มันยิ่งงดงามเมื่อรู้ว่าราคา 8 ฟรังก์ เราเจอกันใน Migros Migrosคือร้านซุปเปอร์(เหมือนเทสโก้ บิ๊กซีบ้านเรา)ที่ราคายังพอจ่ายไหวอยู่บ้างเอาจริงๆก็ถือว่าสูงพอตัว
แต่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับ ร้านเคบับ 10 ฟรังก์ด้านหน้ายืนคิดอยู่นาน กว่าจะไปกินแมค happy meal ที่ราคา 7 กว่าๆ หรือกินเคบับ 10 ฟรังก์ที่มันได้ทั้งผักแป้งและเนื้อ
"กินฉันเถอะ กินฉันที กินอร่อยนะ ชุ่มแน่ๆ ดูน้ำไก่ฉันสิ่ กัดไปแล้วมันต้องทะลักเยิ้มแน่ๆ น้ำไก่ฉันหวานมากนะ"
"ลุงคะเอาไก่นี่ค่ะ" ตะโกนบอกลุงที่แพคของอยู่เคาเตอร์ถัดไป ลุงทำหน้างงๆแล้วพยักหน้าเราก็ยืนรอเมื่อไหร่ลุงจะไปหยิบไก่ที่หลังตู้โชว์ให้ เรายืนบิดไปบิดมา พยายามสบตาลุงหลายครั้ง พอสบตาแล้ว ลุงก็ยังทำหน้างงๆ
..
โฮสเทลเป็นโฮสเทลในเมืองที่ถูกที่สุดเท่าที่หาได้ตั้งอยู่บนถนนเกร๋ๆNiederdorf strasse (strasse น่าจะแปลว่า ถนน)ของ Zurich ย่านนี้คึกคักเชียวตอนดึกๆ เป็นย่าน shopping เหมือนกันแต่ให้คนละอารมณ์กับBahnhofstrasse ที่นี่มี cafeให้นั่งชิล มีร้านขายของจุ๊กจิ๊กน่ารักๆ เราผ่านร้านสักร้านนึง ชื่อ GIAHI แต่งร้านได้น่าเข้ามาก ประดุจ แฮร์ซาลอนจากอัปเปอร์อีสไซส์นิวยอร์ค
รูปภาพจาก http://www.giahi.ch/niederdorf.html?lang=en
"The lively Zürich Niederdorf is a Mecca for people who don’t want to disappear in the grey crowd. In the middle of the charming village atmosphere you can find our store."
คำโปรยเกร๋ๆจากหน้าเว็ป
เหย คือ Zurich เทา ขนาดนั้นเลยเหรอ ?
จริงๆครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนบอกว่า Zurich 'เทา' นะ เพื่อนคนเยอรมันที่เคยฝึกงานด้วยกัน เค้าเคยอยู่ Zurich มา 5 ปี คอมเม้นในสเตตัสที่เราcheck-in Zurich ว่า "hope the city won't be too grey for you"
อัลไล..
เมืองมันดูซึมเศร้าๆเหรอ ทำไมเกรย์ หรือกำลังตามหา Anastasia เอ้า โซ่ แส้ กุญแจ มา (ไม่ใช่!!!!)
ซูริคเป็นเมืองทางผ่านของเราเฉยๆ เราเลยไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเมิืองนี้เท่าไหร่
อากาศในวันที่เราไปเยือนมันจะเทาจริงๆ แต่ในเมืองก็ไม่ได้ดูทึมๆเทาๆนะ ยังมี Christmas market บนถนนอยู่เลย
ทำไมเค้าถึงเรียกว่า กลุ่มคนสีเทาๆหล่ะ พวกเค้าไม่แฮปปี้กันเหรอ
ชีวิตก็ดี มีเงินแบบจะกินเย็นตาโฟชามละ 800 บาทเท่าไหร่ก็ได้
หรือ เกรย์ ในที่นี้คือ คนที่เหมือนๆกันหมด การแต่งตัวโทนสีทึมๆ ชุดสูทสีดำเป็น ซารารี่มัง
นอกจากร้านจะบริการสักแล้วยังขายของที่เกี่ยวข้องกับไลฟสไตล์คนชอบสัก เสื้อผ้า รองเท้ากระเป๋า เจาะจมูกระเบิดหูอะไรก็ว่ากันไป แต่ละคนในร้านฮิปสเตอร์มากข่า พนักงานในร้านก็เต้อร์มากเช่นกัน หมวยเหมือนเป็นตัวหลุดในร้าน ออกมาเถอะ
ถึงโฮสเทลซะที คืนนี้ต้องพักแบบ Mixed Dorm ด้วย ห้องผู้หญิงเต็มหมดแล้ว เอาน่า แค่คืนเดียวเองหลังจากเชคอิน ก็เดินเข้าห้องครัวเลย ไม่สนว่าจะนอนยังไง หิวไม่ไหวแล้ว
20.20 น.
