ย้อนกลับไปกลางเดือนตุลาคม 2015
ฉันอายุ 37
ฉันไม่เคยไปต่างประเทศ...ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก ไม่เคยไปจริงๆอะ 5555
และๆๆๆ ...
ฉันกำลังจะไป " ญี่ปุ่น "
คนเดียว
.
กรี๊ดดดดดดดด มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว !!!
(^_____^)/
.
.
.
5555 ตื่นเต้นมากก...
ความสุข ความสนุก มันเริ่มขึ้นตั้งแต่การวางแผน การหาข้อมูลแล้วนะ ว่ามั้ย ^^
.
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกท่านที่เคยให้ข้อมูลไว้นะคะ ทั้งกระทู้ บลอคเกอร์ หนังสือ ig และอื่นๆ
ทุกๆเรื่องที่มาแชร์กัน ฉันอาจจะจำชื่อไม่ได้ แต่ข้อมูลพวกนั้นมีประโยชน์มากจริงๆ คือ เสิร์จหาอะไรก็เจอ เรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจหาก็ยังเจอ 5555 ได้รู้อะไรดีๆเยอะเลย สุดยอดมาก
.
ทริปลิสท์ 7 วันนี้ ฉันเลือกไปที่ที่เคยเห็นรูปแล้วหัวใจพองโต ตื่นเต้น เวลามีแค่นี้ เลือกย๊ากยากอะ
.
และ 3 สถานที่ ที่คิดไว้ว่าต้องไปให้ได้
1. Ghibli museum อันนี้เป้าหมายหลัก ไฝ่ฝันมานานแล้วว่าอยากไปเห็นกับตา ที่นี่เป็นที่เดียวที่ต้องฟิกซ์วัน/เวลา เนื่องจากต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ฉันจ้างวานให้คนไทยที่ญี่ปุ่นจองให้
2. Osanbashi Pier ท่าเรือที่ Yokohama
3. ทุ่ง Kochia ที่ Ibaraki
เวลาที่เหลือ ก็จะไปเดินดูตามย่านต่างๆในโตเกียว
...
ฉันจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมล่วงหน้า4 เดือน เหมือนนานเนอะ
แต่เอาเข้าจริง พอใกล้วันเดินทางก็เหมือนจะเตรียมอะไรไม่ค่อยทัน คือ...มันก็ค่อนข้างพร้อมอะแหละ แต่ตื่นเต้นง่ะ
เลยชวนคุณแฟนไปกินส้มตำ กินเบียร์บำบัดความตื่นเต้น เลือกได้ดีเนอะเหอๆ ดีว่าขะรี่ไม่แตกตอนเดินทาง
.
ปิ๊งงง...และแล้วก็มาถึงวันนี้!!! พูดกับตัวเองว่า เฮ้ย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะไปหายใจที่ญี่ปุ่นแล้วว่ะ เฮ้ย วันนี้แล้วอะ 5555
.
06 Oct 15 ออกจากบ้านแต่เช้าไปดอนเมือง เช็คอินออนไลน์ไปแล้ว ไปถึงก็เลยได้โหลดกระเป๋าเร็ว ไม่ต้องต่อคิวนาน
แต่ๆ...คือว่าตอนจองตั๋ว ฉันเสียเงินเพิ่มเพื่อเลือกที่นั่งเดี่ยว พอขึ้นเครื่องจริงๆปรากฏว่ามันเป็นที่นั่งคู่อะ อ่าว...ไม่เห็นเหมือนในเวบเลย แต่ก็หยวนๆไปแบบงงๆ อ่าว อา อืมๆ
ซึ่งโชคดีว่าคนที่นั่งข้างๆ เป็นผู้หญิงญี่ปุ่นเงียบๆเรียบร้อย เลยไม่มีปัญหาอะไร 6 ชั่วโมงผ่านไปแบบสงบเงียบ
.
