เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SMITTYDOSS #hacksawridgeglueon_girl
Feel like I'm home


  • "ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วนะ"

    เขาพูดคำนั้นออกมา นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่สวยก็ทอดมองผ่านกรอบหน้าต่างออกไปยังไม้ยืนต้นซึ่งตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่ที่หลังบ้าน

    สีสันจัดจ้าของฤดูใบไม้ร่วงฉาบทาบรรยากาศรอบกายให้พราพร่างไปด้วยสีน้ำตาลหลากเชด ไล่โทนสลับไปกับส้มและเหลือง กลาดเกลื่อนอยู่บนผืนดินแห้งผากด้วยสายฝนที่ไม่ได้ตกต้องมานานเนิ่น

    มันสวย และสวยยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้มองโทนสีเหล่านั้นสาดสะท้านผ่านม่านตาของชายอีกคน ที่กำลังเบิกจ้องทัศนียภาพดังกล่าวอย่างใจจดใจจ่อ

    นายมองเห็นอะไรกันนะ ดอสส์...

    คำถามเช่นว่านั้นผุดพรายขึ้นมาในห้วงคำนึง มันคือความใคร่รู้ระคนไปกับชื่นชม หรืออาจจะข้ามขั้นไปถึงความหลงใหลแล้ว สมิตตี้ ไรเกอร์ ก็ไม่แน่ใจนัก

    เขารู้แต่เพียงว่าเขาหลงรักมุมมองของชายหนุ่มผู้นี้ แม้กระทั่งลูกหมามอมๆ ตัวหนึ่งก็ยังดูน่ารักและกลายเป็นสิ่งที่แสนวิเศษขึ้นมาได้เมื่อ เดสมอนด์ ดอสส์ เอื้อมมือไปประคองอุ้ม แถมยังยกขึ้นชูต่อหน้าเขาเหมือนจะขอคำยืนยันว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่มันน่าเอ็นดูสักเพียงไหน

    แต่เดสมอนด์ก็ทำได้แค่ส่งยิ้มให้กับมัน ลูบหัวทักทายและเดินจากไป เพราะอพาร์ทเม้นท์ที่พวกเขาทั้งคู่พักอาศัยอยู่มีกฎว่าห้ามเลี้ยงสัตว์ ในตอนนั้น สมิตตี้ยังจำได้ดีถึงแววตาเหงาหงอยทั้งของเจ้าหมาและเจ้าคนที่เดินคอตกกลับมาถึงห้อง ระหว่างทางก็รำพึงรำพันกับตัวเองว่าความรักนั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

    ดอสส์ เจ้าโง่...

    คิดพลางอมยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย หลังจากวันนั้น เขาก็เฝ้ามองพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของเจ้าคนโง่ที่ใจดีและแสนซื่อซะยิ่งกว่าใครอยู่เป็นแรมเดือน ดอสส์แอบเอาขนมกับอาหารเม็ดออกไปให้ลูกหมานั่นอยู่ไม่ขาด ทั้งยังพยายามหาลังและซ่อนมันเอาไว้ในมุมที่จะไม่มีใครมารังแกมันได้

    สมิตตี้มองตามกระเป๋าเป้ที่ดูจะตุงๆ ผิดไปจากเดิมแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จริงอยู่ที่เขาไม่เคยละลาบละล้วงค้นข้าวของของคนรัก แต่การบังเอิญไปเจอถุงอาหารเม็ดที่แอบซุกอยู่ในเคาน์เตอร์ห้องครัวนั่นคือฉนวนเหตุที่ทำให้ความแตก

    ดอสส์ปิดบังเอาไว้เพราะกลัวว่าจะโดนสมิตตี้เอ็ดเอา และชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทรายก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป

    เขาดุก็ด้วยความเป็นกังวล จะอย่างไรเสีย พวกเขาก็ไม่สามารถเลี้ยงดูเจ้าลูกหมานั่นได้ แล้วถ้าเกิดมันหายไปหรือมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น สมิตตี้ก็รู้ดีว่าคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือดอสส์

    เพราะอย่างนั้นชายหนุ่มจึงต้องการให้คนรักของเขาตัดใจจากเจ้าสี่ขานั่นซะ แต่ทว่า...ดอสส์ก็คือดอสส์ ความเมตตาและความดื้อแพ่งถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ยากนักจะมีใครเสมอเหมือน

    และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมิตตี้ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เร็วกว่ากำหนดการที่ตั้งเอาไว้ บ้านหลังเล็กที่อยู่ห่างตัวเมืองออกมาไกลโข เขายังจำสีหน้าของดอสส์ได้ดี ตอนที่เขาวางกุญแจดอกหนึ่งลงบนโต๊ะอาหารขณะนั่งทานมื้อค่ำกันอยู่

    'นี่อะไร?' ความฉงนฉายชัดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลสวยหวานราวตากวาง

    'กุญแจ'

    'รู้น่า' น้ำเสียงที่เอ่ยเริ่มไต่โทนขึ้นมาเล็กน้อย 'แต่มันคือกุญแจของอะไรหรือที่ไหน นั่นต่างหากที่ฉันอยากรู้'

    สมิตตี้เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารที่ปริมาณพร่องหายไปกว่าครึ่ง รอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีขยับกว้าง

    'กุญแจบ้าน'

    เรียวคิ้วของดอสส์ขมวดมุ่นเหมือนพยายามจับต้นชนปลาย และ...ไม่เข้าข้างตัวเองมากนัก

    'บ้าน?'

    'ใช่ บ้าน' ชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์ทรายย้ำชัด 'บ้านของเราสองคนไง ดอสส์'

    'นาย...ล้อฉันเล่น?'

    'ไม่' สมิตตี้ส่ายหน้ารัวทั้งเสียงหัวเราะ คนรักของเขาทำหน้าอย่างกับว่าโลกจะแตกงั้นแหละ

    มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรือไง...

    'ฉันพูดจริงๆ' ย้ำอีกที... 'นี่คือกุญแจบ้านของเราสองคน และเราก็สามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ทุกเมื่อถ้าเราพร้อม'

    'เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน'

    ดอสส์เอ่ยท้วง มีร่องรอยแห่งความขุ่นเคืองเคลือบแฝงอยู่จางๆ

    ก็ไม่แปลก...

    พวกเขาเป็นทั้งคนรัก เพื่อนสนิท รูมเมท ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปี ผ่านพ้นทั้งช่วงเวลาที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน เรื่อยไล่ไปจนวันที่ร้องเฮลั่นห้องด้วยความยินดี

    แล้วกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ สมิตตี้กลับปิดบังเอาไว้ ไม่ยอมปริปากเลยแม้แต่น้อย

    'ฉันแค่อยากเซอร์ไพร์สนาย' ชายหนุ่มร่างใหญ่ตอบตามตรง

    'ฉันเข้าใจว่านายอยากทำให้ฉันดีใจ และฉันก็ดีใจนะ...แต่นี่มันเรื่องใหญ่มาก สมิตตี้' ดอสส์ยังคงท้วง 'อย่างน้อยๆ ฉันก็อยากให้นายปรึกษาฉันก่อน'

    'อันที่จริงฉันก็วางแผนเรื่องนี้มานานมากแล้วนะ' สมิตตี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ 'แต่ก็นะ...มันเป็นเรื่องที่ฉันควรจะถามนายก่อนจริงๆ นั่นแหละ'

    ความเงียบโรยตัวปกคลุมระหว่างบุคคลทั้งสอง สมิตตี้นิ่งงันไป สายตาก็เอาแต่จ้องอยู่กับจานกระเบื้องตรงหน้า ในขณะที่ดอสส์ก็เอาแต่มองคนรักของตน

    ความคิดหลายหลากตีรวนเข้ามาในห้วงคำนึง นัยน์ตาสีน้ำตาลสลับความสนใจไปยังกุญแจดอกเล็ก เพ่งผ่านม่านเบาบางแห่งความไม่พอใจ ตรองให้ลึกลงไปถึงความปรารถนาดีที่อัดแน่นอยู่ในนั้น...