คือเวลาที่ได้กินข้าวมื้อที่2 ของวัน เปิปไก่ครึ่งตัวแบบบ้าคลั่ง
อร่อยมากกกกก
ไม่ว่าด้วยความหิวหรือด้วยรสชาติที่มันดีจริงๆ แฮปปี้มาก แฮปปี้แบบไม่สนแล้วว่าสาวชาวจีน หรือ คุณลุงสเปนนิสอีก 2 คน ในห้องครัวจะมองยังไง ไก่ครึ่งตัวหมดไปแล้วแต่ยังไม่อิ่มเลย ซัดมาม่าที่โฮสเทลขายไปอีกถ้วย ตอนถือมาม่าเข้ามาลุงหันไปหัวเราะกับเพื่อน ซักพักลุงเดินไปเปิดตู้เย็นยื่นกล้วยมาให้อีกใบ นี่กุดูกินจุขนาดนั้นเลยเหรอวะ -.-
ห้องพักคือห้อง 4x4 เมตรที่มีตู้ไม้เก่าๆกับเตียง2ชั้น 3เตียงที่มาพร้อมกับกลิ่นอับแบบ อับรองเท้าอ่ะ มีไอหนุ่มนอนเล่นมือถือบนเตียงที่ติดประตูอยู่แล้ว 1 คน กลิ่นตุๆ นั่นคือกลิ่นจากรองเท้าแกใช่มั้ย
ฮืออ mixed dorm สิ่นะ ยังไม่พอ ลุงที่ยื่นกล้วยให้เมื่อกี้เดินเข้าห้องมา อ๋า รูมเมทกุสิ่นะ จะมีผู้หญิงซักคนมั้ย มากัน 3 ละ เหลืออีก 2
ความจริงปรากฏประมาณเที่ยงคืน เมื่อสมาชิกกลับมากันครบ(รวมถึงคนข้างบนเตียงเราด้วย) ว่าชั้นคือผู้หญิงคนเดียวของห้อง ไม่พอ นอนด้านล่างด้วยไง ก็ไม่ได้แพนิคอะไร จนสะดุ้งตื่นกลางดึก มองนาฬิกาประมาณตี2 มีเสียงมาจากเตียงด้านบน เสียงมันแปลกไปจากเสียงกรนของคนอื่นๆในห้อง (ลุงสเปนเปิดโรงโม่หินอยู่ กรนดังมาก)
อารมณ์เหมือนได้ยินเสียงคนเกาขา(ถ้านึกไม่ออกว่าเสียงเป็นยังไง ลองเกาขาดู)
แต่เสียงมันเป็นจังหวะๆ แบบถี่มากเสียงหายใจของคนข้างบนถี่ขึ้นๆ
จนมีเสียง... ครางแบบ อ๊ะ เบาๆ ...
....
...
..
.
มึงไม่ได้เกาขาแน่ๆ น่าจะเกาส่วนอื่น ส่วนที่เป็นแท่งๆ
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย ทำมายยยยยยยยยยยยยยยยย วายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แย่สาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส มึงใจนิ่งมากกกกก ทำไม ทำไม ทำแบบนี้ทำไม ฮือออออออ
คนข้างล่างคนนี้ใจสั่นมากกกกก หลังจากนั้นนอนหลับๆตื่นๆ มีเสียงกร๊อกเกร๊กอะไรก็ตื่นแล้ว
อะไรวะ พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ไ่ด้ไปอาบน้ำในน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ในอาคารที่ออกแบบโดยเจไดแห่งสถาปนิกเลยนะเว้ยต้องนอนเก็บแรงสิ่!
8.30น.
