ในระหว่างทาง ฉันเดินค้นหาห้องต่างๆ ไปเรื่อย นีออนต่อสู้ ถีบ เตะ ต่อย กับคนแล้วคนเล่า จนเหงื่อไหลเปียกโชกโชน ฉันมองหน้านีออน เขายังคงขะมักเม้นกับการต่อสู้อย่างไม่ลดละ ยิ่งเวลาทีี่ฉันเห็นหยดเหงื่อของนีออกตกลงบนพื้น ยิ่งทำให้ฉันรีบเร่งหาห้องที่ฉันต้องการค้นหาอีกต่อไป เพราะยิ่งยื้อไว้นาน นีออนก็คงเหนื่อยล้ากับการต่อสู้มากยิ่งขึ้น
จนในที่สุด ฉันมาเจอกับห้องที่มีลักษณะห้องพิเศษอย่างหนึ่ง ภายในห้องมีบริเวณกว้างขวาง มีโต๊ะหลายตัวถูกวางเรียงโดยรอบ แต่เว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ พื้นที่ตรงกลางมีคนหนึ่งคนยืนเอามือแกว่งแขนเหมือนกับชายหนุ่มที่ฉันเคยเจอ
ชายตรงกลางห้องหยุดการแกว่งแขน แล้วหันหน้ามายังที่ฉันและนีออนยืนอยู่ เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ยิ่งทำให้ฉันตกตะลึงใจเป็นอย่างยิ่ง
"พี่สมคิด !!!!!"
"ขอยินดีต้อนรับ สู่บริษัทเรนโค้ทจำกัด" สมคิดพูดกล่าวต้อนรับด้วยถ้อยคำที่สุขุม และปรบมืออย่างดัง "นิล เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีไหม"
"พี่สมคิด ทำไมพี่ถึงได้---"
"พี่รู้แล้ว ว่าน้องต้องถามในประเด็นนี้ แต่ก่อนอื่นพี่ต้องรายงานสถานการณ์ไวรัสรอบโลกก่อนนะ"
สมคิดหันหลังกลับไป หลังจากนั้นไม่นาน มีีภาพโฮโลแกรมปรากฎข้างๆ ของสมคิด แสดงกราฟและสถิติต่างให้เห็น
"สถานการณ์ตอนนี้ไวรัสกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว มีีคนทุกๆ ประเทศติดเชื้อทั้งหมดแล้ว มีผู้ติดเชื้อจำนวน 21 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 9 แสนราย ถ้ามองจากกราฟการติดเชื้อแล้ว ปรากฏว่าจะมีแนวโน้มการติดเชื้อเป็นทวีคูณ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีนตัวไหนที่ต้านไวรัสประเภทนี้อยู่ได้ ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป 3 เดือนข้างคนจะติดทั้งโลก และจะคนทุกคนจะตายภายในปีหน้า ถือเป็นจุดจบของมนุษย์"
"พี่ทำแบบนี้ทำไม ทำไมพี่ต้องทำ--"
"ฉันเคยคิดว่านิยายเรื่องนี้เป็นแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ แต่ดูตอนนี้สิ มันกลายเป็นนิยายไซไฟซะงั้น" พี่สมคิดพูดดังลั่น จนเสียงก้องไปทั้งห้อง ฉันตกใจ และยืนนิ่งเงียบ
"พี่เข้ามาร่วมบริษัทนี้ด้วยความหวังว่าจะต้องพัฒนาวัคซีนเพื่อโลก เขาต้องการให้พี่ทดลองยา แม้ว่าพวกเขาจะบอกพี่ว่าอาจจะทำให้ร่างกายเกิดความทรมานก็ตาม แต่พี่รับอาสาเป็นผู้ทดลองวัคซีนเป็นคนแรก เพราะพี่เชื่อว่า นี่คือวัคซีนสร้างมนุษย์อ่อนแออย่างพี่ให้กลายเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์"
"แต่หลังจากทดลองไปแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างที่เห็น พี่ก็กลายเป็นคนอ้วนลงพุง เป็น "ซุปเปอร์โบลเดอร์" ซะแทน พี่จึงต้องแกว่งแขนลดพุงลดโรคไปมาอย่างนี้ เวลาที่พี่มองดูตัวเองในกระจกเงา พี่เกลียดร่างกายตัวเอง จนมาถึงวันที่ผู้หญิงหลายคนเริ่มตีตัวอออกจากพี่ เพราะพี่มีร่างกายที่ดูตลก อ้วนตุตะ คงไม่มีใครชอบใจ ทำให้พี่ก็ยิ่งเกลียดบริษัทนี้เข้าไส้ พี่อดทนไม่ได้ ต้องขโมยไวรัสทีี่เขาทดลองขึ้นมาใหม่ ไปขาย สร้างเรื่องราวใส่ร้ายป้ายสีกับบริษัท แล้วนำเงินที่ขายได้มารักษาตัวเอง"
