จิตที่สงบคือจิตที่พร้อมจะตาย -- นึกขึ้นได้ตอนกำลังกินข้าวมื้อเย็นอยู่คนเดียว
เป็นทฤษฎีที่รู้แค่ตนแบบเออออห่อหมก อาศัยจากการเฝ้าดูจิตในตอนที่ทุกข์จัดและสุขจัด ศึกษาจากธรรมมะผิวเผินแบบคนขี้เกียจ ไม่ชอบเข้าวัด ไม่ศรัทธาในพุทธพานิชย์
ตอนเด็กๆ เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระธิเบตหนึ่งรูป มีใจความที่จำได้แม่นก็คือ 'จงคิดถึงความตายทุกช่วงขณะจิต' เลยลองทำตามบ้าง แต่ก็ลืมไปหลายวัน บ้างก็หลายเดือน เมื่อโตขึ้นและวิ่งตามความสุข ก็ลืมไปหลายปี จนกระทั่งไม่กี่เดือนมานี้ ความตายในจิตก็วนมาอีกรอบ
ก่อนหน้านี้เคยนิยามความสุขไว้หลายอย่าง เงินบ้าง การเรียนบ้าง การงานบ้าง หน้าตาทางสังคมบ้าง ถามตัวเองแทบจะทุกวันว่ามีความสุขไหม ความสุขคืออะไร จนเมื่อประมาณสามปีที่แล้วถึงเพิ่งนึกได้ว่าความสุขคือ "ความสงบ"
แล้วก็เหมือนคนบ้าที่วิ่งไล่ตามความสงบต่อเพราะ ...อยากที่จะสงบ....
ชีวิตมันสามวันดีสี่วันไข้ วันไหนดีก็จะคิดว่ามันสงบมันดี วันไหนไม่ดี ใจก็ไม่สงบแล้ว ทั้งๆที่ความสงบนั้นไม่ควรเลือกเวลาและไม่ควรได้เลือกสถานการณ์
เพราะงานยุ่งและครอบครัวมีปัญหาวุ่นวายล้านอย่างแบบที่นึกอิจฉาครอบครัวคนอื่นตลอดเวลา เวลาส่วนใหญ่เลยหมดไปกับงาน ความเครียดและความห่วงหน้าพะวงหลัง ทั้งก่อนหน้านี้เดินทางต่างจังหวัด ต่างประเทศบ่อย จากคนที่เคยนิ่ง ก็กลัวที่จะตายขึ้นมาเสียเฉยๆ กลัวเพราะห่วงภาระทั้งหลาย ห่วงหนังสือ ห่วงงาน ห่วงครอบครัว พ่อแม่และน้องสาว
แต่วันนี้ตอนที่นั่งกินข้าวคนเดียว ตอนที่กำลังคิดสะระตะก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า...พร้อมที่จะตายหรือยัง?
คำตอบวันนี้คือพร้อมแล้ว
แปลกดีที่ตอบได้ปุ๊บ พลันก็ว่าง....และพบว่าความสงบและความสุขที่ตามหาไปสุดขอบโลกไม่ได้อยู่ไหนเลย
แต่ถ้าถามว่าแล้วมันอยู่ตรงไหน
:)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in