เกือบๆทุ่มนึงที่ญี่ปุ่น เครื่องยังไม่ Landing ภาพแรกที่เปิดม่านไปเห็นผืนแผ่นดินญี่ปุ่น คือมืดสนิทแล้ว แถวนั้นคงเป็นชานเมือง แค่เห็นแสงไฟยังรู้สึกว่าข้างล่างนั้นดูโคตรจะเป็นระเบียบเลย ทุกถนน ไฟรถยนต์แต่ละคันจะห่างเท่าๆกันเป๊ะๆ !!!
นั่นคือภาพแรกที่ฉันเห็นญี่ปุ่นด้วยตาตัวเอง
.
ออกจากเครื่องแล้วใช้ wifi ฟรีของนาริตะ Line ไปบอกคุณแฟนกับเพื่อนๆ ว่าฉันมาถึงแล้วนะ ปลอดภัยหายห่วง สบายใจได้ ^^
.
เอิ่มม...คือว่า...การมาญี่ปุ่นคนเดียวของฉันเนี่ย ค่อนข้างสร้างความหวาดระแวงระวังกังวลจากคุณแฟนและเพื่อนๆมากทีเดียว
แหะๆ คือปกติเวลาไปไหนๆ ฉันจะจำทางไม่ได้ และหลงทิศขั้นรุนแรง ห้างที่ไปบ่อยๆก็ยังเดินหลง นี่พูดจริงๆนะ ทำใจมาเลยว่า "หลง" ชัวร์
แล้วทำไมถึงมาคนเดียว ?
ก็เพราะคุณแฟนต้องเสียสละอยู่บ้านดูแลหมาๆน่ะสิ 5555 เลิฟนาง ^^
ฉันมีหมาตัวนึงที่ฝากใครเลี้ยงไม่ได้ นางแก่แล้ว และนางไม่ยอมอยู่กับใครเลย --" ( แต่นางน่ารักมากนะ อวยหมาตัวเองสุดๆ ยอมรับก็ได้ :)
และฉันมีข้อจำกัดทางร่างกายนิดหน่อยจากอุบัติเหตุ ซีกซ้ายจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ และยกของหนักไม่ได้
ทริปนี้เลยไปแบบตัวเบาๆ ถ่ายรูปด้วยมือถือ กับกล้อง gopro ซึ่งดี๊ดี เพราะ gopro มันเบามากก
เค้าว่ากันว่า มาเที่ยวญี่ปุ่นต้องเดินเยอะมาก คนขี้เกียจออกกำลังกายอย่างฉันก็เลยซ้อมเดินวันละ 5-10 km. วีคละ3ครั้งเป็นอย่างน้อย 5555 ง่ะ...เกิดจะขยันขึ้นมาซะงั้น
.
ฉันจะหลงมั้ย...ฉันจะรอดมั้ย...มาดูกัน ^^
.
หลังจากที่ยกกระเป๋าออกมาจากสายพาน เดินไปเข้าแถวรอพบ ตม.
เราไม่ได้มีอะไรผิดที่กฏหมายหรอกนะ แต่แบบ...ผู้หญิง...มาคนเดียว... กังวลไปเองกลัวเค้าไม่ให้เข้าประเทศงี้
พอถึงคิวเราก็เดินยิ้มเข้าไป เค้าก็ถามแค่ มากับผู้ชายคนข้างหลังหรอ ( คิวข้างหลังเป็นผู้ชาย ) ก็ปฏิเสธไป บอกว่ามาคนเดียว ก็มีคำถามเพิ่มมาอีกนิดหน่อย มาทำไม มากี่วัน ไม่ได้นำสิ่งของผิดกฏหมายมาใช่มั้ย ไม่ดุเลย ยิ้มแย้มเวลคัมสุดๆ
แค่นั้นเองอะ นาทีนึงยังไม่ถึงเลยมั้ง ^^ โล่งมากข่าาา
.
