของรายการProduce กล่าวไว้ว่าไอดอลKpopนั้นขึ้นชื่อด้านความพร้อมเพรียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝน แต่ในประเทศญี่ปุ่น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?
ฮือ มันแทงใจทั้งคนที่กำลังดูรายการกับเด็กญี่ปุ่นที่อยู่ตรงนั้นพอสมควรเลย...
อิมาดะ มินะ HKT48 ตอบว่าสำหรับไอดอลญี่ปุ่นแล้ว ความน่ารักสำคัญกว่าการเต้นพร้อมและความสมบูรณ์แบบ ก่อนที่ครูฝึกจะได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะเข้าใจว่า เพราะวัฒนธรรมต่างกันสินะ
ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก มันก็เป็นแค่เพราะความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม
สำหรับเด็กญี่ปุ่นที่มารายการนี้นั้น ทุกคนเห็นตรงกันว่าในวัฒนธรรมที่ตัวเองคลุกกคลีอยู่ในชีวิตประจำวัน การแสดงความสนุกสนานสำคัญมากกว่าการร้องและการเต้น เพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเป็นนักเอนเตอร์เทน ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของตัวเอง และใน48Groupsนี้ ก็มีหลายคนที่มีชื่อเสียงและความนิยมขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร้องเพลงเพราะหรือเต้นเก่งก็ตาม
มิยาวากิ ซากุระ HKT48 หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นและได้รับอันดับ3จากการเลือกตั้งของ AKB48 ในปี2018ก็เคยบอกกล่าวออกมาว่า "ฉันได้อันดับสูงก็จริง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความสามารถของฉัน หรือเพราะว่าฉันอยู่ญี่ปุ่นกันแน่" ยิ่งทำให้เราเข้าใจกันเข้าไปใหญ่ว่าทำไมความต่างวัฒนธรรมตรงนี้ถึงกำลังถูกผสมผสานเกิดขึ้นเป็นรายการนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะนำเสนอให้เห็นว่าถึงแม้ทั้งสองประเทศนี้จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความเป็นไอดอล ไม่มีใครพอใจกับการที่ตัวเองจะถูกว่าว่าเป็นไอดอลที่ไม่มีความสามารถ ทุกคนมีความมุ่งมั่นและความพยายามที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเด็กเกาหลีหรือเด็กญี่ปุ่นก็ล้วนแล้วต้องการที่จะเป็นไอดอลนี่น่าภาคภูมิใจเหมือนกัน
และถ้าจะให้เห็นภาพเพิ่มเติมถึงความแตกต่างของสิ่งที่เราร่ายยาวกันมาทั้งตอนก็ต้องยกให้การแสดงของกลุ่มน้องสาวคนเล็กจากฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นอย่างในคลิปนี้เป็นตัวอย่าง
: ต้องเรียกว่าสมกับเป็นนัมบะ! การแสดงของ ชิโรมะ มิรุ / มุราเสะ ซาเอะ / นาอิคิ โคโคโระ / คาโต้ ยูกะ / อุเอมูระ อาซึสะ สมาชิกจาก NMB48 โดยใช้เพลงของตัววงเองมาแสดงเอาซะเลย การแสดงด้วยเพลงที่มีทำนองติดหู บวกกับท่าเต้นที่เต้นตามง่าย และสร้างความสนุกให้กับคนทั้งรายการ นี่คือสเน่ห์ของความเป็น 48 กรุ๊ปที่ไม่สามารถหาวงไหนมาเทียบได้
: ทำทุกอย่างให้ฉีกจากมาตรฐานทั่วไป— โชว์ที่สุดแสนจะประทับใจที่สามารถครองใจคนที่ดูรายการนี้ เด็กฝึกหัดค่าย HOW Ent. อย่างคิมมินซอ หวังเคีอ ยูมินยอง กับเพลง Seleb Five ที่สุดแสนจะฮาหลุดโลก ขอชื่นชมความกล้าแสดงออกในการแสดงเพลงนี้จากใจจริงเลย...