แบตกล้องเต็ม แบตมือถือเต็ม แต่สมองชาร์ตไปได้แค่ 40 เปอร์เซ็นเองมั้ง.. สลึมสลือมาก รีบเชคเอ้าท์ แล้วทิ้งค่ำคืนอันแสนโหดร้าย(มีการฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้นจากผู้ชายเตียงด้านบน หมู่นี่น่าจะหลายล้านเซลล์ หึ่ย!!! คิดแล้วแค้น) ไว้เบื้องหลัง
เรารีบดิ่งไปสถานี Haufbanhof ซื้อตั๋วที่ตู้ซื้อ กดไป Chur ด้วยราคา 41 ฟรังก์ ไม่น่ารีบมาเลย กว่ารถไฟจะมาอีกตั้ง 50 นาที หนาวด้วย จะซื้อกาแฟก็รู้สึกผิด กลับสู่โหมดHomelessต้องไปยืนหลบลมหนาวอยู่ข้างร้านกาแฟในสถานี
เมืองที่จะผ่านของทริปวันนี้ยังอยู่ในโซนที่ใช้ภาษาเยอรมัน สวิสเป็นประเทศที่มีภาษาทางการทั้งหมด4ภาษาคือ German,French,Italian,Romansh เมืองไหนอยู่ใกล้ประเทศไหนก็ใช้ภาษานั้น
แต่ถ้าวัดตามสัดส่วนแล้ว เยอรมันจะใช้มากที่สุด อย่าง Zurich ก็ใช้ภาษาเยอรมัน Lausanne Lucern อยู่ใกล้ฝรั่งเศสก็ใช้ภาษาฝรั่งเศส Luganoอยู่ใกล้อิตาลี่ก็ใช้ภาษาอิตาลี่ (ที่น่าสนใจคือ ในอิตาลี่เอง ก็มีบริเวณที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาทางการ คือบริเวณ Dolomites เมืองทางตอนเหนือของอิตาลี่ ในเทือกเขาแอลป์ ไม่ใช่แค่ภาษา แต่นิสัยใจคอของผู้คน ลักษณะบ้านเรือน รวมถึงธนาคารห้างร้านต่างๆ ก็ไม่เหมือนในอิตาลี่ จะเอนๆไปทางเยอรมันมากกว่า ไว้เดี๋ยวมาต่อพาร์ท Dolomites มันมีความเป็นที่สุดอีกเหมือนกัน)
รูปภาพจาก http://www.planetware.com/i/map/CH/switzerland-languages-map.jpg
บางเมืองอยู่ขอบๆเส้นชายแดนทางภาษาก็จะมีภาษาทางการใช้2ภาษา คนส่วนมากเข้าใจภาษาอังกฤษ ตามประสาคนมีการศึกษาดี
ทริปไป Chur วิวบียอนมากๆ เหมือนรถไฟแล่นผ่าน 3 ฤดู ทั้งฝนตกเมฆครึ้ม ซักพักเปลี่ยนเป็นหิมะปรอยๆ แล้ว อยู่ดีๆ ฟ้าก็เปิด แดดจ้า! วิวงาม งามอะไรเบอร์นั้น ได้ความตามนี้
แบ๊มมมมมมมม!!!!
ตรงข้ามเป็นคุณลุงหน้าตาใจดี สังเกตการณ์เราทุกครั้งที่ขยับตัว เราคว้าไปหยิบที่ชาร์ตมือถือแล้วเสียบกับเต้าเหนือหัว
..ไม่ติด..
