"นี่ลูกตัดสินใจดีแล้วหรอ"
"ครับพ่อ ผมว่าผมไม่อยากเสียเวลาไปมากว่านี้แล้วล่ะ"
"งั้นก็ใช้เวลาให้คุ้มค่าซะนะ ยังไงพ่อก็ว่าแกน่ะ เหมาะกับทางนี้มากกว่า"
"ขอบคุณครับพ่อ"
"อย่าร้องไห้สิลูกชายของพ่อ"
ตือ ดือ ดือ ดือ ดึง ดึ่ง ดึ้ง ดึง ดึง
เพลงเพลงคลาสสิคของบีโธเฟนปลุกให้เขาติ่นจากฝัน หรือเรียกว่าเป็นความทรงจำที่ฝังอยู่ในฝันน่าจะดีกว่า
พ่อ . . .
สิ้นสุดเสียงเขารีบคว้าโทรศัพท์มารับสาย
"ว่าไงพ่อหนุ่มขี้เซา เริ่มงานวันแรกอย่าไปสายนะ"
"นี่ ชั้นรู้สึกว่าชั้นกลัว"
"กลัวการเจอผู้คนหรอ"
"คงงั้น"
"ไม่หรอก พวกเขาก็คือคนนี่แหละ ไม่ต้องกลัวใครหรอกกลัวตัวเองดีกว่านะ"
ห้ะ!!!
"เอาเป็นว่าอย่าไปนายลุกไปอาบน้ำได้แล้ว"
ตู๊ดดดด
น่าหงุดหงิดแหะ เขาคิดในใจพร้อมมองไปยังเสื้อเชิ้ตสีขาวที่รีดจนเรียบราวกับกระดาษ รองเท้าคัดชูที่ขัดจนแวววับจนสามารถสะท้อนแสงได้
เห้อ เสียงถอดหายใจแล้วสูดลมเขาในขณะที่มือหยาบกร้านกำลังผูกเนคไทด์อย่าใจเย็น
เขาก็พบว่านี่พึ่งแปดโมงสิบนาที และระยะทางจากที่พักไปถึงบริษัทก็ใช้เวลาประมาณสิบนาที เขามีเวลาว่างก่อนเริ่มงานอย่างน้อยก็สามสิบถึงสี่สิบนาที
"เอาเป็นว่าซื้อกาแฟละกัน ขี้เกียจบดกาแฟชะมัด"
เขาบนพึมพำพร้อมหยิบกระเป๋าโน๊ตบุคและกุญแจรถและเดินออกจากห้องในทันที
"คงไม่ลืมอะไรนะ"
วันนี้รถก็ไม่ติดด้วยสิ ส่วนเพลงก็ดีชะมัดเลย เขาพูดกับตัวเองราวกับวันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดอีกวันของเขา
"แวะร้านนี้ละกัน" เขาตัดสินใจจอดรถหน้าร้านกาแฟที่ใกล้บริษัทที่สุด และเมื่อก้าวเข้าร้านไปเขาก็ล่องลอยไปกับกลิ่นกาแฟที่ไม่คุ้นเคยจน . . .
"ขอโทษนะคะ คุณลืมปิดกระเป๋าอะคะ" เสียงสาวออฟฟิตพาเขาหลุดออกจากภวังค์แห่งความหลงไหลกลิ่นใหม่ ๆ ของกาแฟ
"เอ่อ ขอบคุณครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอยิ้มให้วิชรินทร์พร้อมเดินตรงไปยังพนักงาน ในวินาทีนั้น กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอทำให้เขาเหมือนหยุดหายใจ เพราะเป็นกลิ่นที่เขาไม่คุ้นเคยแต่ทำให้เขารู้สึกดีจนบอกไม่ถูก และกลิ่นนั้นก็กลบกลิ่นกาแฟไปจนหมดแทบไม่เหลือ
"เอาอเมริกาโน่ไม่หวานค่ะ" เสียงนั้นทำให้เขาได้สติอีกครั้งพร้อมเบิกตากว้าง
จะว่าไปเรายังไม่เคยลองแบบไม่ใส่ไซรัปด้วยสิ น่าจะลองซักหน่อยนะ วิชรินทร์นึกในใจพร้อมเดินไปหาพนักงานพร้อมที่จะสั่งกาแฟ
"คุณทำงานที่ไหนหรอคะ" เธอเอ่ยถามในขณะที่เขากำลังเอ่ยปากสั่งกาแฟ
"อเมริกาโน่หวานน้อยครับ"
"คะ?" เธอและวิชรินทร์สบตากันราวกับนั่นผ่านไปหลายวินาที
"่อ่อ ขอโทษครับผมพึ่งมาทำงานวันแรกบริษัทใกล้ ๆ นี่แหละครับยังจำชื่อบริษัทไม่ได้น่ะครับ"
"อเมริกาโน่หวานน้อยนะครับ" เสียงพนักงานทวนออเดอร์นั้นทำให้วิชรินทร์ร้อนรน
"เอ่อ ขอเปลี่ยนเป็นไม่หวานได้ไหมครับ"
"ได้เลยครับคุณลูกค้า พอดีไซรัปหมดอยู่นะครับ" พนักงานตอบด้วยรอยยิ้มนั่นทำให้วิชรินทร์เองก็ยิ้มตอบไปแบบเขิน ๆ
"อันนี้ของคุณผู้หญิงครับ" พนักงานชายอีกคนวางแก้วกาแฟพร้อมข้อความที่เป็นลายมือเขียนว่า HAVE A NICE DAY
"ขอบคุณค่ะ" พูดจบเธอก็รีบเดินจากไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่วิชรินทร์เองไม่คุ้นเคย ในครั้งนี้มันกลับทำให้เขาใจเต้นแปลก ๆ
