ระหว่างที่กำลังเคลียร์ห้องเก็บของ
หางตาเหลือบไปเห็นกระดาษสีเก่า ๆ อยู่ปึกนึง
ใช่ มันคือจดหมายหลายฉบับที่เรียงซ้อนกันอยู่ ถูกมัดด้วยหนังยางสีแดงเส้นเก่า ๆ
เห็นเพียงแค่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของคือใคร
ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยไว้อย่างนั้น
แต่สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะทุกอย่าง
เราไม่รอช้า เดินเข้าไปหยิบมาเปิดดูทีละฉบับ
บ้างก็เป็นบัตรส่งความสุขในวันปีใหม่
บ้างก็เป็นการ์ดเชิญงานแต่งงาน
บ้างก็เป็นจดหมายจากใครคนหนึ่ง ถึงใครอีกคนหนึ่ง (ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่รู้จักทั้งสองคน สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้)
จนเปิดมาถึงฉบับสุดท้าย ซองจดหมายที่น่าจะเคยเป็นสีขาวมาก่อน
แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไป ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว ไม่ต่างอะไรกับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ถูกบรรจุอยู่ในซอง
จดหมายจากพ่อ จ่าหน้าซองถึงแม่
"คิดถึงมาก เป็นห่วงด้วย"
เราโคตรเชื่อในประโยคนี้เลย เชื่อว่าพ่อรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
ผ่านมาแล้วกว่ายี่สิบปี
ไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ไม่มีโปรแกรมแชท
ไม่มีวิดีโอคอล
อยากคุย ก็นั่งเขียนจดหมายไปสิ
โชคดีหน่อยสองสามวันไปถึงปลายทาง แต่ถ้าระยะทางไกลก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์
ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่าจดหมายฉบับนั้นจะไปถึงคนที่เราจ่าหน้าซองถึงจริง ๆ
ฟังดูน่าทรมานเหมือนกันนะ
เพราะแบบนี้ เราเลยรู้สึกว่า
ทุกคำคิดถึง ทุกความเป็นห่วง ทุกคำบอกรัก มันมีค่ามากเกินบรรยาย
ไม่เหมือนสมัยนี้ จะคุย จะบอกอะไรกับใคร
ใช้เวลาไม่กี่วินาที ข้อความเหล่านั้นก็ถูกส่งไปแล้ว
มันง่ายเสียจนบางทีเราก็ไม่แน่ใจ
ว่าคำพูดเหล่านั้นมันมาจากความรู้สึกจริง ๆ หรือเปล่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in