    แล้วลมหายใจก็ถูกพ่นออกมาช้าๆ 'งั้นค่าผ่อนชำระบ้าน 3 งวดแรก ฉันจะเป็นคนออกทั้งหมด'

    'หืม?' สมิตตี้เลิ่กคิ้วมอง

    ดอสส์เพียงแต่ไหวไหล่ 'ก็นายน่าจะออกเงินค่าดาวน์บ้านไปแล้วนี่ ฉันก็จะรับผิดชอบในส่วนนี้ แบ่งกันกับนายไป'

    'ไม่เป็นไร ดอสส์ เงินนี่ฉันเตรียมไว้ก็เพื่อการนี้อยู่แล้ว ฉันไม่ช็อตหรอก'

    'แล้วนายไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันเองก็เตรียมเงินไว้เพื่อการนี้เหมือนกัน'

    ชายหนุ่มผมบลอนด์เอียงคอนิดหนึ่ง เมื่อไล่ความคิดตามคำพูดของอีกคนได้ทัน สมิตตี้ก็ต้องเบิกตา ส่วนดอสส์กลับส่ายหัวส่งให้แบบปลงๆ

    'ฉันเพิ่งไปดูโครงการอสังหาฯ มาเมื่อ 3 วันก่อนและก็กำลังจะเอามาคุยกับนายพอดี นี่ถ้าฉันทำอะไรไม่ปรึกษาใคร ป่านนี้เราคงจะได้มีบ้าน 2 หลังกันแล้ว'

    ท้ายประโยคยังไม่วายเจือมุขตลกร้ายที่เล่นเอาคนชอบเซอร์ไพร์สถึงกับส่งยิ้มแหยๆ ขัดตาทัพมาให้อย่างสำนึกรู้ในความผิด

    'น่า...พรุ่งนี้ไปดูบ้านกัน'

    และโชคก็เข้าข้างสมิตตี้ เพราะในวันแรกที่เดินทางมาถึง คนรักของเขาก็วิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง ทั้งดวงตากลมโตใสแจ๋วที่ยิ่งพราวระยับราวกับเด็กน้อยเห่อของเล่นชิ้นใหม่

    เสียงอุทานสะท้อนดังอยู่ในตัวอาคารที่ยังคงว่างเปล่า ปราศจากของตกแต่ง และกรุ่นคลุ้งไปด้วยคราบฝุ่นซึ่งฟุ้งกระจายเต้นระริกอยู่ในห้วงบรรยากาศ ต้อนรับการมาเยือนของเจ้าบ้านคนใหม่

    'สุดยอดเลย ว๊าว ! ดูสิ สมิตตี้ หลังบ้านเราอยู่ติดกับชายป่าด้วย'

    ดอสส์ป้องปากกู่ตะโกนลงมา ในขณะที่ร่างสูงใหญ่ของสมิตตี้ก้าวอาดๆ เดินขึ้นบันไดไปหาชายคนรัก

    'ฉันพยายามเลือกหลังที่อยู่ใกล้ๆ กับป่ามากหน่อย จะได้ใกล้เคียงกับบรรยากาศของบ้านนายที่เวอร์จิเนีย'

    คำกล่าวนั้นทำให้เจ้าของร่างสูงโปร่งถึงกับชะงักทีท่า ริมฝีปากอิ่มอ้าค้างคล้ายกับจะพูดอะไรสักอย่าง แต่น้ำเสียงกลับไม่ยอมเปล่งออกมา

    'ชอบมั้ย?' สมิตตี้จึงตัดบทสนทนาเข้าสู่ประเด็นที่เขาอยากรู้ที่สุดแทน

    'มันก็สวย สวยมาก แต่ว่า...' เป็นอีกครั้งที่ดอสส์ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมา 'ที่นี่มันอยู่ห่างจากออฟฟิศของนายมากเลยนะ'

    'แล้วยังไง' ชายหนุ่มผมบลอนด์หัวเราะเบาๆ 'แค่เผื่อเวลาเพิ่มขึ้นอีกสักครึ่งชั่วโมง มันจะอะไรกันนักกันหนา'

    'ไหนๆ ก็ซื้อบ้านทั้งที ฉันแค่คิดว่านายควรที่จะเลือกให้สะดวกกับตัวเองเข้าไว้'

    'เหมือนกับที่นายเลือกบ้านในย่านธุรกิจแสนวุ่นวาย ใกล้กับที่ทำงานของฉัน ทั้งที่งานเขียนของนายต้องการสมาธิกับบรรยากาศสงบๆ น่ะเหรอ?'

    'สมิตตี้...'