"แต่ปรากฏว่า ผลที่เกิดขึ้นรุนแรงอย่างไม่คาดคิด ไวรัสตัวนั้นเป็นไวรัสที่ร้ายแรง พี่ต้องพึ่งพาเพื่อนร่วมยากอย่างนีออนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นีออนเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่แสนดี แต่อย่างไรก็ตามพวกคนในบริษัทเขาต้องการตัวพี่ พี่ไม่อยากให้นีออนต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ลำบากเหมือนกับพีี่ ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะฝีมือของพี่ พี่ก็ต้องแก้ปัญหามันด้วยฝีมือของพี่เพียงแค่คนเดีียว พี่ต้องตัดสินใจให้บริษัทจับกุมตัว พวกเขากักขัง หน่วงเนี่ยวพี่ไว้ในคุกแห่งนี้ แต่พี่ก็เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เป็นห้องทดลองเพื่อคิดค้นวัคซีน แต่ก็จนปัญญา ไม่มีทางเลย มีโอกาสเพีียงแค่ 0% เท่านั้น"
"นีอออน กูขอโทษมึงด้วยว่ะ ทีี่กูต้องให้มึงมาร่วมชะตากรรมแบบนี้ แต่กูก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าทำก็มีแต่เจ็บ ไม่ทำก็มีแต่เจ็บ ทุกวินาทีีที่เพิ่มก็ยิ่งมีแต่คนติดเชื้อและคนตาย กูต้องทำอย่างไร บอกกูที"
"สมคิด อืม...ผมเข้าใจนะ....แต่คือ..." นีออนเดินเข้าไปหาสมคิด แล้วเอามือตบบ่า "ตอนนี้เราต้องหายารักษาคนทั้งโลกและก็..."
"อืม ลงมือกันเลย"
สมคิดเดินไปเปิดผ้าคลุมไวท์บอร์ดที่อยู่ด้านมุมหนึ่งของห้อง แล้วลากมาไว้ทีี่กลางกระดานห้อง พร้อมกับอธิบายโครงสร้าง การเรียงตัวของโปรตีน การทำงานของไวรัส หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงไปนั่งประจำโต๊ะเครื่องมืออุปกรณ์เคมี บางทีีก็ต้มน้ำให้เดือด บางทีก็เขย่าหลอดแก้ว บางทีก็เพาะเชื้อในจานแก้ว ฉันเห็นพวกเขาสองคนทำงานอย่างขะมักเขม้น ร่วมกันทำงานอย่างสามัคคี จนในที่สุด
หลายวันผ่านไป
"สำเร็จแล้ว ยาต้านไวรัส ของพวกเรา"
ทันทีีที่พูดจบ นีออนก็ไอออกมา 2-3 ครั้ง เขาก้มตัวลงไปกับพื้นและก็ไอแทบไม่หยุดเลย ฉันรีบเข้าไปลูบหลังเขา และค่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงทีี่อ่อนโยน ไม่เป็นไรนะพี่นีออน ไม่เป็นไร สูดลมหายใจลึกๆ อย่างช้าๆ อย่างนั้นแหละ
เมื่อนีออนหยุดการไอ เขาหันหน้ามามองหน้าฉัน และยื่นแบมือออกมาให้ฉันดู
ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเลือด ที่ปากเขาของเขาก็มีเลือดสดเต็มปาก
"พี่นีออน พี่ พี่เกิดอะไรขึ้น"
"นิล" นีออนพูดอย่างช้าด้วยเสียงสั่นๆ "นิลก็รู้ใช่ไหม หลังจากที่ทำงานอะไรเสร็จตามเป้าหมาย ผลที่เกิดขึ้นมันคืออะไร"
"ไม่นะ ไม่นะ พี่จะต้องไม่ติดเชื้อไวรัส อย่าพูดอย่างนั้นพี่" หลังจากที่ฉัันพูดจบ นีออนทำใบหน้าเย๋เกและเอามือทาบที่หน้าอกของตัวเอง แสดงความรู้สึึกเจ็บปวดมาทางใบหน้า
"ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้องนะนิล พี่สัญญากับตัวเองแล้ว พี่จะต้องไม่ทำให้น้องร้องไห้ จากนี้ต่อไปคนทั้งโลกจะปลอดภััยแล้ว นิลก็ต้อง--"
ไม่ทันที่นีออนพูดจบ สมคิดกรอกยาต้านไวรัสเข้าปากโดยทันทีี ทำให้นีออนตาค้าง สมคิดเอามือปิดปากนีออน
"ในช่วงเริ่มต้นที่เราวิจัยไวรัสนี้ด้วยกัน เราสองคนพลาดท่าจากกินโบโลน่าเข้าไป จึงได้รู้ว่าไวรัสมาจากอาหารชนิดนี้แหละ พี่รอดมาได้ คงน่าจะเป็นเพราะจากการเป็นหนูทดลองยาของบริษัทนี้ แต่นีออนนะซิ เขารู้ตัวเองอยู่เสมอ เขาจึึงพยายามทำให้ผลิตภัณฑ์ยาที่พวกเราร่วมกันคิดค้นขึึ้นมาไม่สำเร็จสักที"
และหลังจากนั้นไม่นานนีออนก็นิ่งสลบไป ฉันเขย่าร่างนีออนไว้ แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา
"พี่สมคิด พีี่คิดว่าพี่เขาจะรอดไหม"
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...โอกาสมีเพียงแค่ 1% เท่านั้น พี่ขอเอามหาลัยอ๊อกปอดเป็นเดิมพัน"
.................