ลุงเลยบอกเอามา เดี๋ยวเสียบตรงที่นั่งลุงให้ แต่ก็ไม่ติด.. ลุงเรียกพนักงานรถไฟมาเลย หลังจากคุยซักพักก็หยักไหล่กันทั้งคู่ ลุงบอกว่าชาร์ตไม่ได้ โอเคจบ ไม่เป็นไร น้ำใจลุงงามประดุจภูเขาเคลือบเกล็ดหิมะตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า
เวลาพูดถึงภูเขาที่สวิส คนก็มักจะนึกถึง Matterhorn แลนด์มาร์คมากค่ะ แต่เอาจริงๆ ภูเขาระหว่างทางไป Chur เด็ดไม่แพ้ Matterhorn(ถามว่าไป Matterhorn มาแล้วเหรอ.. ไม่! ตะกี้เพิ่งgoogleดู 555+) เจอหลายลูกที่สวยมากกกก จนหันไปถามลุง Matterhorn?ลุงก็ส่ายหัว.. เจอเด็ดๆอีก ก็หันไปถามอีก วนแบบนี้ได้ซัก 4 รอบ จนเจออันมลึงมลังจะอ้าปากถามก็ไม่แล้วดีกว่า แค่นี้ก็พอใจแล้ว Matterhorn ดูที่กระดาษห่อChocolateที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แต่อิ 4-5 ลูกที่ผ่านมา ไม่ได้เห็นทั่วๆไปน้าาา จะgoogleดูยังไม่รู้เลยชื่ออะไร 555
ความเป็น Camera Monkey เข้าสิงทุกครั้งที่เจอวิวเด็ดๆ คุณยายใส่เฟอร์ลายเสือดาวที่นั่งอีกฝั่ง หันไปมองวิวทุกครั้งที่มีเสียงแชะของกล้องถ่ายรูป ยายมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยิ้ม หน้าตามีความ nostalgiaมาก วิวแบบนี้ต่อให้เห็นรอบที่ 453 ก็คงต้องยิ้ม
คุณยายน่าอิจฉามาก ไม่ใช่เพราะกระเป๋าเดินทาง Louis Vitton กับเฟอร์เสือดาวของคุณยายหรอกนะ แต่ยายชีวิตดีจังเลย ได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆ ได้โตมากับธรรมชาติที่สวยๆ อยู่ในประเทศที่ไม่ต้องเป็นประสาทกับการลืมล๊อคบ้าน การเดินไปบนถนนแล้วมีสิทธิ์ที่มือถือจะโดนล้วงได้ตลอดเวลา หน้าต่างที่บ้านไม่ต้องใส่ลูกกรงขังตัวเองจากความอันตราย อยู่ประเทศที่เดินถือกระเป๋าเดินทาง Louis Vitton ไปสถานีรถไฟหน้าตาเฉย(ลองคิดสภาพถือLV ไปหัวลำโพงขึ้นรถไฟไปเชียงใหม่สิ่) และโดยสารข้างๆกับคนที่ถือกระเป๋าno name ที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะจ่ายไม่ไหว อยู่ในประเทศที่สถานะทางสังคมของคนไม่ได้ต่างกันมาก และ ยายก็คงมีตังค์พอที่จะกินเย็นตาโฟเมื่อไหร่ก็ได้ กี่ชามก็ได้ ถ้าคุณยายอยากกิน
เต้นไปเต้นมาซักพักก็ถึง Chur ตามเวลาตารางใน Rome2rio บอกว่าเวลาเปลี่ยนที่ Ilaz อีก 1 ชั่วโมง
วิวจากสถานีรถไฟยังสวยเลย ไรฟร่ะ หมั่นไส้อ่ะ
หลังจากถ่ายรูปไปซัก 4-5 รูป ตาเหลือบไปเห็นว่า คันที่มันจอดชานชาลาข้างๆออกไป Ilaz ออกเวลา 11.50
หยิบมือถือมาดู
11.48 !!!!!!!!!!