    'ไม่ได้ตั้งใจจะยอกย้อนนะ คือฉันเห็นจากใบปลิวโครงการที่นายไปดูมาน่ะ' คนโดนเรียกเพียงแต่ขยับยิ้มรับ

    'ไม่เอาน่า ดอสส์ ในทางกลับกัน ถ้านายเป็นฉัน ฉันก็เชื่อว่านายจะทำแบบนี้...แบบที่คิดว่าทำยังไงอีกคนถึงจะมีความสุข'

    ดอสส์เพียงแต่มองตอบ ด้วยนัยน์ตาที่อ่อนแสงลงจนกลายเป็นนุ่มนวล

    'เรื่องความสะดวกน่ะช่างหัวมันเถอะ แค่มีเงินกับสมองเราจะไปหาเอาเท่าไหร่ก็ได้' สมิตตี้เอื้อมมือไปรั้งตัวชายคนรักเข้ามาในอ้อมแขน

    'นายยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าชอบบ้านหลังนี้มั้ย?'

    'ชอบสิ' เรียวแขนที่ค่อนข้างบอบบางกว่ายกขึ้นโอบรอบเอวสอบ ตอบรับต่ออ้อมกอดที่แสนคุ้นเคย 

    'มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลยสมิตตี้ ขอบคุณนะ'

    รอยยิ้มสดใสแย้มกว้าง มันคือสิ่งที่อบอุ่นยิ่งกว่าแสงตะวันในยามเช้าและทำให้สมิตตี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกหลุมรักในทุกครั้งที่ได้เห็น

    ตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า...

    'ตอนนี้ฉันก็ชักจะรู้สึกขอบคุณตัวเองเหมือนกัน ที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้'

    ริมฝีปากแนบประทับริมฝีปากเนิบช้า...

    ฤดูใบไม้ร่วงแรกในบ้านหลังนี้เริ่มต้นขึ้น หลังจากวันนั้นพ้นผ่านไปได้ราวๆ 1 สัปดาห์ พวกเขาใช้เวลาขนของอยู่ประมาณ 2 วัน ในส่วนที่เหลือก็เป็นการจัดตกแต่ง

    ทั้งห้องทำงานที่มีโต๊ะเขียนแบบของสมิตตี้ มันตั้งอยู่ที่บริเวณปีกซ้ายของบ้าน เป็นหนึ่งในจุดที่ชายหนุ่มจะใช้เวลาขลุกตัวอยู่นานที่สุด รองลงมาก็เป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นตามลำดับ

    ส่วนพื้นที่ของดอสส์นั้นก็คือห้องสมุดเล็กๆ ที่มีโต๊ะทำงาน แลปท็อป บานหน้าต่างที่ไม่เคยปิดม่านกับเจ้าหมาตัวแสบที่บัดนี้มีขนาดใหญ่โตเกินไซร์สลูกหมาไปมากโข

    เจ้าหมาตัวนั้นที่จนถึงตอนนี้ก็ยังนอนหมอบอยู่แทบเท้าพวกเขา ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของหนึ่งสถาปนิกกับอีกหนึ่งนักเขียน

    เนิ่นนานที่สมิตตี้เฝ้ามองชายคนรักทอดสายตาออกไปที่นอกบานหน้าต่าง เฝ้ามองฤดูใบไม้ผลิปีที่สามในบ้านหลังนี้ ท่ามกลางใบไม้ผลัดใบที่ค่อยๆ ร่วงโรยลงมาตามกาล

    นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็ยังคงอ่อนหวานชวนฝันเหมือนเช่นเคย...

    "มองอะไร หืม" ดอสส์เอ่ยขึ้นมา แม้จะไม่ได้หันกลับไปสบสายตา แต่เขาก็รู้ว่ากำลังโดนอีกคนจับจ้องอยู่

    "เย็นนี้กินอะไรกันดี?"

    "นี่นายหิวเหรอ?" นักเขียนหนุ่มเบนความสนใจกลับมาที่คนรักของตน

    สมิตตี้เพียงแค่ส่ายหัวแล้วยกมุมปาก ขยับยิ้มบางเบา "ยังหรอก ฉันก็แค่คิดน่ะ"

    ดอสส์มุ่นคิ้วด้วยความสงสัย หากยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น โทรศัพท์มือถือก็ลั่นดังส่งสัญญาณว่างานจะเข้า และสมิตตี้ก็ถึงกับกลอกตาในทันทีที่เห็นรายชื่อโชว์บนหน้าจอ

    "นี่วันหยุดไม่ใช่เหรอ?"

