เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE GOAL 2018kunkarn
LIFE GOAL 2018
  • เป็นธรรมเนียมของการเข้าสู่ปีใหม่รึเปล่า ที่ใครต่อใครต่างมานั่งคิดเป้าหมายที่อยากจะทำในปีนี้
    ปีที่ผ่านๆมา เราก็เคยคิดไว้นะว่าจะทำอะไรบ้าง แต่ก็เป็นการคิดไว้เงียบๆในใจอะ ไม่เคยลองlistออกมาเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักที ปีนี้ก็เลยอยากลองทำ Life Goal 2018 แบบจริงๆจังๆสักที
    อ่าาาา แม้จะผ่านมาเดือนกว่าๆแล้วก็เถอะนะ 555555


    สิ่งแรกที่ตั้งใจว่าจะทำแล้วได้เริ่มทำแล้วก็คือการ "เขียน Blog"
    ใช่แล้ว เรามีความคิดที่อยากจะเขียนBlogมาหลายปีแล้ว แรกเริ่มเดิมทีคิดไว้ว่าจะทำเป็น Blog เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะไปเลย แต่คิดไปคิดมาก็พบว่าตัวเองอินกับอะไรเป็นพักๆ และไม่ได้พร้อมที่จะแชร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งแบบเฉพาะเจาะจงให้ใครอ่านได้ ก็เลยเปลี่ยนเป็นการเขียน Blog แบบตามใจกู 55555
    อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเล่นแต่ทวิตเตอร์ด้วยแหละ การจะแชร์อะไรสักอย่างเป็นข้อความ ในหัวมักจะตัดคำให้มันอยู่ที่ไม่เกิน 140 ตัวอักษร กลายเป็นคนที่คิดข้อความยาวๆด้วยความยากลำบาก กว่าจะกลั่นออกมาได้นี่คิดแล้วคิดอีก แถมเรายังมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงประโยค เคยคิดว่าเมื่อก่อนตัวเองสื่อสารได้ดีกว่านี้ ตอนนี้คืออะไรก็ไม่รู้ เขียนไม่รู้เรื่อง บางทีก็พูดไม่รู้เรื่องด้วย เขียนผิดเขียนถูก สะกดคำไม่ถูกต้อง อะ!! นี่เลยคิดว่าลองเขียนBlogดูไหม อาจเป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งก็ได้? ยากจะเว่ยกับการจะเขียนบรรยายอะไรให้คนเข้าใจได้ อยากลองดูเหมือนกัน ...... มาลุ้นดูนะว่าเราจะขยันได้นานเท่าไร


    สิ่งที่สอง "จะเขียนให้มากกว่าพิมพ์"
    ดูเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับข้อแรกเนอะ แต่จริงๆ2ข้อนี้มันก็มีที่มาจากการอยากให้เวลากับความคิดตัวเองมากขึ้น แต่เพราะทุกอย่างที่เราคิด ที่เราอยากบอกตัวเอง เราไม่ได้อยากแชร์ให้คนอื่นรู้ทุกเรื่อง เลยเป็นที่มาของการอยากเขียนไดอารี่
    และอีกอย่าง ..... เราคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆด้วยหน่ะ สมัยที่โซเชี่ยลยังไม่มีผลกับชีวิตเรามากเท่าไร ทุกคืนก่อนนอน เรามักจะเขียนไดอารี่ทบทวนเรื่องราวและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน มันเป็นความคิดที่ผ่านการตกตะกอนมาแล้วในระดับหนึ่ง เพราะบางเรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เช้า แต่กว่าจะได้มาเขียนก็ดึกแล้ว มันเลยผ่านกระบวนการคิดแล้วคิดอีก คิดซ้ำไปซ้ำมา เอ่อ แล้วตอนนั้นก็พบว่าตัวเองเฉียบดีเหมือนกันนะ (เป็นคนชอบอวยตัวเองตั้งแต่เด็ก)
    ซึ่งมันต่างจากสมัยนี้ที่เราติดทวิตเตอร์มาก รู้สึกอะไร คิดอะไร ก็ทวิตออกไปแบบreal time บางทีแทบไม่ผ่านการคิดใดๆด้วยซ้ำ และนั่นแหละ หลายๆครั้งความฉิบหายก็บังเกิด 555555
    ดังนั้นปีนี้ เราจะพยายามกลับมาเขียนไดอารี่ให้ได้ทุกวัน จะอยู่กับปากกาและหน้าสมุดมากกว่าหน้าจอมือถือ ค่อยๆคิด ค่อยๆทบทวนทุกเหตุผล ทุกการกระทำในแต่ละวัน ยังไม่รู้หรอกนะว่าจะทำได้ขนาดไหน แต่เป็นเรื่องหลักๆในปีนี้ที่จะใช้ความพยายามกับมันให้มากๆ