เชี่ยยยยย ตั๋วยังไม่มี รีบวิ่งไปที่ตู้กดตั๋ว ลนมากกก แต่หา Illaz ไม่เจอ! หรือมันไม่ขายถ้าไกลเวลาออก?แต่มันเป็นรถไฟหวานเย็นนะ แล้วถ้ารถไฟออกไปก่อนหล่ะ? ไม่รู้คันต่อไปจะมาอีกเมื่อไหร่ เพราะในตารางรถไฟมันขึ้นว่าคนที่ไป Ilaz มีแค่เวลา 11.50 เท่านั้น นอกนั้นไปเมืองอื่นหมดเลยแล้วตารางมันรันไปถึงบ่าย2
11.49
1 นาที ถ้าวิ่งจากตู้ไปขึ้นรถไฟก็น่าจะทัน เอาวะ ไม่อยากรอแล้ว เน็ตก็ไม่มีให้เช็ค ไม่อยากมารอเก้อที่สถานีเปลี่ยน เราต้องทำมิชชั่นให้สำเร็จ วิ่งขึ้นรถไฟไปทั้งไม่มีตั๋ว เผื่อเค้าไม่มีคนเช็คตั๋วบนรถไฟเหมือนอิตาลี่
11.50 เป๊ง
รถไฟออกเลย ตรงเวลามาก ไม่มีความดีเลย์ เพิ่งก้าวขึ้นไปได้ไม่ถึง3ก้าวแต่ความไม่มีตั๋วนี่เหมือนขี้แล้วไม่ได้ล้างตูด.. ไม่ค่อยกล้านั่งเท่าไหร่ มองหน้าหลังหาเจ้าหน้าที่
นี่กูกำลังแอบขึ้นรถไฟ
เรื่องเลวๆนี่ขอให้บอก เชี่ยย แต่ถ้าโดนปรับหล่ะ ราคามันจะเท่าไหร่ฟร่ะเราควรอธิบายกับพนักงานดีๆ ว่าเรากำลังจะตกรถแล้วซื้อตั๋วไม่ทัน เค้าจะฟังมั้ยผ่านไป 1 สถานี จากทั้งหมด 4 สถานี
"available?"
เหมือนสวรรค์ส่งหนุ่มญี่ปุ่นมานั่งตรงข้าม หน้าและสำเนียงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากคนญี่ปุ่น ทรงผมมังงะนี่มีประเทศเดียวที่ทำได้ แต่งตัวดีซะด้วย
จุดนั้น เราหันไปมองรอบๆ เออที่นั่งก็ยังเหลือเยอะนี่ในโบกี้ หรือแกรู้สึกอบอุ่นที่ได้นั่งกับคนเอเชีย?
ใครจะรู้ว่าไอ่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้นี่ตัวเปลี่ยนเกมส์เลย
หลังจากออกชานชาลาไม่นาน พนักงานเช็คตั๋วเสื้อส้มเดินผ่านโบกี้ แต่ไม่ได้เช็คตั๋วนะ เดินผ่านเฉยๆ
เอาแล้วไง มึง!!
ด้วยความกลัวโดนปรับ เลยไปหลบทำสติอารมณ์ในห้องน้ำ
ทำไงดีวะๆๆๆๆ เอาไงดีวะ บอกเค้าไปแล้วเค้าจะฟังมั้ย?เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นเลยหง่ะ รีบขึ้นรถไฟเนี้ยนะเงินจะมีพอมั้ยถ้าโดนปรับ? ไม่ใช่ต้องไปนอนคุกนะเว้ย
เหย แต่คุกสวิสน่าสนใจ คุกสวิสเป็นยังไง มันต้องมีความชีวิตดีแน่ๆ มันต้องสะอาดแน่ๆ เคยเห็นคุกของนอร์เวย สะอาดกว่าคอนโดกุอีก มีห้องเกมส์ด้วยนะ
ไม่!!
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดว่าคุกสวิสหน้าตาเป็นยังไง
กึง กึง! มีเสียงคนมากระทุ้งประตู
แม่เจ้าาาาาาโดนจับคาส้วมอุบาทมาก
ไม่เอาาาาา
เหี้ย ตะกี้ น่าจะรอ ขึ้นคันต่อไป T.T
รถไฟชะลอความเร็วเข้าจอดสถานีที่ 3 ถึงเดินกลับไปนั่งที่
ไอหนุ่มญี่ปุ่นมองหน้าแบบ "ไปขี้มาใช่มั้ย เข้าห้องน้ำนานขนาดนี้"
หรือโกหกเค้าไปว่าตั๋วหาย ทำหน้าตาน่าสงสารๆหน่อย
โอ้ยย ใครจะเชื่อวะะ
....
รถไฟออกตัวจากชานชาลาที่ 3
ไม่รอดจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา เสื้อส้มเดินกลับมาหาชั้นคนเดียว ถามหาตั๋ว
"เอ่อ... ไอบุ๊คอิท ออนเดอะอินเตอเน็ท แอน นาว มายโฟน ดาย.. "
(ดายที่ไหน มึงเพิ่งปิดไปตะกี้ - จิตสำนึกที่ดี)
(ด้วยความกลัวว่าเหตุผลกลัวตกรถ จะไม่ผ่าน ทำให้เกิดอุบายนี้ขึ้น อย่างน้อยถ้าไปจ่ายปลายทางก็น่าจะโออยู่ -จิตสำนึกที่เลว)
(อะไรทำให้มึงคิดแบบนี้!!!! พูดปดตกนรกไม่ว่าศาสนาไหนนะยะ - จิตสำนึกที่ดี )
เสื้อส้ม : งั้นมีที่ชาร์ตรึปล่าว?