    "ก็วันหยุด" สถาปนิกหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาแต่ยังอิดออด ไม่ยอมกดรับ "วันหยุดของฉัน แต่ไม่น่าจะใช่วันหยุดของพวกเขาน่ะนะ"

    สมิตตี้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนากับปลายสาย และก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเท่าไหร่ ฝ่ายประสานงานโทรมาแจ้งว่าลูกค้าขอแก้ไขแบบแปลนเล็กน้อย

    แถมยังจะขอตรวจทานงานภายในเช้าวันจันทร์อีกต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าสมิตตี้ไม่เริ่มทำตอนนี้ งานของเขาก็คงจะเสร็จไม่ทันการ

    "อ่าฮะ" ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ "แค่แก้ตรงระเบียงนั่นใช่มั้ย? ได้ๆ ส่งข้อมูลมา ฉันจะรีบจัดการให้ โอเค"

    "ลูกค้าโทรมาขอแก้แบบอีกแล้วเหรอ?"

    ดอสส์คาดเดาเอาจากความเคยชินที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานาน คำว่า 'วันหยุด' สำหรับสถาปนิกนั้น นักเขียนหนุ่มตีความออกมาได้เป็น 'พักหายใจ'

    "ช่ายยย" สมิตตี้ถอนหายใจ "จะขอดูงานเช้าวันพรุ่งนี้อีกต่างหาก ให้ตายสิ"

    "แล้วเย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?"

    ที่ถาม เพราะชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบรูเน็ตต์ตระหนักดีว่าวันนี้ตนจะต้องเตรียมมื้อเย็นในปริมาณที่มากกว่าปกติ เพราะสมิตตี้อาจจะหิวตอนกลางดึก หากว่ายังแก้แบบแปลนไม่เสร็จ

    "อะไรก็ได้ แต่ขอบายกับสปาเก็ตตี้" เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้เขาจะกินเมนูนี่บ่อยเกินไป

    "งั้นเอาพาสต้า?"

    "ดอสส์..." สถาปนิกหนุ่มเอ่ยท้วงคนรักเสียงขรึม พาสต้ามันก็ต่างกับสปาเก็ตตี้แค่รูปทรงไม่ใช่เรอะ?!

    ทว่าคนโดนท้วงกลับหัวเราะเสียงใสตอบกลับมา "โอเคๆ ขอบายกับพาสต้า"

    "ตามนั้น"

    เมื่อเห็นว่านักเขียนหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นเสมอหัวราวกับยอมแพ้ สมิตตี้ก็หยักยิ้มก่อนโน้มศีรษะลงกดจูบตรงหางตาของชายคนรักด้วยความเอ็นดู

    "รักนายนะ รีบทำงานให้เรียบร้อยแล้วมากินข้าวกัน"

    แต่คนที่ชิงพูดคำนั้นออกมาก่อนกลับเป็นดอสส์ที่ยื้อริมฝีปากขึ้นจุมพิตตอบเบาๆ คล้ายกับจะส่งกำลังใจให้คนที่ต้องไปแก้งานในวันหยุด

    และสมิตตี้ก็รู้สึกว่ามันจะได้ผล...

    "ดอสส์...ฉันว่าตอนนี้ฉันชักจะหิวซะแล้วสิ"

    ได้ผลจนถึงขนาดที่เขาอยากจะขอยกข้อเสนอใหม่ เปลี่ยนมื้อเย็นจากอาหารจานร้อนมาเป็นอะไรบางอย่างที่น่าจะ 'ร้อน' ยิ่งกว่า

    "...ขอเติมพลังก่อนไปงานทีจะได้มั้ย"








    --- The end ---

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ltkl017orz (@ltkl017orz)
'จะได้ใกล้เคียงกับบรรยากาศของบ้านนายที่เวอร์จิเนีย'
หนูเคยบอกรึยังคะว่าหนูรักพี่ ต่ายแล้วๆๆ ท่านไรเกอร์ดูแลทุกระดับประทับใจ พ่อบ้านสุด หวานมากอะไรมาก ชอบการเรียกชื่อแทนการด่าออกมาตรงๆ แบบเหนื่อยใจนะแต่ไม่อยากหยาบคายกับคุณ "ดอสส์..." "สมิตตี้..." ตลกเกือบมีบ้านสองหลังเพราะหมาจร 555555 รักความโรแมนติกใต้ภาวะงานร้อนงานด่วน เป็นคู่รักที่ไลฟ์สไตล์ต่างกันมากพอๆกับที่รักมากๆ โอ้ยดีจังเลยค่ะ นี่ไม่มีตอนต่อจริงๆหรอคะ อยากเห็นเขารักกันอีกเยอะๆ ฮือออ #อ่านวนก็ได้