เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movies ReviewSor Winchester
001 : The Stanford Prison Experiment (สแตนฟอร์ด คุกนรกจำลอง)


  • สารภาพว่าหยิบเรื่องนี้มาดูเพราะ Tye Sheridan 


    เราเห็นภาพนี้แล้วอยากรู้มาก ๆ ว่ามันมาจากหนังเรื่องอะไร  จนกระทั่งหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ พบว่ามันเป็นภาพจากหนังเรื่อง The Stanford Prison Experiment  ซึ่งเป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง

    คำว่าสร้างมาจากเรื่องจริงนั้นดึงดูดเรามากเหลือเกิน



    "The Stanford Prison Experiment" หรือชื่อภาษาไทย "สแตนฟอร์ด คุกนรกจำลอง"
    เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง เมื่อ ดร.ฟิลลิป ซิมบาร์โด นักจิตวิทยาเริ่มโครงการวิจัยโดยเปิดรับสมัครนักศึกษาชาย ให้ค่าจ้างวันละ $15 ระยะเวลาที่จะทำการทดลองคือ 2 สัปดาห์
    แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มผู้คุมและกลุ่มนักโทษ (ในหนังแบ่งเป็นกลุ่มละ 9 คน)


    ดร.ซิมบาร์โดและทีมงานได้ใช้ห้องพักที่ว่างสร้างคุกจำลองขึ้นมา โดยติดกล้องเอาไว้เพื่อสังเกตการณ์
    กลุ่มของผู้คุมจะให้สวมชุดผู้คุม แว่นกันแดด และมีกระบอง ส่วนกลุ่มของนักโทษให้สวมแค่ชุดกระโปรงเหมือนชุดนอน ไม่ให้ใส่กางเกงใน และให้สวมถุงน่องบนหัวเป็นหมวก
    ในการทดลองนี้ทำทุกอย่างให้ดูเหมือนคุกจริงที่สุด เรียกนักโทษด้วยหมายเลขประจำตัวแทนที่จะเรียกชื่อ มีกฎระเบียบเข้มงวดจนดูเหมือนเข้มงวดกว่าเรือนจำจริง ๆ เสียอีก


    แต่แค่วันแรกก็เริ่มเกิดเรื่องขึ้น เพราะหลายคนที่เข้าร่วมการทดลอง "อิน" ไปกับบทบาทที่ตัวเองสวมอยู่ โดยเริ่มจากตัวผู้คุมที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจ
    เริ่มสั่งให้นักโทษทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการ ในช่วงแรกหลายคนยังเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก เพราะคิดว่ายังไงก็คุ้มกับค่าจ้างวันละ $15
    แต่พวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามันไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น นักโทษเริ่มมีความคิดต่อต้านผู้คุม ผู้คุมก็ยิ่งใช้อำนาจเหนือมากขึ้นเรื่อย ๆ
    จนในที่สุดทุกคนในคุกจำลองค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละน้อยจนมีสภาพเหมือนคุกจริง ๆ
    และที่เลวร้ายที่สุดคือตัวผู้คุมการทดลองหรือดร.ซิมบาร์โดนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองเสียเอง
    จนกระทั่งการทดลองนี้ต้องจบลงเมื่อผ่านไปเพียงแค่ 6 วันเท่านั้น


    ถามว่าเราได้อะไรจากการดูเรื่องนี้ สิ่งแรกที่ได้คือ ความเครียด 5555
    หนังทำให้เรารู้สึกอึดอัด รู้สึกว่าจิตใจของมนุษย์ทำไมมันเปราะบางอย่างนี้
    เราไม่รู้เลยว่าเราจะกลายเป็นแบบที่ตัวเองเกลียดไปได้เมื่อไหร่
    อาจจะแค่มีตัวแปรเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้
    เราลองอ่านบทความที่เขาเขียนถึงเรื่องนี้เขาบอกว่า สภาพแวดล้อมและพวกเครื่องแต่งกายก็เป็นตัวแปรอย่างหนึ่ง
    เช่น การทำให้นักโทษดูน่าอับอาย ไม่ใส่รองเท้า แต่งตัวประหลาด ทำให้ตัวคนที่ต้องรับบทนักโทษดูด้อยค่าลงและดูน่าอับอาย
    ในทางตรงกันข้าม ผู้คุมนั้นเป็นฝ่ายที่ใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ และแว่นกันแดดที่ปิดบังดวงตาของผู้คุมยิ่งทำให้ตัดส่วนที่แสดงความเป็นมนุษย์ออกไป
    จะว่าไปแล้วการวิจัยโดยทำการทดลองในลักษะนี้ก็เห็นผลลัพธ์ชัดเจน(มาก ๆ) แม้จะใช้ระยะเวลาไม่กี่วันทำให้รู้สึกว่า มันเกินพอแล้วล่ะ
    ถึงแม้ว่าในคุกจริง ๆ อาจจะเลวร้ายกว่านี้ แต่... มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรมาก ๆ
    ขณะที่ดูและตอนที่ดูจบแล้วก็ยังรู้สึกว่า คนเราควรเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
    ตอนที่ดูจบก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อคิดว่า เออ ไอ้การทดลองบ้า ๆ นี่มันควรจะจบสักที
    และยังดีตรงที่ว่าการทดลองนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบในระยะยาวกับผู้เข้าร่วมการทดลองนะ
    แต่ ณ ตอนนั้นผู้เข้าร่วมการทดลองหลายคนก็รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้ากับสิ่งที่ได้รับทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเลยสักนิดเดียว


    ดู ๆ ไปแล้วก็อดนึกถึงการรับน้องในประเทศแถว ๆ นี้ไม่ได้นะ
    การที่รุ่นพี่รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ สามารถควบคุมอะไรตามที่ตัวเองต้องการได้
    ส่วนรุ่นน้องก็รู้สึกเหมือนทำให้โดนจำกัดสิทธิ ทำให้รู้สึกอับอาย ถูกควบคุม และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
    ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นจะมาจากเจตนาที่ดี เหมือนกับดร.ซิมบาร์โดที่ต้องการศึกษาและวิจัยนั่นแหละ
    แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าการรับน้องเหมือนกันกับการทดลองนี้ก็คือการสูญเสียตัวตนและถูกตัวแปรอื่น ๆ ครอบงำทำให้บางครั้งเราอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้
    จนลามไปถึงการกระทำที่มันไม่ถูกต้องและล้ำเส้น หรือที่เรียกว่าเกินพอดีนั่นแหละ
    เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ควรจะให้ใครหลาย ๆ คนได้ดูกันนะ ดูแล้วเผื่อจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาบ้าง (หรือไม่คิดอะไรเลย 5555)


    คะแนน : ★★★★☆


    ปล. ถ้าไม่ติดว่าน้องไทเล่นเรื่องนี้เราคงไม่เอามาดู 5555555555
    ปล.2 การได้เห็น Cyclops กับ The Flash อยู่ในเรื่องเดียวกันนี่มันดีจริงๆ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in