    สิ่งที่ 3 เป็นเรื่องที่พยายามมาหลายปีแล้ว นั่นก็คือการ "เก็บเงิน"
    ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเงินคือปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต ความสุขหาได้เสมอถ้ามีเงิน และเราก็คิดมันอยู่ทุกปีแหละว่าอยากจะมีเงินเก็บเยอะๆ มีความฝันฟุ้งๆมากมายที่ตามฝันได้ด้วยเงิน 5555
    แต่มันทำไม่ได้สักที ปีที่แล้วก็คิดมาตลอดว่ามีเงินกิน มีเงินใช้ มีเงินให้พ่อ-แม่ หรือเงินเที่ยวเรามีพอตลอด จนมันมีช่วงนึงที่แมร่งมันไม่พออะ เพราะมีเรื่องใหญ่ เรื่องต้องใช้เงินก้อนเข้ามา แล้วที่มีอยู่มันไม่coverสิ่งที่ต้องใช้ในตอนนั้น โอ้โหหหห สลดไปครึ่งเดือนอะค่ะ จากนั้นก็กลับไปกินข้าวเย็นที่เอมบาสซี่ต่อ แมร่งเอ๊ยยย ไม่สำนึก 5555555
    เพราะฉะนั้นปีนี้จะวางแผนการเงินให้มากขึ้น ใช้หนี้ให้หมด เก็บเงินแบบเป็นกิจจะลักษณะ แบ่งให้ครอบครัว ซื้อประกัน และเริ่มคิดการลงทุน อหหหห ประหนึ่งเงินเดือนหลักแสน 55555
    โห แค่คิดว่าถ้าทำได้ก็มีความสุขแล้วอะ ว่าแล้วก็ไปฉลองด้วยพิซซ่า 2 ถาดดีกว่าาา //โปรยเงิน (กูว่าข้อนี้ทำไม่ได้อะ)


    สิ่งที่ 4 "ติ่งให้น้อยลง"
    อะ ... จ้าาาา ในใจยาวๆก่อนเลย พูดมาทุกปีตั้งแต่ ม.3 ปัจจุบันใกล้จะหลัก 3 แล้ว ยังไม่มีความลดน้อยลงเลย แต่นี่แหละ ปีนี้จะลองดู คงเพราะว่าเราวางศิลปินไว้เป็นความสุขก้อนใหญ่ในชีวิตเรา จนจู่ๆวันนึงเราพบว่า เราไม่มีความสุขกับการไปหาเค้า  มันเป็นเรื่องใหญ่นะ ที่พบว่าตัวเองไม่มีความสุขกับสิ่งที่เคยเป็นความสุขเกือบจะที่สุดในชีวิต จนต้องกลับมาถามตัวเองว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี การเป็นติ่ง เอ่ย หรือเรียกว่าแฟนคลับก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตเราเลยนะ ทำไมเราถึงต้องปล่อยให้ปัจจัยภายนอกมันมามีผลกับมวลความสุขของเราด้วย แค่ไม่มีความสุขกับตรงนั้น เราก็ใช้ชีวิตยากขึ้น หม่นไปตั้งหลายวัน เราไม่ชอบตัวเองตอนนั้น ไม่ชอบที่ไม่ว่าจะตัดสินใจเดินออกมาหรือไปหาก็ทุกข์เหมือนกันหมด ต้องจัดการความคิดตัวเองอยู่หลายวันเลยหล่ะ แล้วก็ค่อยๆคิดได้ (ต้องบอกว่าคิดได้ในตอนนี้อะนะ) ว่าเราจะไม่ยึดศิลปินเป็นแหล่งความสุขที่สำคัญมากๆแล้วแหละ มันต้องมีอย่างอื่นในชีวิตเราที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่านั้น ปีนี้เลยว่าจะลองค้นหาความสุขอื่นๆในชีวิตให้มากขึ้น คิดว่าชีวิตมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ส่วนในพาร์ทการติ่ง ก็คงไปหาเท่าที่ไม่เดือดร้อนตัวเอง เพราะก็คงปฎิเสธไม่ได้ ว่าเรามีความสุขกลับมาทุกครั้งที่เจอเค้า
    เราว่าข้อนี้ยากสุดเลยอะ แอบกลัวตัวเองจะกลับมาตามเป็นบ้าเป็นหลัง โปรยเงินให้สายการบินเป็นว่าเล่นอีกครั้ง แต่จะพยายามนะ เราจะต้องหาความพอดีในชีวิตตัวเองให้ได้ :)


