เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ฉันเขียนโปสการ์ดถึงตัวเองและผู้อื่นเวลาได้เดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆโปสการ์ดใบแรกถูกส่งจากเมืองเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาอย่างอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฉันยังจำความรู้สึกตอนที่เขียนโปสการ์ดครั้งแรกได้ มันเป็นความรู้สึกแปลกที่ฉันเขียนโปสการ์ดพูดคุยกับตัวเองแต่ความรู้สึกตอนเขียนก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่ได้รับเมื่อมันเดินทางมาถึงหน้าบ้าน ฉันอ่านข้อความทุกตัวอักษรอย่างใส่ใจ หวังให้รายละเอียดและความรู้สึกที่ส่งผ่านมาปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า
เนื้อหาในนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกว่าฉันเคยเดินทางมาที่นี่แล้ว
ข้อความในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ นี้ถูกส่งไปให้ใครอีกหลายคน ซึ่งทุกคนก็รับรู้และรอคอยการมาถึงของมัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วัฒนธรรมการเขียนโปสการ์ดเป็นสิ่งที่ฉันยังคงถือปฏิบัติอยู่เสมอ ฉันใช้มันส่งหาเพื่อนสนิทแทนความคิดถึงบ้าง หรือส่งหาเพื่อนใหม่เพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์บ้าง ทำให้ทุกครั้งที่ฉันออกเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่ต้องพกติดตัวอยู่เสมอก็คือสมุดจดที่อยู่และแสตมป์ 3 บาท (อย่างน้อยๆก็ 10ดวง) ส่วนโปสการ์ดไม่ต้องพกไป เพราะถึงยังไงเราก็ต้องไปซื้อแล้วเขียนส่งที่นั่นอยู่แล้ว
โปสการ์ดสอนให้ฉันรู้จักการรอคอยแต่บางครั้งระยะทางก็ทำให้สารที่ต้องการสื่อเดินทางมาไม่ถึงตรงเวลา มันอาจเป็นเพราะอุปสรรคระหว่างทางเป็นตัวขัดขวางเอาไว้
"ถึงช้าหน่อยแต่ก็ยังมาถึงนะ" - ฉันคิดก่อนหย่อนโปสการ์ดจำนวนหนึ่งลงตู้ไปรษณีย์สีแดงสด ส่วนเวลาที่เหลือต่อจากนั้นก็แค่รอคอยการมาถึงของมัน
ฉันไม่รู้ว่าฉันเริ่มหลงรักการสื่อสารที่เดินทางช้าอย่างโปสการ์ดตั้งแต่เมื่อไร พอมารู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in