คนเลว: มะมีหง่ะ
เสื้อส้ม : นายมีที่ชาร์ตรึปล่าว?
หันไปถามไอ่หนุ่มญี่ปุ่นนั่นไง... มึงตายแน่เดี๋ยวได้มีทริปพิเศษจาก chur ไปโรงพัก
แล้วด้วยความเป็นคนญี่ปุ่น ทำไมจะไม่มีหล่ะคะ แค่ที่ชาร์ต!ท้าด้าาา (นี่ไง game changer)
ไอ่หนุ่มควัก ที่ชาร์ตมาแบบภูมิใจ
(กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยให้รอๆๆๆ ตอนนี้จะบอกว่าตกรถไฟมึงก็โกหกไปแล้ว ต้องเป็นคนเลวแล้ว - จิตสำนึกที่ดี)
(มึงเนียนๆไปเดี๋ยวก็ถึงสถานีแล้ว บอกเค้าไปว่า ตอนซื้อแบตหมดพอดี - จิตสำนึกที่เลว)
(ความจริงคนตรวจตั๋วหน้าตาดีนะ ดูดิ่ ผมบลอนตาฟ้า หน้าคิ้วมากเลยแก สเปคแกไม่ใช่เหรอ - จิตสำนึกที่แรด (อีนี่มาจากไหน!))
จิตสำนึกที่ชนะคือ จิตสำนึกที่แรด..
เออ หล่อจริงหว่ะ หน้าคล้ายๆ ลุงโจเซฟแต่เป็นเวอร์ชั่นผมบลอนตาฟ้า ตาตกๆ ไหล่ๆลู่ๆหน่อยๆ
เดี๋ยวๆ!!!
เสื้อส้มสุดหล่อ : ไม่มีเน็ตใช่มั้ย แกมีเน็ตแชร์ให้เพื่อนป่าว
ไอหนุ่มญี่ปุ่นพยักหน้าแบบภาคภูมิใจ ได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (ช่วยฝังคนเลวให้จมดิน)
"แอมน้อตชัวร์อีฟ มายแพเม้น โกตรูว อินเทอร์เน็ต วอส ไควส์ เวียร์"ความเลวชนะทุกทีสิ่นะ
เสื้อส้มสุดหล่อ : ไหนเปิดหน้าตั๋วให้ดูหน่อย จะได้ดูว่าผ่านจริงๆรึปล่าว
แน่นอนว่าไม่ผ่าน..
(นั่นไง บอกความจริงไปตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องเป็นคนตอแหลในสายตาหนุ่มหล่อแล้ว - จิตสำนึกที่ดีกับแรดพูดขึ้นพร้อมๆกัน)
หน้าจ๋อยมาก อยากร้องไห้ แม่ง อิจิตสำนึกที่ดี ตอกย้ำหลายรอบว่าทำไมๆๆๆ ทำไม มึงทำแบบนี้ มึงทำอะไรลงไป
เสื้อส้มสุดหล่อ : โอเค ครั้งนี้ ผมจะไม่ปรับคุณ แต่ครั้งหน้า ช่วยเช็คดีๆด้วยนะว่า ได้ตั๋วจริงๆรึปล่าวone way หรือ return?
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คนเลวที่ได้รับการไว้ชีิวิตจากเสื้อส้มสุดหล่อและเซ็กซี่ใจดีเท่ามหาสมุทธแอตเลนติก : รีเทินค่ะ ขอโทษจริงๆนะ
เสื้อส้มสุดหล่อและเซ็กซี่ใจดีเท่ามหาสมุทธแอตเลยติก : ... (ยิ้มมุมปาก) ไม่เป็นไร นี่ ..24 ฟรังก์แล้วเดินจากไป..