    สิ่งที่ 5 "รักษาความสัมพันธ์"
    ปีที่ผ่านมาเหมือนจะไปโฟกัสกับอะไรก็ไม่รู้มากไป จนหลายๆครั้งเราเผลอละเลยคนรอบข้าง ไม่ได้ให้ความสำคัญเค้าเท่าที่ควร จริงๆต้องขอบคุณคนเหล่านั้นที่ยังอยู่ด้วยกันไม่ไปไหน ยังอดทน พร้อมจะเข้าใจ หรืออาจเรียกว่ามองข้ามความห่าเหวของเรา
    ปีนี้....จะพยายามรักษาทุกความสัมพันธ์ของคนใกล้ตัวให้มากขึ้น ใส่ใจ ดูแล อยู่ข้างๆเค้าในวันที่เค้าต้องการ เหมือนกับที่ทุกคนอยู่กับเรา จะไม่มีการเทเพื่อน เทครอบครัวใดๆเกิดขึ้นอีกแล้ว จะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตให้ดีๆ
    เราว่าเราโชคดีแหละที่มีแต่คนดีๆอยู่รอบตัว และเราเองก็อยากให้คนอื่นคิดแบบนี้กับเราเหมือนกัน


    สิ่งที่ 6 "คิดเรื่องเรียนต่อสักทีโว๊ยยยย"
    น่าจะถึงเวลาแล้วเนอะที่ต้องคิดสักที อาจจะไม่ใช่ว่าต้องเรียนอะ แต่ต้องรู้ได้แล้วว่าจะเรียนอะไรต่อ
    ที่ผ่านมามัวแต่เถลไถล ใช้ชีวิตบ้าบออะไรก็ไม่รู้ไปวันๆ พอถามเรื่องเรียนก็ไม่มีคำตอบในใจ แต่เรารู้แหละว่าลึกๆแล้วเรากลัว กลัวว่าจะเรียนไม่ไหว กลัวที่ได้รู้ว่าตัวเองไม่รู้เลยว่าอยากเรียนอะไร และน่าตกใจนะที่พอเริ่มคิด ก็มาค้นพบว่าความฝันที่เคยชัดเจนตอนเด็ก มันเลือนลางลงทุกที จะกลับไปเรียนในสิ่งที่ฝันไว้มาตลอด ก็ไม่รู้เลยว่ายังชอบมันมากพออยู่ไหม แล้วก็ไม่รู้ว่าเรียนจบมาจะทำยังไงต่อ มันต่อยอดอะไรในชีวิตได้ไหม แล้วสิ่งที่ควรจะเรียนจริงๆมันคืออะไร ตอนนี้ไม่รู้เลยจริงๆอะ .... ยากเนอะ นี่แหละเป็นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามและหาคำตอบให้ได้ในปีนี้


    สิ่งที่ 7 "ออกกำลังกาย"
    ยังอยากเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่หอบง่าย ไม่ป่วยบ่อย ถ้าสับประหลาดบุกโลก เรายังอยากมีโอกาสได้วิ่งหนีสักหน่อย การปล่อยตัวเองให้มันจับแดกดูไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สักเท่าไร เพราะฉะนั้นปีนี้จะพยายามไม่อ้างว่าไม่มีเวลา จะออกกำลังกายให้มากขึ้น (จริงๆแค่วิ่งสัก100เมตรนี่ก็ถือว่ามากขึ้นละ เพราะปกติไม่ออกเลย 55555) ว่าแล้วก็ไปซื้อรองเท้าวิ่งใหม่ก่อน 55555555555


    สิ่งที่8 "อ่านหนังสือเยอะๆ"
    จริงๆเราชอบอ่านหนังสือนะ แต่เดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เราสมาธิสั้นมากกกก ไม่เคยอ่านหนังสือได้ยาวๆเลย แต่ก่อนอ่านเป็นเล่มๆ เล่มละ500หน้าก็ทำได้ จริงๆตั้งเป้าไว้ว่าจะอ่านสัก 30 เล่มในปีนี้ คิดไปคิดว่า เอาเงินที่ไหนไปซื้อวะ 5555555555 อะ ก็คิดไว้ว่าเอาที่ไหวแหละ นิยาย การ์ตูนอะไรก็อ่านไป
    เหมือนเพิ่งคุยกับป่านไปเมื่อวันก่อนว่าโหยหาการอ่านนิยายมากๆ รู้สึกห่างหายไปนาน เพราะฉะนั้นปีนี้ต้องอยู่หน้าหนังสืือมากกว่ามือถือให้ได้!!
    งานหนังสือเดือนหน้าเจอกันนนนนนนนนนนนนน


    จริงๆมีGoalอีกเยอะเลย แต่แค่ 8 ข้อนี่ก็ว่าเยอะแล้วอะ ไม่รู้จริงๆว่าจะทำได้สักแค่ไหน จะถอดใจกับข้อไหนก่อน แต่นั้นแหละ เหมือนที่พูดไปในทุกข้อว่าจะพยายาม อย่างน้อยปีนี้เราก็เริ่มต้นปีด้วยการเขียน Goal ออกมาจริงๆจังๆเป็นปีแรก เริ่มต้นปีได้ดีแตกต่างจากทุกปี ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีตลอดปี เย้!!!



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in