"ได้แล้วครับคุณผู้ชาย" พนักงานยื่นแก้วกาแฟให้กับข้อความ HAVE A GOOD DAY นั่นทำให้เขายิ้มออกแล้วแล้วพูดกับพนักงานว่า
"ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเช่นกันครับ"
ไม่นานเขาก็เดินเข้าบรัษัทพร้อมกับความตื่นเต้นราวกับพึ่งเข้าเรียนมหาลัยวันแรก
"วิชรินทร์ใช่ไหม ผมกำลังรออยู่เลย" เสียงชายหนุ่มใส่สูทสีน้ำเงินกล่าวทักทายในก้าวที่สามที่วิชรินทร์เดินเข้ามา
"ครับผมเอง"
"หล่อกว่าที่คิดเยอะเลย"
"ขอบคุณครับ"
"นั้นกระเป๋าคอมคุณหรอ"
''ใช่แล้วครับ" ทันทีที่ตอบชายหนุ่มก็ทำหน้าขมวดขึ้นมา
"จริง ๆ แล้วใช้คอมในออฟฟิตดีกว่านะ"
"เอ่อ . . . คือ"
"ไม่เป็นไรครับ อ่อ ผมธัชวินท์นะครับ เรียกผมธันก็ได้"
"สวัสดีครับคุณธัน"
"ไม่ต้องยกมือไว้หรอก ไปเริ่มงานกันเดี๋ยวผมจะบรีฟให้ฟังนะครับ"
สิบนาทีผ่านไป ธัชวินท์ก็ได้ตกใจกับความสามารถของวิชรินทร์
"นี่คุณ ทำงานมากี่ปีแล้วครับ"
"ประมาณหกหรือเจ็ดปีครับ ผมก็ไม่แน่ใจ"
"นี่มันสุดยอดมากเลยนะ"
"ขอบคุณครับ"
"งั้นเดี๋ยวผมมาหาอีกที่ก่อนเวลาเลิกงานสิบนาทีนะครับ"
สถานที่ทำงานของวิชรินทร์ ณ ตอนนี้แทบจะเป็นห้องส่วนตัวเลยก็ว่าได้ เพราะธัชวินท์เองก็เป็นซีอีโออายุน้อยนบริษัทสตาร์ทอัพที่ต้องพึ่งการตลาดในโซเชียลเป็นหลัก และคอนเทนแทบจะเป็นหัวใจหลักของบริษัทเล็ก ๆ ที่กำลังเติบโต ส่วนบรรยากาศภายในบริษัทเองก็แทบจะเป็นบ้านสังสรรค์เลยก็ว่าได้ และถึงแม้จะเป็นบริษัทใหม่ แต่ก็มีรายได้ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งเรื่องนี้วิชริทร์ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังสองครั้ง แต่ชายหนุ่มผู้อยู่ในห้องนั้นไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย เสียงเปิดประตูก็ไม้ได้ทำให้เขารู้สึกตัว จนกระทั่งเขาได้กลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยตอนอยู่ร้านกาแฟเมื่อเช้า
วิชรินทร์รีบหันตัวกลับมามอง
"ขอโทษนะคะ นี่คือไฟล์เสียงจากคนตัดต่อก่อนหน้านี้ค่ะ"
"เอ๋" วิชรินทร์ตะแคงคอมองเธอคนนั้นด้วยความสงสัยราวกับแมวน้อย
"เอ๋" เธอตะแคงคอกลับพร้อมยิ้มให้
"คุณนี้เองที่เขาลือกันให้แซดว่าทำงานเก่งมาก"
"เรื่องนั้นขอบคุณครับ แต่ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก และขอบคุณสำหรับไดร์ฟไฟล์เสียงนี้นะครับ ผมคิดว่าคงต้องมานั่งหาทั้งวันซะแล้ว" ณ วินาทีนั้นวิชรินทร์เองก็ตกใจว่าทำไมเขาถึงได้พูดยาวเหยียดแต่ยังหายใจทันอยู่
"พอดีเมจัดโต๊ะสำหรับนักตัดต่อคนใหม่ให้แล้วนะคะ"
"โต๊ะหรอครับ"
"ค่ะ สะดวกที่จะไปทำงานด้านนอกไหมคะ"
"เรื่องนั้น ก็ต้องย้ายของจากห้องนี้อีกสินะครับ"
"คือนี่มันห้องทำงานเก่าของ ซีอีโอ แต่ถ้าคุณสบายใจที่จะอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไรคะ"
นี่คือน้อยใจหรอ วิชรินทร์คิดไปพลางด้วยสีหน้าร้อนรน
"เอ่อ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเย็นนี้ผมจะย้ายของจากห้องนี้ไปยังโต๊ะทำงานนะครับ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวบอกฝ่ายบุคคลให้นะคะ"
"ขอบคุณครับ"
"ยินดีค่ะ"
แล้วเธอก็ปิดประตูห้องจากไปยกเว้นน้ำหอมที่ตราตรึงจมูกและใจของวิชรินทร์ไว้ราวกับหยุดเวลาได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in