ผ่านไปราวสิบกว่าวัน ต้นข้าวออกรวงเรืองอร่ามเต็มท้องทุ่งนา ดอกบานชื่นผลิดอกแย้มระรื่นท้ารับฤดูร้อน นกน้อยหยอกล้อล้อเล่นกันไปมา ลมร้อนพัดมากระทบกระดิ่งลมสร้างบทเพลงให้เกิดความรู้สึกเย็นใจ
ถึงแม้ว่าวัคซีนจะผลิตไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยาต้านไวรัสที่สมคิดและนีออนผลิตคิดค้นมันขึึ้นมา มันช่วยรักษาผู้คนบนโลกนี้เอาไว้ได้ทันท่วงที ผู้คนบนโลกเริ่มจะหายจากอาการติดไวรัสแล้ว บริษัทเรนโค้ทถูกศาลโลกพิพากษา สมคิดต้องถูกจำคุกเนื่องจากปล่อยให้ไวรัสแพร่ระบาด ส่วนฉันพานีออนมารักษาอาการที่บ้านเกิดของฉันเอง
ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำและลูบท่อนแขนนีีออนอย่างช้าๆ หลังจากนั้นฉันเปิดโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงของปัทโถ่เฟ่น เล่าเรื่องเดอะช๊อคให้นีีออนฟัง แต่แล้วนีออนก็ยังไม่ตื่นขึึ้นมาจากภวังค์ ฉันเอาหัวตัวเองซบทีีไหล่ของนีออน เอามือตัวเองกุมมือนีออนเอาไว้ แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เราทั้งสองคนอยู่ด้วย พูดคุยด้วยกัน
แต่แล้วฉันรู้สึึกได้ว่ามีอะไรที่สะกิดทีี่มือของตัวเอง ไม่นานนักก็มีท่อนแขนของนีออนเข้ามาลูบที่หัวของฉัน ฉันสะดุ้งดึึึงหัวตัวเองขึึ้นมา มองเห็นนีออนลืมตาสบตาฉันอย่างไม่ลดละ ฉันรู้สึกดีใจจนแทบจะพูดไม่ออก
"เป็นอะไรเหรอ..คนดี....." นีออนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้ม "ดูซิ...น้ำตาไหลอีีกแล้ว กลายเป็นคนขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"
ฉันแทบจะพูดไม่ออก ฉันเอาหน้าซบตรงอกของนีออน แล้วเอามือกอดร่างชองนีออนไว้แน่นๆ
"อะไรกัน นี่น้องพูดไม่ออกแล้วหรือเนี่ย ติดไวรัสตัวไหนมาแล้วล่ะเนี่ย มาๆ ให้พี่ช่วยแก้ให้ โอม เพี้ยง แหม่ๆๆ ดูสิ เอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมตอบพี่เลย" นีออนยังคงพูดไม่หยุดหลังจากที่เขาตื่นมา ส่วนฉันยังมีน้ำตาไหลไม่หยุดเช่นกัน ฉันโผล่หัวขึ้นมา แสดงให้เห็นใบหน้าที่ดูไม่น่ารักเอาเสีียเลย
"จะให้ฉันตอบอย่างไรดีล่ะ"
ฉันตอบด้วยเสียงสั่น แล้วหลังจากนั้นสูดลมหายใจลึก เอามือปาดน้ำตา
"ก็ถ้าโฮสต์ตัวนี้ตายไป ไวรัสอย่างฉันก็คงตายตาม"
.......THE END..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in