ระ.. ระ.. รอดทั้งโบกี้ที่จ้องมาเหมือนดูมวย ตอนนี้หันไปทำอย่างอื่นแล้วโอยย อายยย ตอนนี้รู้สึกเหมือนเซอร์ซี่ที่โดนแก้ผ้ามีแม่ชีตะโกน shame shame shame อยู่ด้านหลังแม่ชีนี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ไอหนุ่มโดเรมอนผู้มีทุกสิ่งในกระเป๋านั่งมองหน้าเหยีดหยามแบบzenๆ
ถึง Ilaz แล้ว วิ่งออกรถไฟแทบไม่ทัน
เดินลงมาจากรถไฟก็เจอที่จอดรถบัสเลย มีรถบัสจอดอยู่2คัน บนรถบัสจั่วหัว Therme
เหี้ยยยย จะออกอีกรอบละเหรอ
คราวนี้วิ่งไปซื้อตั๋วก่อนเลย ถามคนขายบอกว่าใจเย็นๆนะ อีก 4 นาทีออก มีสวิสพาสมั้ย มีสวิสพาสขึ้นไปได้เลย
เออหว่ะ!!! ทำไมไม่ซื้อสวิสพาสวะ! มาเซิจทีหลังบอกว่าหลังเก้าโมง ราคา48ฟรังก์เอง
ม่ายยยยยยย
คนโง่ที่เสียค่าตั๋วไปร่วมๆ 100 กว่ายู แทนที่จะซื้อสวิสพาส : ไม่มีค่ะ ราคาเท่าไหร่คะ
คนขายตั๋ว : 24 ฟรังก์ครับ
โอ่ยยย ราคาแรงมากกกกกก นี่ไง ไม่วางแผนดีๆ ก็เป็นแบบนี้
เดินกำตั๋วขึ้นรถบัสไป Therme แบบจ๋อยๆ บอกคุณลุงว่าลง Therme Vals ลุงคนขับพยักหน้า วิวระหว่างทางยังคงมีความแรงเหมือนเดิม คือสวยมากกกกกกก สวยพอๆกับ Dolomites เลย (ก็มันคือเทือกเขาแอลป์เหมือนกัน) ค่าโง่นี่ก็จ่ายค่าวิวไปละกัน
นอกจากจะเสียดายเงินแล้ว สิ่งที่เสียดายกว่าคือวิวระหว่าง Chur กับ Ilaz ที่มัวแต่แพนิคไปหลบในห้องน้ำ อดเห็นเลย เจ็บใจ ทำไมไม่ซื้อสวิสพาสสสสสสสสสส (รอบที่3)
รถบัสแวะจอดระหว่างทาง เป็นหมูบ้านเล็กๆ ที่มีป้ายรถเมล์ บางที่มีบ้าน 4-5 หลังเอง เล็กกว่าหมู่บ้านอีกบนรถบัสมีจอเวลาและป้าย บอกว่าจะถึงแต่ละป้ายกี่โมง และระหว่างป้ายใช้เวลากี่นาที ล้ำมาก ล้ำกว่าที่ทุกป้ายจอดตรงเวลา หยั่งกะรถไฟญี่ปุ่น คือถ้ารถเลท จากป้ายแรก คนขับก็จะเร่งเพื่อให้ไปถึงป้ายต่อไปให้ทันเวลา ทดส่วนของความเลทไว้
บนรถมีผู้โดยสาร 6 คน มีคุณลุงคุณป้ามาฮันนีมูน กับ สาวผมดำหน้าเหวี่ยงๆ กับ ผู้ชายวัยกลางคน แล้วเด็กประถมอายุซัก 10 ขวบ 2 คน เด็กๆลงหมู่บ้านเล็กๆ ซักพักหนุ่มวัยกลางคนก็ลงไปป้ายต่อไป เหลือแค่สาวพังก์กับ ลุงป้าชู้ชื่น
เสียงคุณลุงคนขับตะโกนบอกว่าถึง Vals แล้ว จริงๆลุงไม่ต้องบอกก็ได้เพราะในป้ายก็มีบอก มันคือ 3 stop ก่อนปลายทาง มีเรากับสาวหน้าเหวี่ยงที่ลงป้ายนี้ คู่ลุงป้าน่าจะไปลงที่หมู่บ้าน
ถึงแล้วนะ THERME VALS ถึงแล้ววววววววววคุณลุง ซุมทอร์ หนูมาหาแล้ววววว ว ว วว ว ว วววว วว วว ว ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in