เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องนี้เราว่า...Pakorn Uttayopas
The Prestige (2006)
  • คำเตือน: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญเล็กน้อย

    The Prestige (2006)

    กุสุมาเป็นคนชอบดูมายากลเป็นชีวิตจิตใจ เธอมักชวนร่มฤดีตีตั๋วเข้าไปชมโชว์มายากลเป็นบ่อยครั้ง เหตุการณ์สำคุญที่เธอชอบนั้นมาจากนักมายากลนาม เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ มาโชว์ที่เมืองไทย หลังจากนั้น วงการมายากลก็โด่งดังจนถึงขีดสุด แล้วก็เริ่มแผ่วลงดังเช่นกระแสหมีแพนด้า อนิจจา ทุกสิ่งอย่างไม่เที่ยงแท้
    จนปัจจุบัน นับวันยิ่งหาโชว์มายากลยาก เธอจึงมาปรึกษาผม เธออยากดูมายากล ผมนึกไม่ออก สมัยนี้มีมายากลอะไรให้ดู เพราะผมดูแต่หนัง ผมเลยให้เธอ ไปดูเรื่อง The Prestige แทนละกัน อาจจะพอช่วยบรรเทาได้ เพราะมันเป็นหนังมายากล ไม่ทันได้กล่าวจบ กุสุมายื่นมือมาขอยืม DVD The Prestige ซึ่งผมก็ยังไม่มี เธอจึงเดินไปซื้อเอง

    หลายวันต่อมา เธอมาพบผมพร้อมกับร่มฤดี เธอบอกว่าชอบมาก 
    ผมถามว่า "ทำไมถึงชอบ" 
    เธอบอกว่า "มันงง ดี เนื้อเรื่องซับซ้อนดี เหมือนดูมายากล"
    ผมยังไม่ได้ถามว่าซับซ้อนอย่างไง เธอก็เล่าต่อ
    "นักมายากล 2 คนเป็นเพื่อนกันแล้วอยู่ๆก็ ผิดใจกัน เพราะคนนึงเผลอไปฆ่าเมียอีกคนนึง นักมายากลที่เมียตายเลยตามล้างแค้น ซึ่งพอล้างแค้นเสร็จ อีกคนก็กลับมาล้างแค้นต่อ วนไปเรื่อยๆ"
    ผมฟังก็นึกสงสัย นี้มันหนังฮ่องกงชัดๆ จึงถามไปว่า "แล้วมัน งง ตรงไหน?"
    "เพราะการลำดับการเล่าเรื่องนะสิ ที่ทำให้ฉันงง
    อยู่ๆก็ตัดฉากกลับไปมา อดีต ปัจจุบัน วุ่นวายที่สุด แต่ก็ชอบ เหมือนดูกลแก้วสามใบ" เธอกล่าว
    "ลุ้นดี ไม่รู้จะจบอย่างไง" ร่มฤดีพูดสวนขึ้นมา
    "แต่ ตอนจบช็อคไปหน่อย ไม่คิดว่าจะมาแบบนี้ แบบ..." ไม่ทันพูดขาดคำ กุสุมาก็เตือนร่มฤดีว่าผมยังไม่ได้ดู อย่าเพิ่งบอกอะไรไป ซึ่งผมก็โล่งใจ 
    "แต่เราว่า หนังบางช่วงมันก็มีบอกใบ้เป็นระยะๆ นะ" ร่มฤดีกล่าว
    "ใช่แล้วละ หนังพวกนี้ดูซัก 2 รอบน่าจะเข้าใจมากขึ้น ตั้งใจดูละ เผลอที่ก็ยาวเลย" กุสุมาเสริม
    "อะไรยาว" ผมถาม
    ทั้งคู่ไม่สนใจผมแล้วก็เริ่มบรรยายต่อ
    "เราชอบดูกลนะ แต่เราว่าบางกลมันดูเกินจริงไปหน่อย เราก็รู้แหละนะ ว่ามายากลมันคือการใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ หรือ จิตวิทยามาโน้มน้าวคนดูให้เชื่อในการแสดง แต่อันสุดท้ายนี้ก็เหวอๆไปเหมือนกันนะตอนเฉลย"
    "เอาน่าๆ อย่ามานั่งจับผิดกันเลย ดูเพื่อความบันเทิง" ผมกล่าวปลอบใจ
    "เราชอบการเติบโตของตัวละครนะ" ไม่ทันที่ผมจะปลอบเสร็จ กุสุมาก็พูดสวน
    "อย่างไรละ?" ผมถาม
    "จากลูกศิษย์ ฝึกมายากล คณะเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็แยกออกมาเปิดการแสดงรของตัวเอง จนเป็นใหญ่เป็นโตกันทั้ง 2 ฝ่าย จนสุดท้าย ก็ต้องมาแก่งแย่งชิงดีกัน" กุสุมาตอบด้วยแววตาที่กระตือรือร้น
    "สนุกใช่ไหมละ? " ผมพยายามตัดจบ เพราะเห็นว่ายิ่งเธอเล่ายิ่งเปิดเผยเนื้องเรื่องสำคัญ
    "เหมือนดู มายากล และอย่าคาดเดา" ทั้ง 2 สรุปเช่นนั้น

    คืนนั้นผมนอนไม่หลับ และตื่นขึ้นมาเพราะเรื่องที่เธอทั้ง 2 เล่านั้นช่างคาใจผมเหลือเกิน อะไรที่ทำให้เธอเหวอ อะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนดูมายากล 
    ผมทนไม่ได้ จึงเปิดคอมค้นหาเรื่องดังกล่าว
    ดูจบ ผมจึงอยากบอกว่า ผมว่าเรื่องนี้คือมายากล
    และยังคงนอนไม่หลับเพราะมัวแต่ขบคิดกับสิ่งที่เพิ่งได้จบลงไป




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in