: โจทย์ความยากของเด็กญี่ปุ่น โชว์นี้ถูกแสดงต่อจากโชว์ของกลุ่มเด็กฝึกหัด HOW Ent. โดยเพลงนี้ Dancing Hero แต่แรกเดิมที่เป็นเพลงดังของนักร้องชาวญี่ปุ่น ก่อนที่จะเกาหลีนำไปรีเมคเป็นเพลง Seleb five ล่าสุดนั่นเอง แต่ถึงแม้จะใช้เพลงเดียวกันกับกลุ่มก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะในโชว์นี้ เพลงได้ถูกนำมาเรียบเรียงให้ในแบบฉบับของทาเคอุจิ มิยู สมาชิกจาก AKB48 ที่มากความสามารถอีกคนนึง และได้เกรด A ไปสมกับความพยายาม อีกด้านของโกโต โมเอะ สมาชิกในทีมนี้ที่ประสบปัญหาเป็นภูมิแพ้ ไม่มีเสียง ทำให้ไม่สามารถร้องเพลงได้ก็ต้องได้รับผลประเมินระดับสุดท้ายไปโดยปริยาย
: ไปสุดทั้งสองด้าน เป็นครั้งแรกที่ค่าย Woolim Ent. ส่งเด็กฝึกหัดในสังกัดของตัวเองมาแข่งในรายการ PRODUCE หลายคนก็คงต่างแต่คาดหวังว่าค่ายคุณภาพที่มีไอดอลมากความสามารถนั้นจะส่งเด็กฝึกแบบไหนมากันแน่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะไม่ว่าจะหยิบเพลงแนวสดใสของ Lovelyz หรือเพลงแนวดุดันของ INFINITE ซึ่งเป็นรุ่นพี่ในค่าย เด็กฝึกหัดค่ายนี้ก็สามารถแสดงออกมาได้ดีจนทั้งสตูต้องตกตะลึง โดยเพราะควอนอึนบี เด็กฝึกหัดที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม เพียบพร้อมจนครูฝึกถึงกับออกปากเลยว่าทำไมยังไม่ได้เดบิวต์อีก ความสามารถพร้อมถึงขนาดนี้แล้ว
: ประสบการณ์10ปีไม่เคยแพ้ใคร— จุดเด่นการแสดงของมัตสึอิ จูรินะในเพลง Dear J ก็คือความมั่นใจ ไม่ว่าจะการร้อง การเต้น สีหน้า และท่าทาง ทั้งหมดล้วนแต่แสดงออกมาด้วยความมั่นใจ ไม่มีความประหม่าเลยแม้แต่นิดเดียว ครูฝึกทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าจูรินะเป็นคนที่ฝีมือดีรอบด้านที่สุดในบรรดาเด็กญี่ปุ่นทุกคน
: สองดูโอ้ยีราฟจากเพลดิสกับเพลงฮิตระดับโลกอย่าง Havana โชว์ที่มีความลงตัวของ
: ความคาดหวังอันดับ1ของรายการ ถึงแม้ว่าการแสดงของมิยาวากิ ซากุระกับเพลง Black Angel ของ AKB48 จะเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในช่วงเวลานึงว่าไม่เหมาะสมกับเกรด A ที่ได้รับมา แต่ทว่าสิ่งที่ครูฝึกต่างเห็นพ้องต้องกันและมอบเกรดที่สูงที่สุดให้กับเธอก็เพราะว่า นอกจากความสามารถทีีสามารถพัฒนาต่อไปได้ ความมุ่งมั่น การมี ครูฝึกเบฝึกเบยุนจอง
: โชว์ดีแต่ไม่มีซีน ความผีที่เลื่องลือของ MNET ที่พยายามจะตัดต่อออกมาให้เด็กญี่ปุ่นเสียเปรียบเรื่องความสามารถ ตัดช็อตพลาดๆมารวมใส่ไว้ในตอนจริง แต่โชว์ของเด็กญี่ปุ่นดีๆอย่างโชว์นี้กลับไม่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย มิอุ เซรินะ ฮิโตมิ เป็นสมาชิกของ AKB48 ทีม 8 ที่พ่วงความสามารถมาเกาหลีได้ครบเครื่อง โดยการเลือกเพลง Mister เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นที่เป็นอีกเพลงดังตลอดกาลของ KARA มาใช้ในรอบประเมินนี้ถืิอว่าตีโจทย์แตกความผสมผสานของเกาหลีและญี่ปุ่นมาก ใครยังไม่เคยดูต้องขอแนะนำเลย
/
และนี่เป็นเพียงแค่10โชว์ที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงในตอนนี้ จริงๆโชว์รอบนั้นยังมีอีกหลายโชว์ที่น่าประทับใจ
ไม่ว่าจะเป็นโชว์ของ WM girls ที่นำทีมโดยอีแชยอน โชว์สายแฮปปี้ของ NGT48
หรือจะโชว์ของยาบุกิ นาโกะ + ทานากะ มิคุ ... (อันนี้mnetไม่ปล่อยมาให้ดูด้วยนะ อุแง)
เยอะมาก แนะนำให้กลับไปนั่งไล่ดูเลยค่ะจริงๆ แฮปปี้ที่สุดแล้ว
ตอนต่อไป CHAPTER 2 : It’s Mine เมื่อความสามารถถูกแบ่งออกเป็นระดับ
แล้วเจอกันตอนหน้านะค้าบ(*´ω`*)
/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in