ออกมาก็หาที่ซื้อ JR Kanto Pass
เลือก pass นี้ เพราะว่าทั้ง 3 สถานที่ ที่จะไป ดูพยากรณ์อากาศแล้ว วันอากาศดีฝนไม่ตกของแต่ละที่ มันจัดให้ติดกันได้ใน 3 วันแรกเลย คุ้มๆ
ซื้อ IC card pasmo กับตู้อัตโนมัติ เร็วมาก
( เข้าใจว่า Suica กะ Passmo มันใช้เหมือนกัน )
แล้วก็หาที่ซื้อตั๋ว Keisei Skyliner แบบด่วนไปกลับ Narita - Ueno
มีโปรซื้อคู่กับ subway ticket ด้วย นี่ก็คุ้ม ^^
.
ขอจองที่นั่งไป Ueno รอบต่อไปเลย ( ส่วนตั๋วอีกใบ เป็น open ticket ค่อยเอาไปจอง วันที่นั่งกลับมานาริตะ )
.
การเดินทางครั้งแรกในญี่ปุ่น
รถขบวนนี้วิ่งตรงจากนาริตะถึง ueno ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนเลย เร็วมากด้วย ราวๆ40นาทีถึงละ
ออกมาจากสถานี keisei ueno sta.โรงแรมที่จองไว้อยู่ตรงหน้าเลย คือไม่ต้องหา โอกาสหลง 0%
ช่างเหมาะกับคนหลงทิศอย่างเรามาก ^^
.
เช็คอินที่ kinuya hotel ไม่ยุ่งยากอะไร เราพักที่นี่ 7 คืน
ขึ้นไปถึงห้อง ขนาดก็เล็กตามที่คาดไว้ เก่าตามอายุ สะอาดพอใช้ อับๆนิดหน่อย แต่ก็นะราคาถูก ทำเลดี ไปไหนมาไหนสะดวกมาก เดินไปสถานีต่างๆได้ไม่ไกล
" แต่ถ้าจะออกไปข้างนอกต้องฝากกุญแจนะ "
ใช้ wifi ของโรงแรม line บอกคุณแฟน แล้วก็ออกไปหาของกินมื้อแรกดีกว่า... ฮี่ๆๆๆ ลัลล๊าาา นี่เราหายใจอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วจริงๆนะเนี่ย ^^
.
กินไรดีน๊าา กินไรดีน๊าา...คึกคักร่าเริงมากค่ะคุ๊ณณ 5555
อ่าา ร้านนี้สั่งอาหารจากตู้กด ไม่เคยทำต้องลองๆ
งงแหละ แต่ก็กดไปมั่วๆ เดาว่าข้าวหน้าเนื้อ หน้าหมูไรงี้มั้ง
เอิ่มม...กินเบียร์ด้วยดีกว่า...หุหุ รูป can แบบนี้แหละน่าจะใช่ จิ้มโลด
ได้ตั๋วมา2ใบ เอาไปยื่นที่ครัว แล้วมานั่งรอ เค้าเอาน้ำเปล่ามาให้ก่อน ตามมาด้วย can ที่มั่วกดไปตะกี๊
เหอๆ มันไม่ใช่เบียร์ค่ะคุณ มันเหมือนเหล้าโซดาน้ำ
และเพิ่งเห็นชัดๆที่ can ว่ามันคือ whisky แอลกอฮอล์ 9% เนียนเรย ^^
ข้าวหน้าเนื้อเสิร์ฟตามมาติดๆ อร่อยและอิ่มอยู่นะ และราคาก็ถูกมากกก 2อย่างนี่ 580y !!! ไม่ถึงสองร้อยบาทเลย !!!
.
เดินผ่าน Lawson ไหนๆดูซิมีไรกินเล่นมั่ง
เคยอ่านมาว่า ข้าวห่อสาหร่ายในคอนบินี่ ถ้าเราแกะพลาสติกตาม step 1-2-3 สาหร่ายที่กั้นไว้มันจะมาห่อข้าวเอง ต้องลองๆ
แต่คืนนี้อิ่มแล้ว ข้าวสามเหลี่ยม พุดดิ้ง กาแฟ เก็บใส่ตู้เย็นไว้เล่นพรุ่งนี้เช้าค่ะ
อาบน้ำ นอนมองเพดาน
เฮ้ย...นี่เราอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วจริงๆด้วยอะ ^^
.
.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in